PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เปิดจดหมาย 3 นักกฎหมายหนุน 'ตู่ฟ้องปู' เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากบุคคลในรัฐบาลก่อน

เปิดจดหมาย 3 นักกฎหมายหนุน 'ตู่ฟ้องปู' เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากบุคคลในรัฐบาลก่อน
จดหมายเปิดผนึกถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
27 พฤศจิกายน 2557
เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีเรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากบุคคลในรัฐบาลก่อน
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบโครงการจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ได้สรุปความเสียหายกว่า 6.82 แสนล้านบาท จากปี 2547-2556 เสนอต่อรัฐบาลแล้วนั้น ข้าพเจ้าทั้งสามเห็นพ้องต้องกันว่า เฉพาะในส่วนโครงการของรัฐบาลนาง สาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 4 โครงการที่ขาดทุนทางบัญชีกว่า 5.1 แสนล้านบาทนั้น มีความเสียหายอันเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ที่บรรดารัฐมน ตรีในรัฐบาลก่อนและข้าราชการระดับสูงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่แผ่นดินรวมอยู่ด้วย นับแสนล้านบาท และ ฯพณฯ มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ต้องเร่งรัดดำเนินคดีตามขั้นตอนและเหตุผลโดยลำดับดังนี้
1.รายงานของคณะกรรมการได้สรุปชัดเจนแล้วว่ามีความเสีย หายเป็นตัวเงินเกิดแก่ราชการอย่างมหาศาลยิ่ง และเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มโครงการแล้วว่า ไม่มีทางที่รัฐจะระบายข้าวในราคารับจำนำได้เลย ความข้อนี้มีผู้ท้วงติงเป็นอันมาก ทั้ง ป.ป.ช. และสถาบันศึกษาวิจัยระดับชาติ แต่บรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลกลับเพิกเฉยไม่ระงับหรือปรับแก้โครงการ ตามวิสัยที่เจ้าหน้าที่ผู้รู้จักรับผิดชอบในราชการพึงกระทำ กลับฝืนผลักดันโครงการต่อไปทั้งๆ ที่ตระหนักดีว่า เกิดความเสียหายแก่แผ่นดินอยู่ทุกวัน จนต่อมาแม้จะได้สำนึกยอมลดวงเงินจำนำและตั้งเงื่อนไขกรอบรับจำนำแต่เพียงบางส่วน ก็มิอาจจะเยียวยาความเสียหายอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้นแล้วได้
2.การปฏิบัติ หน้าที่โดยเพิกเฉยไม่ไยดีต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นตรงหน้าอยู่ทุกวันเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แม้นักการเมืองผู้รับผิดชอบจะอ้างว่าเป็นนโยบายรัฐบาลที่ตนมีอำนาจกระทำได้ตามสัญญาที่ให้ไว้ทั้งต่อเกษตรกรและรัฐสภาก็ตาม แต่ก็อ้างให้พ้นผิดไปไม่ได้ เพราะการใช้อำนาจที่เห็นได้ชัดแล้วว่ามีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นการใช้สิทธิเกินส่วนที่ไม่อาจยกฐานความชอบธรรมใดๆ มากล่าวอ้างได้เลยทั้งสิ้น
3.ความเสียหายนี้ตกแก่แผ่นดินและราษฎรผู้เสียภาษีเป็นส่วน รวม เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความรับผิดติดตัวในครั้งนี้คือรัฐมนตรีทั้งคณะ และข้าราชการระดับสูง ซึ่งเมื่อผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีอย่างนี้ พระราชบัญญัติความรับผิดฯ และระเบียบสำนักนายกฯ ข้อ ๘, ๙ และ ๑๐ ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีคือตัว ฯพณฯ เอง มีหน้าที่ต้องสั่งแต่งตั้ง "คณะกรรมการตรวจสอบความรับผิด" ขึ้นตรวจสอบและรายงานผลต่อท่านโดยมิชักช้า อย่าให้ขาดอายุความ ๒ ปี นับแต่วันที่รัฐได้รู้ซึ่งการละเมิด มิเช่นนั้นตัว ฯพณฯ เองก็จะตกเป็นผู้ต้องรับผิดแทนบุคคลเหล่านี้
4.หน้าที่ดำเนิน คดีให้ผู้รับผิดชอบต้องชดใช้ความเสียหายนี้ บังเกิดขึ้นแล้วตามกฎหมายนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รายงานความเสียหายให้ ฯพณฯ ได้ทราบ แม้ขณะนี้จะมีการดำเนินคดีในทางอาญาหรือในทางรัฐธรรมนูญใดๆ ต่อรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ตาม หน้าที่นี้ก็ยังคงดำรงอยู่ ยังเร่งรัด ฯพณฯ อยู่ทุกวัน ตามอายุความที่ลดน้อยลงทุกขณะโดยไม่รอข้อยุติในคดีอื่นๆ เลย
5.หน้าที่นี้เป็นหน้าที่ทางกฎหมายปกครองที่ตกแก่ผู้ดำรงตำ แหน่งนายกรัฐมนตรีในทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเลือกตั้งหรือรัฐบาลของคณะรัฐประหารก็ตาม ดังนั้นเมื่อ ฯพณฯ ตัดสินใจมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนี้ในรัฐบาลปัจจุบัน ฯพณฯ ก็ต้องมีหน้าที่นี้เสมอ จะบ่ายเบี่ยงยกเอาฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหารมาปฏิเสธหน้าที่ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมิได้
ท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอย้ำว่า การเรียกร้องครั้งนี้เป็นการเสนอทางวิชาการ ให้ ฯพณฯ ได้ทราบถึงหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินที่มีอยู่ตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือความเป็นฝักฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะยืนหยัดแต่เพียงว่า อยู่ดีๆ ใครทำอะไรเสียหายก็จะให้ประชาชนเช่นพวกข้าพเจ้าแบกรับไปง่ายๆ นั้น เป็นสิ่งที่รับไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งกฎหมายไทยปัจจุบันก็ยืนยันไว้อย่างนี้แล้วเช่นกัน เหลือแต่ตัว ฯพณฯ เองว่าจะรู้และตระหนักถึงหน้าที่นี้หรือไม่เท่านั้น
จึงขอกราบเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป หากมีข้อสอบถามเป็นประการใด ข้าพเจ้าก็ยินดีไปพบได้ทุกเวลา
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
แก้วสรร อติโพธิ(นายแก้วสรร อติโพธิ)
อาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์
สุรพล นิติไกรพจน์
(ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์)
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์
กิตติศักดิ์ ปรกติ
(รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ)
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์

ไม่มีความคิดเห็น: