PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

'ปู'โดนเอง!ม็อบนกหวีดเป่าไล่ที่บ้านเกิด

'ปู'โดนเอง!ม็อบนกหวีดเป่าไล่ที่บ้านเกิด หวิดปะทะกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ หลวงพ่อพันเทวาเพ่งตะวันช่วยอีก

              เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 12 ธันวาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าประชุมหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดภาคใต้ โดยมีนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับกลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนกว่า 100 คน เพื่อร่วมต้อนรับและให้กำลังใจกับนายกในการปฏิบัติหน้าที่

              อย่างไรก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่กว่า 50 คน ที่เดินทางจากศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ได้ตามมาสบทบ หลังจากนั้นมีกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณจำนวน 10 คน มาชุมนุมเป่านกหวีดขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ถูกกลุ่มเสื้อแดงขัดขวาง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลไม่ให้เกิดการปะทะกัน กระทั่งกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณได้แยกย้ายกลับ ทำให้ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น


  "ยิ่งลักษณ์"บอกสื่อมาเชียงใหม่ทำให้มีกำลังใจ     

              ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงการเดินทางมาประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่นั้น ซึ่งมีประชาชนมารอต้อนรับและให้กำลังใจนั้น ปรากฏว่านายกรฯได้ยกมือไหว้ขอบคุณและโบกมือทักทายก่อนที่จะหันมาบอกกับผู้สื่อข่าวคนหนึ่งว่า "มาที่นี่ค่อยมีกำลังใจหน่อย ได้กลับบ้านที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลายอย่างเหลือเกิน"


หลวงพ่อพันเทวาเพ่งตะวันช่วยอีก

              ขณะเดียวกันในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น.พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือหลวงพ่อพันเทวา อายุ 76 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อาจารย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เพ่งพระอาทิตย์ เพื่อปกปักรักษา ให้รักษาการนายกรัฐมนตรีปลอดภัย และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ทางแกนนำได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเข้าให้กำลังในรักษาการนายกรัฐมนตรี 


นักวิชาการแนะแก้กม.เลือกตั้งลดผูกขาด

              ผศ.ดร.ทิวากร แก้วมณี อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ปัจจุบันพรรคการเมืองของไทยแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวที่จะสะท้อนความคิดและความต้องการของประชาชน และพรรคการเมืองใหญ่ถูกครอบงำโดยคนไม่กี่คนและผลประโยชน์ของคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่แย่งชิงกันไปมา ทำให้พรรคการเมืองของไทยล้มเหลว ส่งผลให้ระบอบรัฐสภาล้มเหลว ส.ส.ถูกชี้นำให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทุนพรรคเท่านั้น จึงก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาและเกิดกระแสต่อต้านระบอบทักษิณดังที่สังคมไทยเห็นๆกันอยู่ ซึ่งระบอบทักษิณนี้ ก็คือ นายทุนเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมดสามารถสั่งการ ส.ส.ที่เป็นเหมือนสมุนให้ซ้ายหันขวาหันเท่านั้น เพียงมีผลประโยชน์บางอย่างตอบแทน ส.ส.เหล่านี้จึงละเลยความคิดและความต้องการของประชาชนที่เลือกเขาเข้าไป

              กระนั้น การจะขจัดระบอบทักษิณให้หมดอย่างไรก็ต้องทำตามวิถีประชาธิปไตย ต้องยึดถือระบอบรัฐสภา ยึดตามกรอบระบอบประชาธิปไตยด้วย ซึ่งทางออกเบื้องต้นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ คือ ต้องแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองเพื่อลดการผูกขาดอำนาจของนายทุนพรรค แก้ไขให้ ส.ส.มีอิสระมากขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาสมัคร ส.ส.ให้สังคมไทยมีตัวเลือกที่จะเลือกผู้แทนราษฎรมากขึ้น ส.ส.จะได้ไม่ตกอยู่ภายใต้คำสั่งและการบัญชาของนายทุนพรรคแต่เพียงอย่างเดียว  และควรมีคนกลางที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนที่ประชาชนเชื่อถือช่วยมารวมตัวกันเพื่อบ้านเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าระบบรัฐสภาของไทยยังคงมีนักการเมืองและส.ส.ที่มีคุณภาพคอยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และอย่างน้อยประชาชนและสังคมไทยก็มีโอกาสได้เลือกนักการเมืองหน้าใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆที่อาจเป็นความหวังของประเทศไทยก็เป็นได้

              ส่วนทางออกของการเมืองเฉพาะหน้านี้ ดร.ทิวากร เสนอว่า ทุกฝ่ายควรหันเข้ามาเจรจาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน และที่ผ่านมาทาง กปปส.มีทางลงหลายทางแล้ว แต่คงประเมินสถานการณ์ว่าตนเองจะชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงชุมนุมต่อไป ซึ่งคาดว่าจะส่อเค้ายืดเยื้อ และหากการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 ดำเนินการไม่ได้ หรือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และ กปปส.ยังคงชุมนุมขับไล่รัฐบาลซึ่งอาจเป็นรัฐบาลชุดเดิม ทางกลุ่มคนเสื้อแดงก็อาจจะออกมาต่อต้านได้ และความรุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น ทางที่ดีสำหรับประเทศไทย คือ ทั้งสองฝ่ายควรหันมาเจรจากันหาทางออกร่วมกัน  ฝ่ายไหนจะเสนอปฏิรูปประเทศจะมีข้อเสนออะไรก็มาร่วมกันเจรจาหาทางออก และที่สำคัญต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย

ไม่มีความคิดเห็น: