PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

dบ๊ายบาย "บิ๊กป๊อก" "บิ๊กตู่" บินเดี่ยว ศึกผู้พันกับแผนล้างบางแตงโม และคำสัญญา "ป.ป้อม"

บ๊ายบาย "บิ๊กป๊อก" "บิ๊กตู่" บินเดี่ยว ศึกผู้พันกับแผนล้างบางแตงโม และคำสัญญา "ป.ป้อม"

พิธี อำลากองทัพบก และส่งมอบตำแหน่ง ผบ.ทบ. ของคนกันเอง จาก พี่ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้น้องตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดขึ้นในเวลา 14.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนนี้

ตามธรรมเนียม จะมีการสวนสนามของทหารหน่วยกำลังรบ และการกล่าวสดุดี และอำลา นำโดย ผบ.ทบ.คนใหม่ การส่งมอบ "ธงแห่งการบังคับบัญชา" หรือธง ผบ.ทบ. สีแดงฉานจากคนเก่าให้คนใหม่

กระนั้นก็มีเสียงซุบซิบว่า จากความแนบแน่นสนิทสนมดุจพี่น้องร่วมสาบาน พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะให้โอกาสพี่ป๊อก นอนกอดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ไปจนวินาทีสุดท้าย เมื่อเที่ยงคืน 30 กันยายน เพราะวินาทีต่อจากนั้น อำนาจก็เป็นของน้องตู่ ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยพิธีส่งมอบตำแหน่ง ควรมีขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม ก็ได้ แถมทั้งไม่ติดขัดเรื่องวันหยุด เพราะเป็นวันศุกร์ด้วยซ้ำ

แต่อาจเป็นเพราะ พล.อ.อนุพงษ์ รู้ดีว่า น้องตู่ของเขา รอวันนี้มานานด้วยใจระทึก ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวฝ่าฟันอุปสรรคสีแดงแบบหวุดหวิดและโชคช่วย ไม่เสียอำนาจ การเมืองไม่เปลี่ยนขั้ว จนได้เป็น ผบ.ทบ. สมใจ

อีกทั้งเกรงว่า หากหลังเที่ยงคืน 30 กันยายน เกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะเสียงตูมตาม ต้อนรับ ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.อนุพงษ์ จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ เพราะยังไม่ได้ส่งมอบหน้าที่

แต่จริงๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเสมือนหนึ่ง ผบ.ทบ. ตั้งแต่โผทหารคลอดเมื่อ 2 กันยายน นั่นแล้ว หรืออาจก่อนหน้านั้น หรือตลอดเวลา 3 ปีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. ด้วยซ้ำ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเสมือน ผบ.ทบ. เงา ที่คอยสะกิดอยู่เบื้องหลัง ยิ่งช่วงที่เป็น รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยิ่งเป็นเสมือน ผบ.ทบ. ตัวจริง

ยิ่งเมื่อโผทหารคลอดออกมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็สวมทั้งบท เสธ.ทบ. รอง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ. ชี้นิ้วสั่งการเองทั้งหมด แถมคุมละเอียดยิบ จนเวลานี้ ฉายา "ตู่ นะจ๊ะ" เพราะชอบพูดคำว่า นะจ๊ะลงท้าย ก็ได้ฉายา "ตู่ จู้จี้" เพิ่มมาอีก

ที่สำคัญ เวลา พล.อ.ประยุทธ์ พูดหรือสั่งอะไร บิ๊กๆ ใน ทบ. ต่างก็ต้องมาคอยห้อมล้อมและเงี่ยหูฟัง ในขณะที่ปล่อยให้ พล.อ.อนุพงษ์ เดินเดี่ยว พูดอะไรก็เหมือนเป่าสาก หรือลอยไปตามลม ตามประสาคนใกล้หมดอำนาจ

แต่อยู่ที่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะยอมอยู่ในสภาพนั้นหรือไม่ หรือกำลังดิ้นเพื่ออำนาจอยู่...

แต่กระนั้น โดยทางการแล้ว 30 กันยายน ก็เป็นวันสุดท้ายแห่งอำนาจของ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะ ผบ.ทบ. คนที่ 36 ที่เวลานี้นับถอยหลังอย่างใจหาย โดยเฉพาะเมื่อต้องนับวันที่เหลืออยู่ โดยไม่นับวันเสาร์อาทิตย์

นี่กระมังที่ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังใช้เวลาและอำนาจที่อยู่ในมือในการเคลียร์เรื่องคั่งค้างต่างๆ ให้เสร็จสิ้น โดยยกเลิกกำหนดการไปอำลาหน่วย ยกเว้นการอำลาของเหล่าราบเป็นส่วนรวม 24 กันยายน จนทำให้เกิดเสียงซุบซิบว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะยังไม่ไปไหน

ด้วยเพราะขนาดการไปอำลาหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ที่ทุ่งสีกัน เมื่อ 9 กันยายนที่ผ่านมา ทางหน่วยก็ไม่เรียกว่า การอำลา แต่เป็นการตรวจเยี่ยมหน่วยของ ผบ.ทบ. เท่านั้น ทั้งๆ ที่รูปแบบที่มีการนำอาวุธยุทโธปกรณ์และทหารมาสวนสนามเทิดเกียรตินั้น คือนัยของการอำลา

แต่ทว่า พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่ได้กล่าวอำลากำลังพล ได้แต่ขอบคุณที่ช่วยกันทำงานแก้ไขวิกฤติที่ผ่านมา และขอให้เตรียมพร้อมในการทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

ตามปกติ รูปแบบการกล่าวอำลาชีวิตรับราชการ จะต้องมีการพูดย้อนถึงชีวิตรับราชการที่ผ่านมา และอาจมีการฝากกองทัพไว้กับ ผบ.ทบ.คนใหม่ แต่กลับไม่มีอยู่ในสิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว แต่ในพิธีส่งมอบตำแหน่ง 30 กันยายน พล.อ.อนุพงษ์ ไม่อาจหลีกหนีการกล่าวอำลา แต่จะทิ้งทวนทิ้งท้ายอย่างไร

แต่กระนั้น ก็เป็นการทำให้เหล่าทหารปืนใหญ่คึกคัก เพราะไม่มี ผบ.ทบ. คนไหน ที่มาพิธีเช่นนี้มานานมาก เพราะแม้ ผบ.ทบ. ที่มาจากเหล่าทหารปืนใหญ่ คนท้ายสุด คือ บิ๊กสุ พล.อ.สุจินดา คราประยูร แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้อำลาหน่วย เพราะลาออกไปเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างกะทันหัน

แล้วจากนั้นมา ก็ยังไม่มี ผบ.ทบ. เหล่าปืนอีกเลย



แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ให้เกียรติ บิ๊กเล็ก พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผบ.นปอ. ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ผช.ผบ.ทบ. และมี บิ๊กยอด พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ สมาชิกแผงอำนาจ ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น ผบ.นปอ. คุมกำลังแทน ด้วยการมาเยือนหน่วย แต่ไม่เรียกว่าอำลาหน่วย ซึ่งไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ ถือเคล็ดใดหรือไม่

เวลาที่เหลืออยู่นี้ พล.อ.อนุพงษ์ หมดไปกับการเซ็นหนังสือ เอกสารคำสั่งต่างๆ และการเคลียร์แผล ทั้งเรื่อง เรือเหาะ ทบ. ที่ได้ส่ง พ.อ.วิวรรธ์ สุชาติ รองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุง ทบ. ไปเจรจากับสหรัฐอเมริกา จนยอมเปลี่ยนเรือเหาะลำใหม่ มาให้ภายใน 3-4 เดือน

ส่วนรถเกราะยูเครนเจ้าปัญหา ที่เซ็นสัญญาซื้อตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่ต้องวิ่งหาเครื่องยนต์และเกียร์มาตลอด ก็เร่งกันจนทางยูเครน จะส่งให้ 2 คันแรกที่เป็นต้นแบบ 17 กันยายน ที่สนามบินอู่ตะเภา ก่อนรีบนำไปให้กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ให้บูรพาพยัคฆ์เรียนรู้ และซ้อม ก่อนเปิดโชว์แสนยานุภาพก่อน พล.อ.อนุพงษ์ เกษียณ

แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็รอบคอบ เพราะได้ขอให้คณะรัฐมนตรี อนุมัติเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว หลังจากที่ถูกโจมตีว่า การเปลี่ยนเครื่องยนต์และเกียร์ถือเป็นสาระสำคัญ ที่จะต้องให้มีการประมูลแข่งขันใหม่ แต่ไม่รู้ว่า อีก 94 คันที่จะส่งมอบให้หมดในภายปี 2554 นั้น จะได้ตามสัญญาหรือไม่ ที่สำคัญ จะเป็นการกรุยทางในการซื้อรถเกราะยูเครน ล็อตสองอีก 121 คัน ราว 5 พันล้านบาท ต่ออีกด้วย อันทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เกษียณไปอย่างสบายใจไปเปราะหนึ่ง

ไม่แค่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ ยังสมนาคุณนายทหารหน้าห้องและนายทหารติดตาม ด้วยการเซ็นคำสั่งโยกย้าย พันเอกพิเศษ 7 คน และพันเอก 5 คน หรือโผผู้บังคับการกรม และโผผู้บังคับกองพัน นอกฤดู ส่งลูกน้องลงตำแหน่งสำคัญ ทั้งๆ ที่ปกติจะต้องให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ เป็นคนแต่งตั้ง ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน

ทั้งการส่ง เสธ.อาร์โนลด์ พ.ท.ชนมากรณ์ ภิบาลชนม์ ทหารเสือราชินีหน้าห้อง ไปเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.พัน ร.มทบ.11) ส่งผลให้ความเป็นเพื่อน ตท.27 สะบั้น เพราะ ผู้พันโต พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ ถูกเด้งไปเป็นฝ่ายเสนาธิการประจำฯ แต่ได้พันเอกพิเศษปลอบใจ ในฐานะที่เป็นหน่วยแนวหน้า หน่วยแรกที่ถูกส่งเข้ากรำศึกเสื้อแดงหนักมาตลอดเกือบ 3 ปี

รวมทั้งการให้ เสธ.เอ๋ พ.ท.สันติพงษ์ มั่นคงดี (ตท.26) รอง ผบ.พัน สห.ทบ. ขึ้นเป็น ผบ.สห.ทบ. แทน ผู้พันอ๊อบ พ.อ.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ (ตท.25) ที่ก่อศึกขึ้นอีกคู่ เพราะที่ผ่านมามีการเลื่อยขา ปล่อยข่าวโจมตีกันมาตลอด แล้วเป็นจังหวะให้ พ.ท.ณุดนัย บูรณสมภพ (ตท.31) นายทหาร รปภ. พล.อ.ประวิตร มาเสียบเป็น รอง ผบ.พันสห.ทบ. แท็กทีมกัน

การเด้ง พ.อ.สุชาติ และ พ.อ.ฐิติศักดิ์ ไปเป็นฝ่าย เสธ.ประจำฯ และให้ พันเอกพิเศษปลอบใจ นี้ สร้างความแปลกประหลาดใจให้บิ๊กๆ ใน ทบ. ด้วยรู้กันดีว่า ทั้ง 2 ผู้พัน ซึ่งเป็นหน่วยที่ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้วางใจ ใช้งานตลอด โดยเฉพาะศึกเสื้อแดง ไม่ว่าปีไหน จะเป็นกองพันแรกที่เข้าดาหน้ากับเสื้อแดง และเป็นกองร้อยรักษาความสงบ (รส.) มาตลอด แถมเป็นกองพันกลางกรุง ที่ "เซิร์ฟ" (เซอร์วิส) นายทุกคน

แต่อาจเป็นเพราะนั่งมาจะครบ 3 ปี ครบเทอมแล้ว แถมทั้ง บิ๊กอ๊อด พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ลูกพี่สายตรง ก็ถูกเด้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็นพลเอก ตบยุงไปแล้ว ทั้ง 2 ผู้พันจึงถูกสังเวยก่อนเวลา เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องตอบแทนลูกน้องที่ช่วยงานมาตลอด

แม้ว่างานนี้ วงในจะรู้กันว่า เป็น ศึกผู้พัน เป็นการชงเรื่องและจัดโผของนายพันทีมหน้าห้อง พล.อ.อนุพงษ์ ที่ต้องส่งแต่ละคนลงตำแหน่ง หลังจากที่พยายามมาหลายครั้ง จนที่สุด เพราะจะเกษียณ พล.อ.อนุพงษ์ จึงยอมใจอ่อนเซ็นคำสั่ง เมื่อเห็นลูกน้องหน้าห้องนั่งทำตาปริบๆ

ท่ามกลางความแปลกใจที่ไม่มีชื่อ เสธ.ปริญญ์ พ.อ.ปริญญ์ รื่นภาควุฒิ เสธ.ร.1 รอ. นายทหารคนสนิท ขึ้นเป็น รอง ผบ.ร.1 รอ. ทั้งๆ ที่เป็นลูกน้องที่ พล.อ.อนุพงษ์ รักมากที่สุด เป็นหัวหน้าของทีมผู้พันยังเติร์กชุดนี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะยังเด็ก เป็น ตท.30 หรือว่า ถูกเตะสกัด หรือว่า ไม่ผ่านด่าน พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำให้ เสธ.โจ้ พ.ท.รวิศ รัชตวรรณ (ตท.26) ส้มหล่น มาเป็น รอง ผบ.ร.1 รอ. เสียบแทน โดยเตะ เสธ.หนุ่ย พ.อ.ธิติพล สารลักษณ์ (ตท.23) ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ อดีต ผบ.ร.1 พัน 4 รอ.เข้ากรุ ทั้งๆ ที่เสียสละลงไปทำงานภาคใต้ 1 ปีเต็ม

ทั้งยังมีการเปลี่ยนตัว ผู้พันคุมกำลังกลางกรุง โดยตั้ง เสธ.แก่ พ.ท.เปรมจิรัส ธนะไทยภักดี (ตท.33) นายทหารติดตาม พล.อ.อนุพงษ์ มาเป็น ผบ.ร.1 พัน 3 รอ. แทน พ.ท.พงศกร อาจสัญจร และไม่ลืมตอบแทน เสธ.ป๊อป พ.อ.พัฒนชัย จินตกานนท์ นายทหารหน้าห้อง อดีต ผบ.ม.พัน 4 รอ. มาเป็น รอง ผอ.กองสนับสนุน ทบ. มาคุมตอน บก.ทบ.

โผนี้จึงเป็นการสะท้อนว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่แน่ใจว่า จะฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งลูกน้องตัวเองในตำแหน่งที่ต้องการนี้ ได้หรือไม่ เพราะรู้ดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ค่อนข้างมีหลักการพอสมควร ในการเลือก ผบ.หน่วยระดับคุมกำลัง ต่อให้บางคนเป็น เด็กบิ๊กป๊อก แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มั่นใจในความสามารถหรือหัวจิตหัวใจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เอา

นี่กระมัง จึงมีข่าวให้บรรดาผู้พันทั่วประเทศ ขนหัวลุกกับ ผบ.ทบ.คนใหม่ เจ้าของฉายาสฤษดิ์ 2 ที่ว่า จะมีการจัดทัพผู้การกรม และผู้พันใหม่หมด โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเช็กข้อมูลทางลึกด้วยตนเอง และแหล่งข่าว เพื่อตรวจสอบ "สี" ถ้าใครแอบแดง แตงโม หรือไม่เต็มที่ หรือที่ผ่านมา สั่งแล้วไม่ทำ หรือทำแล้วไม่ดี ก็โดนเด้ง เปลี่ยนตัวแน่

ด้วยเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้ทีมงาน ที่นำโดย บิ๊กหนุ่ย ว่าที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ว่าที่ เสธ.ทบ. และเพื่อนรัก ตท.12 ในเหล่าและหน่วยต่างๆ ป้อนข้อมูล และหาตัวนายทหารที่เหมาะสมและไว้ใจได้ เตรียมลงตำแหน่งด้วย

ยิ่งเมื่อการเมืองวิกฤติ เสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือที่เชียงใหม่ หน่วยทหารก็ไม่รอด แถมปริมาณทหารแตงโมที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าขั้นวิตกจริต เตรียมจัดทัพใหม่ทันที ส่วนใครที่เต็มที่ใจถึงตอนปราบเสื้อแดงก็ต้องตอบแทน เช่น ผู้การแดง พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ร.11 รอ.จะขยับขึ้น รอง ผบ.พล.1 รอ. จ่อคิวไว้

ด้วยเพราะมีความเป็นผู้นำ เด็ดขาดและกล้าตัดสินใจ บนจุดยืนที่เกลียดสีแดงอย่างชัดเจน นี่กระมัง ที่ทำให้มีแต่คำขอบคุณเท่านั้น ออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่มีคำวิงวอนที่ว่า "พี่อยู่ช่วยผมต่อไปนะ" ให้ได้ยิน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีความมั่นใจในตัวเองสูงและมีแผงอำนาจเพื่อนคอยพยุง เขาพร้อมที่จะบินเดี่ยว เป็น ผบ.ทบ. ที่เป็นตัวของตัวเองแล้ว แต่ก็คงต้องฟังคำแนะนำของพี่ป๊อกด้วย

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะดูแล พล.อ.อนุพงษ์ หลังเกษียณอย่างไร หลังจากที่นำยืนปรบมือดังยาวนานกึกก้อง บก.ทบ. แสดงความชื่นชมและขอบคุณมาแล้ว ทั้งการวิ่งเต้นหาตำแหน่งเกียรติยศ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พี่ป๊อกช่วยให้ชาติบ้านเมืองรอดพ้นวิกฤติมาได้ หรืออาจได้รับสมนาคุณจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยตำแหน่งใน ครม. ทั้งเก้าอี้ รมว.กลาโหม หรือ รมว.มหาดไทย

"มีการพูดคุย ทาบทามแล้ว แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่เอา ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ" ขุมข่าวใกล้ชิด บิ๊กป๊อก แง้ม

ยกเว้นจะเป็นนายกรัฐมนตรีเลยเท่านั้น หากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นจำเป็น...



จาก ที่หมอดูหลายสำนัก ทำนายว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นทหารชื่อ ป. นั้น อาจจะไม่ใช่ ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ แต่อาจเป็น ป.ป๊อก เพราะดวงชะตาของเขาก็ถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน

แต่ได้แต่ภาวนาว่า บ้านเมืองอย่าวิกฤติ ถึงขั้นหมดหนทางในระบอบประชาธิปไตย จนต้องใช้ทางเบี่ยงสู่อำนาจนอกระบบ ขั้นต้องให้ทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี แถมร่ำลือกันจนถึงขั้นที่ว่า ไม่ใช่ทั้ง ป.ป้อม และ ป.ป๊อก แต่อาจเป็น ป.ประยุทธ์ ด้วยซ้ำ

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โทนเสียงของ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สนับสนุนแผนปรองดองของพรรคเพื่อไทย ที่มี นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นแกนหลัก พร้อมข่าวสะพัดบุคคลระดับสูงไฟเขียว แถมส่งตัวแทนบิ๊กทหารมาร่วมวง จนทั้งพี่ป๊อก และน้องตู่ ปฏิเสธพัลวัน

"ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย คุณปลอดประสพ ควรจะบอกมาเลยว่า ทหารคนไหน อย่าพูดลอยๆ แบบนี้" บิ๊กป๊อก แจงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

"ผมก็ไม่ได้ยุ่งเลย เรื่องของฝ่ายการเมือง กับรัฐบาลเขา ผมดูแลกองทัพ ไม่เกี่ยว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่น่าแปลกก็คือ ทั้งคู่ ซึ่งเป็นทหารเสือฯ และวงในพอสมควร ไม่มีใครแสดงท่าทีสนับสนุนการเจรจาหรือการปรองดองครั้งนี้เลย อันอาจเป็นการสะท้อนว่า ข่าวบุคคลระดับสูงไฟเขียว เป็นจริงหรือไม่ เพราะหากแผนนี้สำเร็จ ก็ย่อมหมายถึง แผนของฝ่ายผู้นำทหาร ย่อมล้มเหลว

เมื่อเกษียณ ถอดเครื่องแบบทหารแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ ยังมีหน้าที่สำคัญที่ได้รับมอบหมายและเต็มใจทำ ก็คือ การเดินเกมอิสระ หรือเป็นล็อบบี้ยิสต์ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาของชาติบ้านเมือง ในสูตรของ 3 ป. ที่ได้ออกแบบเอาไว้

การอยู่อย่างมีความหวัง ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังคงต้องอยู่บ้านใน ร.1 รอ. ต่อไป ไม่ว่าจะด้วยความปลอดภัย ความเคยชิน เหตุผลส่วนตัว และรอตำแหน่ง ก็ตาม สัญญาณอย่างหนึ่ง คือ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้สั่งให้เก็บข้าวของใดๆ ในบ้าน ร.1 รอ. เพื่อเตรียมย้ายกลับไปบ้านส่วนตัวที่พุทธมณฑล เพราะมีสิทธิ์อยู่ต่อได้อีก 1 ปี หรืออีกกี่ปีก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้อดีต ผบ.ทบ. ยึดบ้านหลวงอยู่หลังเกษียณมีหลายคน ทั้ง ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ประวิตร เองที่เลี่ยงด้วยการทำบ้านเป็นที่ทำการมูลนิธิป่ารอยต่อฯ บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

สถานการณ์การเมืองที่ทั้งเข้มและงวดเข้ามา แถมถูกจับตามองว่า จะจับมือกับพรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย และ นายเนวิน ชิดชอบ เพื่อสร้างขั้วอำนาจใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ พล.อ.ประวิตร ค่อนข้างอารมณ์เสีย

โดยเฉพาะข่าว พล.อ.ประวิตร นำ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประยุทธ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ไปดินเนอร์กับนายเนวิน และแกนนำพรรคภูมิใจไทย ทั้ง นายชวรัตน์ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล

"แม่ง...ใครปล่อยข่าววะ" บิ๊กป้อม บ่นตามสไตล์ "ไม่มี ผมไม่ได้ไป ใครหาเรื่องสร้างประเด็น" บิ๊กป้อม ซ้ำ

ยิ่งเรื่องหมายจะเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ พล.อ.ประวิตร อารมณ์ขึ้น "เฮ้ย...มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมไม่เล่นการเมือง ไม่ลงเลือกตั้ง ไม่ตั้งพรรค ไม่ได้เป็น ส.ส."

"เรื่องดงเรื่องดวง ผมไม่เชื่อ" บิ๊กป้อม ตัดบทคำทำนาย แม้จะเป็นอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรของ ตท.6 ที่เคารพนับถือก็ตาม

"พูดกันไปเรื่อย ผมเสียหาย คนหาว่าผมอยากเป็นนายกฯ ผมบอกตรงนี้เลยว่า ไม่มี ไม่เคยคิดอยากเป็น แต่ตอนหลังมีคนมาหาว่า ผมเปลี่ยนท่าที ไม่ปฏิเสธ ไม่มีไม่จริง แล้วบอกไปได้เลยนะว่า ผมไม่เป็น 100 เปอร์เซ็นต์" บิ๊กป้อม ลั่น

แต่ก็คงไม่มีใครอยากให้ท่านเป็นหรอกกระมัง เพราะมันย่อมหมายถึง บ้านเมืองถึงวิกฤติอย่างรุนแรง ถนนประชาธิปไตยใช้การไม่ได้ หรือถูกปิดไม่ให้ใช้ สีเขียวจะครองเมือง เลือดจะนองถนนอีกครั้ง

ปล่อยวางอำนาจเสียเถิด...

ไม่มีความคิดเห็น: