PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แฉความลับ ตำรวจ คสช.จับแหลกบิ๊กตำรวจ รับสินบนน้ำมันเถื่อนก่อการร้ายชายแดนใต้

วันที่ 23 พ.ย.57 โอ้ว..ตำรวจ คสช.จับแหลกบิ๊กตำรวจ รับสินบนน้ำมันเถื่อนก่อการร้ายชายแดนใต้ แถมแอบอ้างให้เสื่อมเสียพระเกียรติ

ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยกย้ายนายตำรวจระดับสูง จำนวน 4 ราย จำนวน 2 ครั้งติดกัน ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม คือ
- พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.
- พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.
- พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.)
- พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (ผบก.1 ป.)
และแล้วฟ้าก็ผ่าอีกครั้ง สร้างความช็อคตาค้างให้วงการสีกากี เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2557 ให้พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับบิ๊กตำรวจ จำนวนมาก
ศาลได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พบว่าเพียงพอ จึงได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งหมดตามคำร้องของ ผบช.น.แล้วเมื่อ 22 พ.ย.57 รายนามดังนี้
1.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. ข้อหาผิดประมวลกฎหมายอาญา หลายกระทง คือ
- ม.112 (หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ)
- ม.148 (เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ)
- ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
- พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ
2.พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก.ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. ข้อหาผิดประมวลกฎหมายอาญา หลายกระทง คือ
- ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 (หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ)
- ม.148 (เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ)
- ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
- พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ
3. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผบก.รน. (เคยถูกเด้ง บกพร่องเรื่องการปราบปรามน้ำมันเถื่อนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ) หมายจับครั้งนี้ข้อหา
- ป.อาญา ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
4. พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ผกก.ตม.สมุทรสาคร ( เพิ่งถูกคำสั่งย้ายเมื่อ 18 พ.ย. 57) หมายจับครั้งนี้ข้อหา
- ร่วมกันก่นสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ พ.ศ.2484 ม.54, 55
- ร่วมกันปลูกสร้างอาคารฝายล่วงล้ำในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ม.117,183
5. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 บก.ปคม. ข้อหา
- ม.148 (เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ)
- ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
6. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา (เจ้าหน้าที่ขับรถ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์) ข้อหา
- ม.148 (เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ)
- ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
7. ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง (เจ้าหน้าที่ขับรถ พล.ต.ต.โกวิทย์) ข้อหา
- ม.148 (เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ)
- ม.149 (เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ)
- ม.157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ)
และมีประชาชนอีก 3 ราย คือ
8.นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล (ภรรยา พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล ) ข้อหา
- ร่วมกันก่นสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ พ.ศ.2484 ม.54, 55
- ร่วมกันปลูกสร้างอาคารฝายล่วงล้ำในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ม.117,183
9. นางสวงค์ มุ่งเที่ยง ข้อหา ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ม.19, 47
10.นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช ข้อหา ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ม.19, 47
--------------------------->
หน่วยข่าวกรอง มีรายงานว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2553 – 11 พ.ย. 2557 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ได้สมรู้ร่วมคิดกับ พล.ต.ต.บุญสืบ ผบก.รน., พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิ่มรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. และ พ.ต.อ.วุฒิชาติ อดีต ผกก.4 บก.ปคบ.
เรียกรับเงินจากข้าราชการตำรวจ ที่ประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ รายละ 3-5 ล้านบาท เพื่อที่จะไปรับตำแหน่ง โดยจะมีการส่งเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นรายเดือน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท
--------------------------->
เมื่อระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.2554 – 18 ก.ค. 2557 พล.ต.ต.บุญสืบ ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผบก.รน.ได้เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแอบอ้างสถาบันฯ มีการเรียกเก็บเงินค่าส่วยน้ำมันเดือนละ 1-2 ล้านบาท
ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย เพื่อสร้างความวุ่นวายในจังหวัดชายแดนใต้ เป็นภัยคุกคามต่อประเทศ เปิดช่องให้สะดวกให้กลุ่มก่อการร้ายทำผิดกฎหมาย (เรื่องนี้เคยเขียนแฉ ที่เพจนี้ไปแล้ว ใครสนใจลองอ่านตอนเก่า)
** ไขปริศนา..ใคร คือ ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มติดอาวุธภาคใต้ ศัตรูคนมุสลิม ที่https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/256795914510443
คำสารภาพ ที่สุดอึ้ง ในส่วนของผู้ต้องหา พล.ต.ต.บุญสืบ ที่เป็นตำรวจน้ำ คือ มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดย ยอมรับว่ารับส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน หลายรายด้วยกัน เช่น เสี่ยโจ้ ฯลฯ ที่ DSI เคยจับและริดสีดวง ตบทรัพย์และปล่อยตัวในเวลาต่อมา
ส่วยจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ช่วงปีที่ผ่านมา เขารับประมาณเดือนละ 2-3 ล้านบาทต่อราย แต่เมื่อไปเคลียร์กับทุกราย จะมีรายได้ทุจริตเดือนละ 12-15 ล้านบาท เงินดังกล่าว นำแบ่งให้เครือข่ายอิทธิพลตำรวจสอบสวนกลางในขณะกระทำผิด
แล้วส่งเงินให้กับ พล.ต.ต.โกวิทย์ อดีตรอง ผบช.ก. จำนวน 35 ล้านบาท และรวบรวมเงินอีกหลายครั้ง ส่งเงินให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวน 118 ล้านบาท ทหารมีรายชื่อจ่ายส่วยในสมุดเสี่ยโจ้หมดแล้ว ว่าจ่ายให้ใคร เท่าไรบ้าง และยังมีข้อมูลส่วยผู้ค้าน้ำมันเถื่อนรายอื่นๆ
--------------------------->
พล.ต.ต.โกวิทย์ ยังเปิดบ่อนการพนัน ใช้สถานบริการอบอบนวดโคลอนเซ่ ติดกับถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม. โดยร่วมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ร่วมหุ้นกับ เสี่ยโจ้ บางนา , เสี่ยถ่อ ประตูน้ำ, เจ๊ฮุ้ง ช่วงนั้นบ่อน โคลอนเซ่ หรูหราทันสมัย และใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีกาสิโนในประเทศไทย
โด่งดังเปิดบริการเล่นกันอย่างโจ๋งครึ่ม มีรายได้ทุกโต๊ะรวมกันตลอดวันตลอดคืน ราว 50 ล้านบาทต่อวัน ปล่อยข่าวแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญ แอบอ้างว่าจะนำเงินไปให้สถาบัน เพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง
พอเป็นข่าวดังช่วงปี 2554 ก็ย้ายไปเปิดใหม่อยู่ระหว่างซอยรัชดาฯ 14-16 เรียกว่าบ่อนรัชดา และมีพฤติกรรมแอบอ้างเหมือนเดิม ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาร้ายแรง เป็นความผิดบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ
ต่อมาออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย และจับกุมได้แล้ว คือ นายชอบ และ นางติยาพรรณ ชินนะประภา สองผัวเมีย ร่วมกระทำผิดกับกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
โดยเป็นนอมินี นำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปฟอกเป็นเงินบริสุทธิ์ ส่วน นางสวงค์ และ นายเริงศักดิ์ นั้นทำร้านค้าของเก่า งาช้าง สัตว์ป่า ซึ่งพัวพันกับของกลางที่ยึดได้จำนวนมาก
--------------------------->
โดยเฉพาะการค้นคฤหาสน์บ้านพัก 11 หลังของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ค้น พบเงินสดเป็นแบ๊งค์ดอลลาร์รวมทั้งสิ้นหลายสิบล้านดอลลาร์ กับทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรพลอย อีกจำนวนมาก นับพันล้านบาท พร้อมทรัพย์สินอื่น
เช่น พระเครื่องชื่อดังราคาแพงจำนวนหลายพันองค์ พระพุทธรูปบูชาหายาก รวมมีมากมายกว่า 1 แสนชิ้น โฉนดที่ดินจำนวนมาก ทรัพย์สินเป็นบ้านพร้อมที่ดินอีกจำนวนหนึ่งรวมทั้งหมด 11 หลัง แต่ใส่ชื่อญาติ และคนใก้ลชิดเป็นเจ้าของ ตู้เซฟกระจายอยู่ตามบ้านต่างๆ ตำรวจจึงรวบรวมอายัดไว้
คนเก็บกุญแจ และรู้รหัส ตู้เซพคือ ร.ต.ท. คนสนิทนายหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้ส่งไปอมรมหลักสูตรตำรวจที่สหรัฐอเมริกา และกำลังเดินทางกลับมาด่วน ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 02.00 น.วันที่ 25 พ.ย.57 นี้
เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาที่ไปของโฉนดที่ดินเหล่านี้ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ ร่วม 10,000 ล้านบาท , เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.โกวิท ที่พบว่ามีการซุกซ่อนแบ๊งค์ และทองคำในบ้านพักจำนวนมากเช่นกัน และยังพบวัตถุโบราณล้ำค่าอีกจำนวนมาก
ประเมินว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทเลยเหมือนกัน , ส่วนสองนายดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถประจำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และ พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก.มีทรัพย์สินคนละกว่า 50 ล้านบาท..แม่จ้าวว
---------------------------->
เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คนสอบปากคำ ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งโดยกำลังทหารกระจายอยู่รอบๆ และแยกกันสอบปากคำ จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานว่าผู้ถูกหมายจับ มีการกระทำแอบอ้างอันทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ แอบอ้างบุคคลสำคัญสร้างอิทธิพลให้กับตนกับพวกพ้อง จนหน่วยงานประหนึ่งเป็นรัฐอิสระไม่มีใครกำกับดูแลได้ ตำรวจยังจะต้องสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก รอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหา
สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หลังสอบปากคำเสร็จได้ถูกตำรวจอรินทราชนำตัวมาที่ สน.เตาปูน เมื่อกลางดึก โดยสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีกากี มีท่าทางอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จึงแยกควบคุมตัวไว้ตามสถานีตำรวจต่างๆ เพื่อเตรียมนำตัวขออำนาจศาลฝากขังในวันที่ 24 พ.ย.57 นี้ ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน พบพยานหลักฐานมากมาย จึงจำนนต่อพยานหลักฐานที่ถูกค้นพบ ส่วนใหญ่ที่เป็นรายการทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล และไม่สามารถอธิบายถึงความเป็นไปได้
บิ๊กอ็อด จึงมีคำสั่งให้ “ตำรวจทุกคนออกจากราชการ” ไว้ก่อน ขั้นตอนต่อจากนี้เมื่อสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ แล้วจะมีความผิดฐานฟอกเงิน เพื่อยึดทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
---------------------------->
ก่อนหน้านี้นายตำรวจทั้งหมด ถูกคำสั่งย้ายพ้นตำแหน่งไปประจำที่ ศปก.ตร. รวมทั้ง พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 ป.ที่ถูกสั่งย้ายไป ศปก.ตร.จากการสืบสวนพบว่าอยู่ในขบวนการเดียวกันร่วมกระทำความผิดหมิ่นมาตรา 112 และปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วย
ก่อนหน้านี้มีการเชิญตัวเขามาให้ข้อมูลแล้ว ให้ความร่วมมืออย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ แต่ขณะนั้นยังไม่มีการขออนุมัติหมายจับ จึงยังไม่ควบคุมตัวไว้ กระทั่งต่อมา เมื่อเขาให้ข้อมูลแล้ว เกิดความเครียดมากและ พยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง
มีการเขียนและส่งข้อความลาตายถึงครอบครัว และเพื่อนไว้ จากนั้นจึง ด้วยความเครียด และเกรงกลัวถูกดำเนินคดี (ยิ่งสูงยิ่งหนาว) จึงกระโดดจากที่สูงเมื่อกลางดึก วันที่ 20 พ.ย.2557 และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า หนังสือรับรองการเสียชีวิต เลขที่ 1085/2557
และถัดจากวันที่เสียชีวิตเพียง 1 วัน คือในวันที่ 21 พ.ย.2557 ครอบครัว และญาติ ได้ย้ายศพ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ออกจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ไปประกอบพิธีที่วัดหลักสี่ โดยจัดพิธีอย่างเงียบๆ ก่อนจะทำการฌาปนกิจ ในช่วงบ่าย ที่วัดหลักสี่ มีญาติและเพื่อนไปร่วมงานแค่ 6-7 คน
---------------------------->
ครั้งนี้ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์จารึก ในวงการตำรวจไปอีกตราบนานเท่านาน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ บิ๊กอ็อด ผบ.ตำรวจ ให้ประชาชนมั่นใจว่า ภายใต้ยุค คสช.ไม่ว่าตำรวจชั้นยศใดกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเหมือนประชาชนทั่วไป
ส่วนคนที่ยังไม่ถึงคิวนั้น เช่น ขบวนน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ฝ่ายความมั่นคงของทหารมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว , แถวในกรุงเทพฯ เอื้อประโยชน์ป้ายอีก 30 กว่าคน หรือ คนที่โดนทหารจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย , บ่อน ฯลฯ ตามกฎอัยการศึก ก็คงต้องนั่งรอรับหมายจับเหมือนกัน !!
@ เสธ น้ำเงิน2
https://www.facebook.com/topsecretthai
"กติกา" โปรดงดออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ /นำข่าวลือเขาว่ามาโพส / ลิ้งใดๆ ทุกชนิด / คำหยาบ / ป่วน / ข้อความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ภาพ / การให้ร้ายดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้

ไม่มีความคิดเห็น: