วันเสาร์, กันยายน 06, 2557
วงค์ตาวัน: ตำนานตบเท้าเข้าบ้านสี่เสา
ชกคาดเชือก
มติชนสุดสัปดาห์ 29 สิงหาคม - 4 กันยายน 2557
ปกติบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล. อ. เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรี จะเปิดรับการตบเท้าเข้าอวยพรของผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ ไปจนถึงข้าราชการกระทรวงสำคัญ ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอถึงปีละ 3 ครั้ง
คือวันปีใหม่ วันสงกรานต์และ วันเกิด 26 สิงหาคม
มาในปีนี้วันเกิดครบ 94 ปี กลายเป็นข่าวที่เป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึง เมื่อป๋าเปรมประกาศงดเปิดบ้านให้เข้าอวยพร โดยนายทหารคนสนิทเป็นผู้แจ้งข่าวพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลว่า"ไม่อยากรบกวนพล. อ. ประยุทธ์จันทร์โอชาและผบ. เหล่าทัพเห็นว่ากำลังยุ่ง มีภารกิจมากมายในการบริหารประเทศเวลานี้ "
นี่จึงนำมาสู่ข้อสงสัยมากมาย
เพราะธรรมเนียมปฏิบัติเข้าบ้านป๋าปีละ3 ครั้งดำเนินต่อเนื่องมาทุกปี
ผู้นำเหล่าทัพทุกยุคล้วนยึดถือปฏิบัติมากว่า 30 ปีแล้ว
จู่ๆป๋ามาสั่งงดย่อมเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์!!
เกิดกระแสข่าว 2 กระแสที่บ่งชี้เบื้องหลัง
กระแสหนึ่งระบุว่าการที่คนสนิทป๋าเปรมให้เหตุผลว่าเห็น พล. อ. ประยุทธ์และผบ. เหล่าทัพกำลังยุ่งเพราะกำลังมีภารกิจบริหารประเทศจึงไม่อยากรวบกวนเวลานั้น
ภารกิจที่กำลังยุ่งก็คือ การควบคุมการปกครองประเทศและกำลังตั้งรัฐบาลที่มี พล. อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ
ดังนั้นทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องต้องกันว่าหากพล. อ. ประยุทธ์และคณะนายทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจตบเท้าเข้าอวยพรป๋าเปรมจะทำให้เกิดภาพไม่ดีกับป๋า เหมือนไปดึงป๋าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจหนนี้
เกรงจะทำให้ป๋าเปรมตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีในทางการเมืองได้
การที่ป๋างดเปิดบ้านและการที่ผบ.เหล่าทัพไม่ได้เข้าบ้าน จึงมีเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้ป๋าต้องเสียหายในห้วงของการปฏิวัติรัฐประหารนี่เอง
แต่มีอีกกระแสข่าวระบุว่าก่อนและหลังการยึดอำนาจหนนี้ พล. อ. ประยุทธ์และแกนนำคสช พยายามระมัดระวังอย่างสูง เพื่อไม่ให้ป๋าเปรมต้องมีภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง
เนื่องจากมีสถานะเป็นถึงประธานองคมนตรี ย่อมต้องปกป้องไม่ให้ถูกลากไปโจมตีได้
คณะคสช จึงไม่ได้ติดต่อประสานกับป๋าเปรมมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนปฏิวัติแม้แต่วันลงมือยึดอำนาจไปจนถึงหลังจากนั้น ได้ป้องกันเต็มที่ไม่ให้มีภาพป๋าเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
ข่าวกระแสนี้ระบุว่าการที่ป๋าเปรมปิดบ้านสี่เสาไม่ให้ใครเข้าอวยพรเป็นการตอกย้ำความเป็นจริงที่ว่า บ้านสี่เสามีระยะห่างจากคณะนายทหารยุคนี้อย่างชัดเจนเป็นสำคัญ!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ายึดอำนาจของคสช เมื่อ 22 พฤษภาคมนั้น เป็นผลมาจากขบวนการวางแผนชัตดาวน์ประเทศ ทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลายเป็นรัฐล้มเหลว
ขบวนการเคลื่อนไหวซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายหลายส่วนมีทั้งกลุ่มอำนาจ มีทั้งพรรคการเมือง มีทั้งกลุ่มคนที่มีความคิดต้องการสังคมแนวอนุรักษนิยม
ทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินหน้าไปไม่ได้เพื่อกดดันให้ทหารต้องออกมายึดอำนาจ
แต่เราจะพบว่า การชุมนุมประท้วงขับไล่ยิ่งลักษณ์นั้นยืดเยื้อยาวนานจนแทบหมดเรี่ยวหมดแรงหมดทุนรอน
เพราะพล. อ. ประยุทธ์สงบนิ่งมาตลอด!
คงเพราะไม่ต้องการเป็นหมากในกลเกมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกทั้งเพื่อแสดงให้เห็นความเป็นตัวของตัวเองอย่างสูง
แม้กระทั่งวันที่ตัดสินใจยึดอำนาจ ก็เชื่อกันว่าเป็นการตัดสินใจตามจังหวะเวลาของผู้นำกองทัพเอง
ไม่ได้ตัดสินใจไปตามแผนที่คนอื่นวางเอาไว้เพื่อให้เป็นแค่คนออกมาปิดจ๊อบ
จึงน่าสนใจเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังมีการชุมนุมชัตดาวน์อย่างยืดเยื้อ
ในวันที่ 14 มีนาคมพล. อ. เปรมเดินทางไปเปิดอนุสาวรีย์พล. อ. กฤษณ์สีวะรา ในฐานะเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ที่ค่ายกฤษณ์สีวะราจังหวัดทหารบกสกลนครอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร
ขณะที่พล. อ. เปรม เดินนำคณะนายทหารดูบริเวณอนุสาวรีย์ดังกล่าว ได้หยุดอ่านข้อความที่บันทึกไว้ใต้ฐานรูปปั้น แล้วหันมากล่าวกับคณะนายทหารว่า "จะไปบอก ผบ.ทบ. ให้มาอ่านดูตรงนี้"
ทั้งนี้ป้ายข้อความดังกล่าวเป็นคำพูดของพล. อ. กฤษณ์ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
"ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา"
ท่าทีและคำพูดของป๋าเปรมในวันนั้นผนวกกับความหมายของข้อความดังกล่าว ทำให้ถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง
ในวันรุ่งขึ้นนักข่าวสอบถามพล. อ. ประยุทธ์ทันทีได้รับคำตอบว่าเป็นเพียงเรื่องภายในพล. อ. เปรมคงจะพูดในทำนองว่าอยากให้มาดูอนุสาวรีย์ที่สร้างใหม่ซึ่งหลายส่วนยังไม่เรียบร้อย
"ไม่มีการส่งสัญญาณ และผมเองไม่เคยรับสัญญาณใครทั้งนั้น"
พล. อ. ประยุทธ์ย้ำด้วยว่าประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้มีเกียรติเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหา และคงไม่ต้องฝากอะไรมาถึงตนเองเพราะก็คุยกันตลอด
จากวันที่ 14 มีนาคมทิ้งช่วงอีกกว่า 2 เดือนจึงเกิดเหตุ 22 พฤษภาคม
คสช เข้าควบคุมการปกครองมากว่า 3 เดือน และกำลังเข้าสู่ช่วงของการเข้าเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จะพบว่าได้พยายามมาตลอด เพื่อจะให้เห็นว่าเข้ามาทำหน้าที่กรรมการกลาง ยุติความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วให้หมดสิ้นไป
ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากลายเป็นว่าฝ่ายทักษิณพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงสงบเงียบเป็นส่วนใหญ่
โดยเชื่อว่า ฝ่ายนี้ต้องการให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อวันเลือกตั้งที่คสช กำหนดเอาไว้คือเดือนตุลาคม 2558 จะไม่ต้องเลื่อนออกไปอีก
ไปๆมาๆกลายเป็นว่า กลุ่มคนที่ร่วมขบวนการชัตดาวน์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งอาจจะรู้สึกเสมือนว่าเป็นคนกันเองกับผู้นำกองทัพและ คสช เริ่มหงุดหงิดและเริ่มแสดงความไม่เห็นด้วยกับคสช หลาย ๆ ประการ
ม็อบสวนยางปักษ์ใต้เริ่มขยับตัว กลุ่มเคลื่อนไหวด้านพลังงานเริ่มเดินขบวน
เร็ว ๆ นี้โฉมหน้าของสภาปฏิรูปแห่งชาติจะปรากฏออกมา และจะเริ่มเห็นแนวทางการวางกรอบการเมืองใหม่ว่าเป็นเช่นไร
เป็นไปตามฝ่ายต่อต้านทักษิณต้องการหรือไม่หรือ คสช จะทำให้ออกมาตามแนวของตัวเองไม่ยึดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นั่นจะเป็นคำตอบว่า สถานการณ์ในภายภาคหน้าของรัฐบาลประยุทธ์ จะต้องเผชิญกับคลื่นใต้น้ำจากฝ่ายไหนกันแน่
แต่วันนี้พล. อ. ประยุทธ์และคสชนี้จะพบว่าพล เดินตามแนวทางที่เป็นตัวของตัวเองอย่างสูง
ยึดอำนาจด้วยการตัดสินใจจังหวะเวลาเอง แล้วเป็นนายกฯ เอง ตั้งรัฐบาลประกอบด้วยคณะทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจเอง
กระนั้นก็ตามส่วนหนึ่งที่พล. อ. ประยุทธ์มีความมั่นใจในตัวเองสูง เพราะฐานกำลังในกองทัพนั้นค่อนข้างเหนียวแน่น
ถ้าหากการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. และระดับ 5 เสือที่กำลังจะลงมือในอีกไม่กี่วันนี้ วางคนที่ไว้วางใจได้คุมอย่างครบถ้วน
พล. อ. ประยุทธ์ ก็คงยังมั่นใจสูงที่จะเดินหน้าทำงานตามแนวทางของตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครมานำหรือกำหนด
แม้แต่กับป๋าเปรมก็น่าจะรักษาระยะห่างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฐานะประธานองคมนตรีต้องถูกโจมตีเสียหาย
แต่ยังไม่รู้ว่า จะมีผลให้ตำนานการตบเท้าเข้าบ้านสี่เสาที่ยาวนานมากว่า 30 ปี
ต้องแปรเปลี่ยนไปในที่สุดหรือไม่?
วงค์ตาวัน: ตำนานตบเท้าเข้าบ้านสี่เสา
ชกคาดเชือก
มติชนสุดสัปดาห์ 29 สิงหาคม - 4 กันยายน 2557
ปกติบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล. อ. เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรี จะเปิดรับการตบเท้าเข้าอวยพรของผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ ไปจนถึงข้าราชการกระทรวงสำคัญ ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอถึงปีละ 3 ครั้ง
คือวันปีใหม่ วันสงกรานต์และ วันเกิด 26 สิงหาคม
มาในปีนี้วันเกิดครบ 94 ปี กลายเป็นข่าวที่เป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึง เมื่อป๋าเปรมประกาศงดเปิดบ้านให้เข้าอวยพร โดยนายทหารคนสนิทเป็นผู้แจ้งข่าวพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลว่า"ไม่อยากรบกวนพล. อ. ประยุทธ์จันทร์โอชาและผบ. เหล่าทัพเห็นว่ากำลังยุ่ง มีภารกิจมากมายในการบริหารประเทศเวลานี้ "
นี่จึงนำมาสู่ข้อสงสัยมากมาย
เพราะธรรมเนียมปฏิบัติเข้าบ้านป๋าปีละ3 ครั้งดำเนินต่อเนื่องมาทุกปี
ผู้นำเหล่าทัพทุกยุคล้วนยึดถือปฏิบัติมากว่า 30 ปีแล้ว
จู่ๆป๋ามาสั่งงดย่อมเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์!!
เกิดกระแสข่าว 2 กระแสที่บ่งชี้เบื้องหลัง
กระแสหนึ่งระบุว่าการที่คนสนิทป๋าเปรมให้เหตุผลว่าเห็น พล. อ. ประยุทธ์และผบ. เหล่าทัพกำลังยุ่งเพราะกำลังมีภารกิจบริหารประเทศจึงไม่อยากรวบกวนเวลานั้น
ภารกิจที่กำลังยุ่งก็คือ การควบคุมการปกครองประเทศและกำลังตั้งรัฐบาลที่มี พล. อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ
ดังนั้นทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องต้องกันว่าหากพล. อ. ประยุทธ์และคณะนายทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจตบเท้าเข้าอวยพรป๋าเปรมจะทำให้เกิดภาพไม่ดีกับป๋า เหมือนไปดึงป๋าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจหนนี้
เกรงจะทำให้ป๋าเปรมตกเป็นเป้าหมายถูกโจมตีในทางการเมืองได้
การที่ป๋างดเปิดบ้านและการที่ผบ.เหล่าทัพไม่ได้เข้าบ้าน จึงมีเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้ป๋าต้องเสียหายในห้วงของการปฏิวัติรัฐประหารนี่เอง
แต่มีอีกกระแสข่าวระบุว่าก่อนและหลังการยึดอำนาจหนนี้ พล. อ. ประยุทธ์และแกนนำคสช พยายามระมัดระวังอย่างสูง เพื่อไม่ให้ป๋าเปรมต้องมีภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง
เนื่องจากมีสถานะเป็นถึงประธานองคมนตรี ย่อมต้องปกป้องไม่ให้ถูกลากไปโจมตีได้
คณะคสช จึงไม่ได้ติดต่อประสานกับป๋าเปรมมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อนปฏิวัติแม้แต่วันลงมือยึดอำนาจไปจนถึงหลังจากนั้น ได้ป้องกันเต็มที่ไม่ให้มีภาพป๋าเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
ข่าวกระแสนี้ระบุว่าการที่ป๋าเปรมปิดบ้านสี่เสาไม่ให้ใครเข้าอวยพรเป็นการตอกย้ำความเป็นจริงที่ว่า บ้านสี่เสามีระยะห่างจากคณะนายทหารยุคนี้อย่างชัดเจนเป็นสำคัญ!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ายึดอำนาจของคสช เมื่อ 22 พฤษภาคมนั้น เป็นผลมาจากขบวนการวางแผนชัตดาวน์ประเทศ ทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลายเป็นรัฐล้มเหลว
ขบวนการเคลื่อนไหวซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายหลายส่วนมีทั้งกลุ่มอำนาจ มีทั้งพรรคการเมือง มีทั้งกลุ่มคนที่มีความคิดต้องการสังคมแนวอนุรักษนิยม
ทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เดินหน้าไปไม่ได้เพื่อกดดันให้ทหารต้องออกมายึดอำนาจ
แต่เราจะพบว่า การชุมนุมประท้วงขับไล่ยิ่งลักษณ์นั้นยืดเยื้อยาวนานจนแทบหมดเรี่ยวหมดแรงหมดทุนรอน
เพราะพล. อ. ประยุทธ์สงบนิ่งมาตลอด!
คงเพราะไม่ต้องการเป็นหมากในกลเกมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกทั้งเพื่อแสดงให้เห็นความเป็นตัวของตัวเองอย่างสูง
แม้กระทั่งวันที่ตัดสินใจยึดอำนาจ ก็เชื่อกันว่าเป็นการตัดสินใจตามจังหวะเวลาของผู้นำกองทัพเอง
ไม่ได้ตัดสินใจไปตามแผนที่คนอื่นวางเอาไว้เพื่อให้เป็นแค่คนออกมาปิดจ๊อบ
จึงน่าสนใจเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังมีการชุมนุมชัตดาวน์อย่างยืดเยื้อ
ในวันที่ 14 มีนาคมพล. อ. เปรมเดินทางไปเปิดอนุสาวรีย์พล. อ. กฤษณ์สีวะรา ในฐานะเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ที่ค่ายกฤษณ์สีวะราจังหวัดทหารบกสกลนครอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร
ขณะที่พล. อ. เปรม เดินนำคณะนายทหารดูบริเวณอนุสาวรีย์ดังกล่าว ได้หยุดอ่านข้อความที่บันทึกไว้ใต้ฐานรูปปั้น แล้วหันมากล่าวกับคณะนายทหารว่า "จะไปบอก ผบ.ทบ. ให้มาอ่านดูตรงนี้"
ทั้งนี้ป้ายข้อความดังกล่าวเป็นคำพูดของพล. อ. กฤษณ์ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
"ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา"
ท่าทีและคำพูดของป๋าเปรมในวันนั้นผนวกกับความหมายของข้อความดังกล่าว ทำให้ถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง
ในวันรุ่งขึ้นนักข่าวสอบถามพล. อ. ประยุทธ์ทันทีได้รับคำตอบว่าเป็นเพียงเรื่องภายในพล. อ. เปรมคงจะพูดในทำนองว่าอยากให้มาดูอนุสาวรีย์ที่สร้างใหม่ซึ่งหลายส่วนยังไม่เรียบร้อย
"ไม่มีการส่งสัญญาณ และผมเองไม่เคยรับสัญญาณใครทั้งนั้น"
พล. อ. ประยุทธ์ย้ำด้วยว่าประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้มีเกียรติเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหา และคงไม่ต้องฝากอะไรมาถึงตนเองเพราะก็คุยกันตลอด
จากวันที่ 14 มีนาคมทิ้งช่วงอีกกว่า 2 เดือนจึงเกิดเหตุ 22 พฤษภาคม
คสช เข้าควบคุมการปกครองมากว่า 3 เดือน และกำลังเข้าสู่ช่วงของการเข้าเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จะพบว่าได้พยายามมาตลอด เพื่อจะให้เห็นว่าเข้ามาทำหน้าที่กรรมการกลาง ยุติความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วให้หมดสิ้นไป
ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากลายเป็นว่าฝ่ายทักษิณพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงสงบเงียบเป็นส่วนใหญ่
โดยเชื่อว่า ฝ่ายนี้ต้องการให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อวันเลือกตั้งที่คสช กำหนดเอาไว้คือเดือนตุลาคม 2558 จะไม่ต้องเลื่อนออกไปอีก
ไปๆมาๆกลายเป็นว่า กลุ่มคนที่ร่วมขบวนการชัตดาวน์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งอาจจะรู้สึกเสมือนว่าเป็นคนกันเองกับผู้นำกองทัพและ คสช เริ่มหงุดหงิดและเริ่มแสดงความไม่เห็นด้วยกับคสช หลาย ๆ ประการ
ม็อบสวนยางปักษ์ใต้เริ่มขยับตัว กลุ่มเคลื่อนไหวด้านพลังงานเริ่มเดินขบวน
เร็ว ๆ นี้โฉมหน้าของสภาปฏิรูปแห่งชาติจะปรากฏออกมา และจะเริ่มเห็นแนวทางการวางกรอบการเมืองใหม่ว่าเป็นเช่นไร
เป็นไปตามฝ่ายต่อต้านทักษิณต้องการหรือไม่หรือ คสช จะทำให้ออกมาตามแนวของตัวเองไม่ยึดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นั่นจะเป็นคำตอบว่า สถานการณ์ในภายภาคหน้าของรัฐบาลประยุทธ์ จะต้องเผชิญกับคลื่นใต้น้ำจากฝ่ายไหนกันแน่
แต่วันนี้พล. อ. ประยุทธ์และคสชนี้จะพบว่าพล เดินตามแนวทางที่เป็นตัวของตัวเองอย่างสูง
ยึดอำนาจด้วยการตัดสินใจจังหวะเวลาเอง แล้วเป็นนายกฯ เอง ตั้งรัฐบาลประกอบด้วยคณะทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจเอง
กระนั้นก็ตามส่วนหนึ่งที่พล. อ. ประยุทธ์มีความมั่นใจในตัวเองสูง เพราะฐานกำลังในกองทัพนั้นค่อนข้างเหนียวแน่น
ถ้าหากการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. และระดับ 5 เสือที่กำลังจะลงมือในอีกไม่กี่วันนี้ วางคนที่ไว้วางใจได้คุมอย่างครบถ้วน
พล. อ. ประยุทธ์ ก็คงยังมั่นใจสูงที่จะเดินหน้าทำงานตามแนวทางของตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครมานำหรือกำหนด
แม้แต่กับป๋าเปรมก็น่าจะรักษาระยะห่างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฐานะประธานองคมนตรีต้องถูกโจมตีเสียหาย
แต่ยังไม่รู้ว่า จะมีผลให้ตำนานการตบเท้าเข้าบ้านสี่เสาที่ยาวนานมากว่า 30 ปี
ต้องแปรเปลี่ยนไปในที่สุดหรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น