PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว 23/12/57

-สปช./กมธ.ยกร่างฯ

เทียนฉาย สั่งงดประชุม สปช.  ขณะ วานนี้มีมติเห็นชอบรายงานหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุแล้ว ใช้เวลาทำงาน 3 เดือน ไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญใหม่

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปอย่างเข้มงวด ถึงแม้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีคำสั่งงดการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันอังคารที่ 23 ธันวาคม 2557 ส่วนการประชุมวานนี้ มีมติให้ความเห็นชอบรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ: การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554

โดยแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีให้เร่งปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ.2554 ทันที เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถมีกองทุนในการช่วยเหลือผู้สูงอายุอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ใช้เวลาการดำเนินการเป็นเวลา 3 เดือน โดยไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
-----------
คำนูณ ย้ำอีกรอบ วันนี้ต้องชัดรูปแบบเลือกตั้งเบื้องต้น เพื่อให้อนุฯ ไปยกร่าง ก่อนนำกลับมาพิจารณารายมาตรา 12 ม.ค.58 

นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะโฆษกคณะกรรมการธิการ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN  ว่า การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ในวันนี้ จะมีการพิจารณาต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการ-ประชาชน ให้จบ ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องสำคัญที่หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจ คือรูปแบบการเลือกตั้ง ที่มาของนายกฯ คณะรัฐมนตรี สภา ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปในวันนี้ เพื่อให้คณะอนุกรรมาธิการชุดของ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ และกฤษฎีกาไปดำเนินการยกร่างมาเสนอต่อที่ประชุม ภายในวันที่ 11 ม.ค.58 ต่อไป และเข้าสู่การพิจารณาในรายมาตราทันทีในวันถัดไป โดยจะมีการเชิญทูตต่างประเทศและสื่อต่างประเทศร่วมฟังการพิจารณาด้วย

ทั้งนี้ นายคำนูณ ยอมรับว่า ว่า กมธ. มี 2 แนวทางในการพิจารณาเรื่องรูปแบบการเลือกตั้ง คือแนวทางเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้รัดกุมมากขึ้น และอีกแนวทางคือเลือกนายกฯ โดยตรง ตามที่ กรรมาธิการปฏิรูปการเมืองเสียงข้างมากเสนอ แต่แม้จะมีข้อสรุปชัดเจนเบื้องต้นในวันนี้แล้ว ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลังได้ เพราะยังมีการรับฟังความเห็นของฝ่ายต่าง ๆ อย่าง
ต่อเนื่อง หรืออาจะมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม หลังจากยกร่างรายมาตราเสร็จ และนำกลับเข้าสู่สภาอีกครั้งก็ได้
------------------
บวรศักดิ์ นัดประชุมกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมพิจารณาที่มานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

บรรยากาศที่รัฐสภา ล่าสุด เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ไม่มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่มีการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานการประชุม ได้นัดกรรมาธิการประชุม โดยจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปการจัดรูปแบบองค์กรทางการเมือง โดยเฉพาะข้อเสนอให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง และระบบรัฐสภา คาดว่าจะได้แนวทางเบื้องต้น ก่อนนำไปร่างไปพิจารณาเป็นรายมาตรา ซึ่งประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ยังเป็นที่ถกเถียงจากหลายฝ่าย

ทั้งนี้ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มองว่า การเลือกโดยตรงจะเป็นการให้อำนาจมากเกินไปและเข้าข่ายระบบซูเปอร์ประธานธิบดี ขณะที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ยืนยันว่า ไม่ใช่ระบบดังกล่าว ยังใช้ระบบรัฐสภา และแยกอำนาจกันอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ
-----------------
พล.อ.เลิศรัตน์ แจง กมธ. ยึดเสียงส่วนใหญ่ของ กมธ. พิจารณาเห็นชอบเรื่องที่มานายกฯ เสียงส่วนน้อยติดใจก็นำมาหารือใหม่ในรายมาตรา

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวนิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงวาระการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นการพิจารณาข้อสรุปในหัวข้อสถาบันการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่มา ส.ส. สว. และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความสมดุล ทั้งการทำงาน การถ่วงดุล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการทำงานในอนาคต รวมถึงเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จะต้องมีความชัดเจนในวันนี้

โดยจะพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสีย ระหว่างการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง กับให้นายกรัฐมนตรีมาจากสภาผู้แทนราษฎรเช่นเดิม และใช้หลักเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมาธิการ แต่หากมีเสียงส่วนน้อยติดใจก็ให้ค้างไว้ เพื่อนำไปพิจารณาเป็นรายมาตรา และให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
----------------
"บวรศักดิ์" เตรียมเขียนบทความชี้แจงข้อโต้แย้งเรื่องเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง ผ่านเว็บไซต์ กมธ.ยกร่างฯ

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนญ กล่าวว่า เกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีการโต้แย้งกันอยู่ในเรื่องข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีโดยตรง ตามข้อเสนอของกรรมาธิการเสียงข้างมากของ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ที่มองว่าอาจจะกลายเป็นระบบซูเปอร์ประธานาธิบดีนั้น คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า จะมีการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เป็นบทความผ่านเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน

ทั้งนี้ คาดว่าคำชี้แจงของนายบวรศักดิ์ อาจจะรวมถึงหลักการเหตุผลของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะตัดสินใจเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของที่มานายกฯ ในการยกร่างรัฐธรรมนูญที่
จะมีข้อสรุปเบื้องต้นในวันนี้ด้วย
--------------
กมธ.ยกร่างเร่งสรุปความเห็น ในข้อเสนอเรื่ององค์กรทางการเมือง ขณะ "บวรศักดิ์" เตรียมทำบทความโต้แย้งปมเลือกนายกฯ-ครม.โดยตรง

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปการจัดรูปแบบองค์กรทางการเมือง โดยเฉพาะข้อเสนอให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยตรง และระบบรัฐสภา

ทั้งนี้ ข้อเสนอที่มีความชัดเจนมากที่สุด คือจำนวนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่ สปช. และ อนุกรรมาธิการยกร่างเห็นตรงกัน ให้มีเพียง 350 สอดคล้องกับข้อเสนอของ สนช. ที่เสนอให้ จำนวน ส.ส. มีจำนวนลดลงจากเดิม และสมดุลต่อจำนวนประชากร

ขณะเดียวกัน นายบวรศักดิ์ เปิดเผยว่า ไม่เกินสัปดาห์หน้าเตรียมชี้แจงเป็นบทความถึงข้อโต้แย้งของประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยผ่านเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
------------------
"อำพล" แถลง สปช. มติเอกฉันท์ 212 เสียง เสนอรัฐบาลเร่งเดินหน้าพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ ลดความเหลื่อมล้ำ

นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส แถลงถึงผลการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า มีมติเอกฉันท์ 212 เสียง ให้เสนอรัฐบาลเร่งเดินหน้าพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างระบบการออมให้เป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจ สำหรับการเข้าสู่วัยสูงอายุของแรงงานนอกระบบ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาระบบสังคมสงเคราะห์เพียงอย่างเดียว ซึ่งหากไม่เร่งดำเนินการประชาชนกว่า 24 ล้านคน และสังคมจะเสียโอกาส เข้าสู่ระบบการออมเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้เปิดช่องทางใหม่ตามมาตรา 40 ของพระราชบัญญัติประกันสังคมทำให้เกิดปัญหา และประชาชนเกิดความสับสน อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องโหว่ให้ผู้สูงอายุที่มีบำเหน็จบำนาญจากภาครัฐอยู่แล้ว สามารถสมัครเข้ารับสิทธิประโยชน์เพิ่มได้อีก ซึ่งเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม

นอกจากนี้ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะพัฒนาข้อเสนอเพื่อการปฏิรูประบบที่เกี่ยวกับสวัสดิการสังคมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และจะเสนอไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
---------------------
'จุรี วิจิตรวาทการ' เป็นประธานประชุมร่วมตัวแทนภาคประชาสังคม วางกรอบรับฟังความเห็นประชาชน พร้อมใช้สื่อเป็นช่องทางสื่อสาร

นางจุรี วิจิตรวาทการ ประธานอนุกรรมการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประจำกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวแทนภาคประชาสังคม สื่อมวลชน นครบาล และทหาร ในการวางกรอบแนวทางและการเผยแพร่ข้อมูลการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครเกี่ยวกับประเด็นที่มีผลต่อการปฎิรูปและการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามกรอบของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 9 ด้าน เพื่อรวบรวมความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการธิการประจำสภา 18 คณะ ภายในเดือนธันวาคม 2558

ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาเบื้องต้นที่ประชุมได้วางกลุ่มเป้าหมายที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นประกอบด้วย เด็ก เยาวชน ผู้นำความคิดในชุมชน องค์กรธุรกิจ กลุ่มธุรกิจ SMEs สื่อมวลชน นักศึกษา ภาคประชาสังคม ข้าราชการ แรงงานผู้ด้วยโอกาสและแรงงานข้ามชาติ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และแพทย์สาธารณสุข โดยจะเน้นไปที่กลุ่มที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นให้มีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น ขณะที่ช่องทางการสื่อสารจะเน้นใช้สื่อที่มีความใกล้ชิดกับวิถีชีวิตคนกรุงเทพมหานคร เช่น โซเชียล มีเดีย ควบคู่การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อย  นอกจากนี้ยังสามารถส่งความคิดเห็นผ่านทางโทรสาร ตู้ ปณ. ของ กกต.และสายด่วนสภา ขณะที่การประชุมครั้งต่อไปวันที่ 14 มกราคม 2558  เพื่อกำหนดแนวทางในการเชิญบุคคลที่จะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและรูปแบบการพูดคุย

////////////////
-นายก/ความมั่นคง/คสช.

นายกฯ ยังอยู่ระหว่างเยือนจีนอย่างเป็นทางการ - ประชุม ครม. วันนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรักษาการ นั่งหัวโต๊ะแทน 

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบวันนี้ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยังคงติดภารกิจการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคมนี้

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นที่น่าสนใจนั้น เวลาประมาณ 14.00 น. นาย Patrick Murphy อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จะเข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ตึกบัญชาการ 1 หลังจากนั้น ในเวลา 15.30 น. นายเหวียน เติ๊ต ถั่ญ (H.E. Mr. Nguyen Tat Thanh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย จะเข้าเยี่ยมคารวะนาย
วิษณุ ตึกบัญชาการ 1 เช่นเดียวกัน
------------------
ดุสิตโพล ปชช. ยังคงพอใจผลงาน คสช. 7 เดือน มุ่งมั่นปราบทุจริต คอร์รัปชั่น ชี้ อุปสรรคสำคัญเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ฉุดเศรษฐกิจไทย

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ผลการดำเนินงาน 7 เดือน ของ คสช. จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,788 คน ระหว่างวันที่ 20-23 ธ.ค. พบว่า ร้อยละ 34.90 พอใจมาก การทำงาน คสช.  ร้อยละ 55.54 พอใจ มีเพียง ร้อยละ 7.05 ที่ไม่พอใจ ขณะเดียวกัน ร้อยละ 74.58 ยังเห็นว่า คสช. ทำงานอย่างมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 50.46 มองว่า “จุดเด่น” ของ คสช. ที่บริหารประเทศ ครบ 7 เดือน คือ หัวหน้า คสช. ทำงานด้วยตนเอง รู้และเข้าใจปัญหา ร้อยละ 25.32 มีการชี้แจงถึงผลการดำเนินงานให้ ประชาชนได้ทราบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ร้อยละ 48.05 มองว่า ปัญหาและอุสรรคของ คสช. คือ สภาวะเศรษฐกิจโลกยังถดถอย เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ดีขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนอยากบอก คสช. มากที่สุด ร้อยละ 59.76 เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุน แก้ปัญหาค่าครองชีพ ลดราคาสินค้า รองลงมา ร้อยละ 22.16 ทำงานด้วยความยุติธรรม ใช้กฎหมาย
จัดการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด และ ร้อยละ 18.08 อยากให้บริหารประเทศต่อไป ทำงานด้วยความซื่อสัตย์อดทน
-----------------------
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายช่วยจัดประชุมลุ่มน้ำโขงเรียบร้อย-กำชับดูเเลความปลอดภัยช่วงปีใหม่

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้การประชุมลุ่มน้ำโขงมีความเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ ทั้งในด้านการจัดการสถานที่ การจัดระเบียบและการรักษาความปลอดภัย

ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พล.อ.ประวิตร ได้ฝากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เตรียมแผนงานและทดสอบมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับดูแลประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่ ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการดูแล โดยให้เฝ้าระวังมิจจาชีพอย่าให้ฉกโอกาส ซ้ำเติมสถานการณ์กับประชาชน

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณนักฟุตบอล โค้ช และทีมงาน ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และทำให้ประชาชนทุกคนมีความสุข เชื่อว่าหลังปีใหม่นายกรัฐมนตรีน่าจะมีการเลี้ยงขอบคุณนักกีฬา ซึ่งในที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปศึกษารายละเอียดการจัดเลี้ยงและการช่วยเหลือนักฬาในทุกด้าน
-------------------------------
ยงยุทธเผย นายกผลักดันเศรษฐกิจดิจิตัล ปฏิรูป ICT เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผลักดันไทยเป็น(IT Hub)

ร.อ.นพ.ยงยุทธ  มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายหู โฮ่วคุน รองประธานกรรมการ บริษัท Huawei Technologies โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของไทยเข้าร่วมทั้งนี้ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล โดยได้ปฏิรูปกระทรวง ICT  เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของประชาชน  โดยเฉพาะการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล ให้กับประเทศ

ทั้งนี้ไทยและจีนมีความร่วมมือ ในขอบเขตการเสริมสร้างความเชื่อมโยง ทางคมนาคม จึงต้องการที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและร่วมมือกับภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญ ในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์โทรคมนาคม (IT Hub) ของภูมิภาค

ขณะที่ รองประธานกรรมการบริษัท Huawei พร้อมและยินดี ในการที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลไทยและเอกชน เพื่อวางนโยบาย กำหนดแผนงานให้เทคโนโลยีสารสนเทศไทย  และยินดีที่จะสนันสนุนทุนแก่บุคคลากรของไทยจำนวน 100 บุคคลากรภายใน 5 ปี เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ความเชื่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเวลาประมาณ22.00น.ของวันนี้ ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 ดอนเมือง
////////////////
-ปปช.

"ถวิลวดี" พอใจ ปชช.ร่วมแสดงความเห็น ยกร่าง-ปฏิรูป จำนวนมาก ยันไม่มีพิมพ์เขียว รธน. ยังไม่ได้รับข้อเสนอแนะ จาก ครม.-คสช.

น.ส.ถวิลวดี บุรีกุล กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปประเทศ ยังคงมีการดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ในทุกช่องทาง จดหมาย อีเมล์ และการเดินทางมายื่นด้วยตนเอง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค รวมถึงจะมีการประเดิมเปิดเวทีในต่างจังหวัดที่แรก จ. สุพรรณบุรี ในวันที่ 17-18 ม.ค.58 เบื้องต้น พอใจกับผลการรับฟังความเห็นในทุกช่องทางเป็นอย่างมาก เพราะว่าประชาชน

องค์กรต่าง ๆ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และทางอนุกรรมาธิการก็ได้ประมวลผลรายสัปดาห์เสนอให้กับ กมธ.ยกร่างฯ และ กมธ.ปฏิรูปแต่ละด้านของสภา มาโดยตลอด จะขาดไปเพียงความเห็นจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังไม่ได้รับ

ทั้งนี้ น.ส.ถวิลวดี ยืนยันว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีพิมพ์เขียวล่วงหน้าของใคร แต่ทุกคนดำเนินการโดยยึดถึงประโยชน์ของประทศชาติมาก่อนทั้งสิ้น และเมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็จะมีการนำประเด็นต่าง ๆ ไปสอบถามความเห็นของประชาชนอีกว่ามีความเห็นด้วยหรือไม่
--------------
รองอัยการสูงสุดเผยสาเหตุนัดประชุมด่วน ป.ป.ช.-ยันสอบพยานบุคคลเพิ่ม

นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย อสส. พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว เปิดเผยถึงสาเหตุที่ อสส. นัดประชุมด่วนกับคณะทำงานฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ในการประชุมประจำปีระหว่าง อสส. และ ป.ป.ช. ที่ผ่านมา คงมีการพูดคุยเชื่อมโยงในประเด็นการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์คดีนี้ และเร่งรัดให้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากสังคมกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่ ทั้งนี้ ฝ่าย อสส. ก็ยังยืนยันจุดยืนเดิมคือ ต้องมีการสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม ไม่อย่างนั้นสำนวนจะไม่สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า แม้จะเป็นการนัดประชุมด่วน แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้คงไม่ได้ข้อสรุป คงจะมีการนัดประชุมกันอีกครั้งในต้นปีหน้า เนื่องจากหาก ป.ป.ช. รับข้อเสนอของ อสส. ก็คงต้องมีการเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติมอีก
--------------------
เลขาฯ ป.ป.ช. เผยคำสั่งคุ้มครองสมเกียรติอยู่ในช่วงเเสวงหาข้อเท็จจริง

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งคุ้มครอง น.พ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุลอดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ว่า การส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เพราะเป็นระเบียบใหม่ของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ออกมาในปี 2554 ที่เห็นว่าข้าราชการได้รับความไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวว่าเรื่องที่ร้องเรียนมามีมูลหรือไม่ แต่เป็นไปตามกฎหมายที่ต้องทำ ทั้งนี้ สำหรับเรื่องร้องเรียนของ น.พ.สมเกียรติ ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง และการแสวงหาพยานหลักฐานอยู่

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ น.พ.สมเกียรติ ได้ร้องเรียนให้กับ ป.ป.ช. พิจารณาคุ้มครองชั่วคราว โดยระบุเหตุผลว่า สาเหตุที่โดนปลดออกจากตำแหน่ง ผอ.สวรส. นั้น อาจจะเป็นเพราะถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจาก น.พ.สมเกียรติ ที่เป็นผู้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ว่า น.พ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข อดีต ผอ.สวรส. นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบพฤติการณ์การทุจริตต่อหน้าที่
--------------
ป.ป.ช. เห็นชอบ สตช.ดำเนินคดีพงศ์พัฒน์ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ไม่ต้องรอส่งเรื่องให้กรรมการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ส่งหนังสือแจ้ง ป.ป.ช. ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวกแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความผิดฐานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจากการเรียกรับเงินแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นอำนาจการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย โดยขณะนี้ การสอบสวนใกล้สิ้นสุดแล้ว ทาง สตช. จึงต้องการดำเนินคดีดังกล่าวต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการ

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากความผิดของ พ.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลเดียวกัน และเป็นการกระทำความผิดหลายวาระซึ่งมีความเกี่ยวพันกัน จึงมีมติมอบหมายให้พนักงานสอบสวนป็นผู้ดำเนินการ โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ป.ป.ช. อยู่ในระหว่างรอให้ สตช. ส่งบัญชีรายละเอียดของกลางที่ยึดได้ในคดีดังกล่าว เพื่อนำมาประกอบการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.พงศ์พัฒน์
////////////
-คดีพงศ์พัฒน์

มติ กก. กลั่นกรองเห็นชอบไล่ออก พงศ์พัฒน์ ชง ผบ.ตร. - ถอดยศยึดขั้นตอน

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดกลั่นกรองพิจารณาการลงโทษความผิดวินัยร้ายแรง มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงให้ไล่นายตำรวจ 6 คน ออกจากราชการ ประกอบด้วย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบอสวนกลาง พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีตผู้บังคับหมู่ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม และ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีตผู้บังคับหมู่ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม เนื่องจากผลการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลอาญา มาตรา 112 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยหลังจากนี้ จะส่งเรื่องให้ทางกองวินัยทำคำสั่งเสนอ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งอย่างเป็นทางการต่อไปโดยคาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 1-2 วันนี้

ส่วนขั้นตอนการถอดยศนั้น พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกับการพิจารณาลงโทษทางวินัย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว เนื่องจากผู้ต้องหากระทำความผิดคดี
อาญาซึ่งมีความผิดร้ายแรง
------------
ผบ.ตร. ย้ำ ตรวจสอบทุกประเด็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย "พงศ์พัฒน์" โดยไม่ละเว้น

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวมีนายทุนและพลเรือน เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน ย่านรัชดาภิเษก ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่า การตรวจสอบประเด็นความผิดต่าง ๆ เป็นไปตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวน โดยยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการทุกอย่างตามพยานหลักฐาน ส่วนจะยังมีตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเข้าไปตรวจสอบ และติดตามตำรวจที่ยังหลบหนีด้วย
-----------------
รวบ ผอ.ฝ่ายการคลังลาดกระบัง และผู้จัดการแบงก์ดัง ยักยอกเงินกว่าพันล้าน - ปปง. จ่ออายัด

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม นายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม จากกรณียักยอกเงินในบัญชีธนาคารของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.อำพร ได้ทำเรื่องขอถอนเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าฯ ซึ่งฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา 50 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย 30 ล้าน โดย
อ้างว่าจะนำไปฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีศรีนครินทร์ ซึ่งมี นายทรงกลด เป็นผู้จัดการสาขา เพื่อได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ แต่เมื่อทางสถาบันฯ ทำการตรวจสอบพบว่า
น.ส.อำพร มีการปลอมแปลงเอกสารทางบัญชี และมีเงินสูญหายไป 80 ล้านบาท ต่อมาจึงได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารของสถาบันฯ ย้อนหลังจำนวน 3 บัญชี พบว่าบัญชีธนาคารทั้งหมดถูกปลอมขึ้นให้มีการเคลื่อนไหวตามปกติ โดยมียอดเงินในบัญชีเป็น 0 บาท จึงทำให้ทราบว่าเงินสูญหายไป 1,663 ล้านบาท โดยตำรวจสามารถจับกุม นายทรงกลด ได้ที่ย่านอ่อนนุช ส่วน น.ส.อำพร สามารถจับกุมตัวได้ที่โรงพยาบาลเอกชนย่านบางนา

นายทรงกลด กล่าวว่า ได้ลาออกจากพนักงานเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และรู้จักกับ น.ส.อำพร ในฐานะลูกค้าเท่านั้น พร้อมยืนยันไม่ทราบเรื่องการทุจริต อีกทั้งเห็นว่า น.ส.อำพร เป็นข้าราชการจึงไม่ติดใจสงสัย

อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอายัดบัญชีและตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป เพราะพบว่าผู้กระทำผิดมีการโอนเงินไปยังบัญชีของบุคคลอื่น
/////////////////
คลองถม

กทม. ยอมขยายเวลาให้ผู้ค้าคลองถมออกไปอีก 2 เดือน ก่อนหาที่ขายใหม่ ด้านผู้ค้าพอใจมากขึ้น

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเจรจากับตัวแทนผู้ค้าตลาดคลองถม 45 คน ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ว่า ทาง กทม. ได้มีการขยายเวลาให้ผู้ค้าตลาดคลองค้าขายในที่เดิมต่อได้อีก 2 เดือน สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และในระหว่างนี้ทาง กทม. จะพิจารณาหาที่ค้าขายใหม่ให้ โดยคงเรื่องงดเว้นการเก็บค่าเช่า และรับปากจะประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก พร้อมเห็นว่าผู้ค้าบางส่วนที่ปักหลักชุมนุมที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร มองว่าเป็นการกดดัน พยายามใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และบังคับใน กทม. ต้องทำตามเงื่อนไขของผู้ค้า

ขณะที่ผู้ค้าตลาดคลองถมรายหนึ่ง กล่าวว่า ดีใจที่ กทม. รับฟังขยายเวลาค้าขายให้ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 58 แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ หากต้องไปค้าขายที่ใหม่ เพราะต้องทำการตลาดใหม่กว่าคนจะติดรู้จักใช้เวลานาน

ผู้ค้าอีกราย เปิดเผยว่า ยินดีให้ กทม. จัดระเบียบ แต่ไม่ใช่ห้ามค้าขาย ซึ่งการพิจารณาแหล่งค้าขายใหม่นั้น ต้องเป็นที่รู้จักและเดินทางสะดวก และไม่อยากให้มองว่าผู้ค้าทำให้รถติด เพราะการค้าขาย
คลองถม ขายแค่เสาร์-อาทิตย์ ตอนกลางคืนเท่านั้น
////////////////
เศรษฐกิจ

ที่ประชุม ครม. รับทราบแผนปรับโครงสร้างหนี้ ปี 2558 ของกระทรวงการคลัง เพิ่มกว่า 9 หมื่นล้านบาท

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่า ที่ประชุมรับทราบมติในแผนการก่อหนี้ใหม่ และแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของทางกระทรวงการคลังที่ได้มีการเสนอมา โดยมีการปรับปรุงเงินเพิ่มขึ้น 96,557 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนการก่อหนี้ใหม่ มีวงเงินเพิ่มขึ้นรวม 36,915 ล้านบาท และแผนการปรับโครงสร้างหนี้วงเงินเพิ่มขึ้น 59,642 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนการปรับโครงสร้างหนี้มีวงเงินเพิ่มขึ้น 14,186 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ย้ำว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. นั้น ไม่ใช่การกู้เงินใหม่เพื่อนำมาใช้หนี้ แต่เป็นการปรับแผนบริหารหนี้โดยออกพันธบัตรเพื่อนำไปใช้หนี้ธนาคารพาณิชย์แทน
--------------------
"ประมนต์" เผย ใต้โต๊ะยังมี แต่ไม่รุนแรงเหมือนอดีตที่จ่าย 20-30% ลั่นต้องลงโทษคนโกงเป็นตัวอย่าง 

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงภาพรวมการทุจริตคอร์รัปชั่น ว่า ล่าสุดทุกภาคส่วนมีความตื่นตัวในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลก็ประกาศจริงจังที่จะดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิด ทำให้การทุจริตกระทำด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นสิ่งที่ตนเองเน้นย้ำมาโดยตลอดก็คือ จะต้องนำผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษให้เป็นตัวอย่าง เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นคดีใหญ่ ๆ นำผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษได้เลย ดังนั้น จึงต้องมีการแก้กฎหมายให้มีอายุความยาวขึ้น หรือ ไม่มีอายุความเลย รวมทั้งติดตามผู้ที่กระทำความผิดซึ่งอยู่ที่ต่างประเทศมาลงโทษ

นอกจากนี้ นายประมนต์ ยังได้กล่าวถึงการจ่ายเงินสินบนใต้โต๊ะด้วย ว่า ยังพบเห็นอยู่ แต่ไม่รุนแรงเหมือนในอดีต ที่เคยทำการสำรวจพบว่า ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ 20-30%
------------------
กระทรวงพาณิชย์ ขอสายเดินเรือชะลอปรับขึ้นภาระการขนสินค้าหน้าท่าออกไป 60 วัน พร้อมตั้งคณะทำงานคิดค่าบริการเหมาะสม คาดใช้เวลา 2  เดือน

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับตัวแทนบริษัทเดินเรือรายใหญ่ประมาณ 10 ราย เพื่อสอบถามถึงกรณีที่สายเดินเรือประกาศขึ้นค่าภาระการขนถ่ายสินค้าหน้าท่าในอัตรา ร้อยละ 60-70 ซึ่งในการชี้แจงพบว่ายังไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนในการปรับขึ้นจึงได้ขอให้บริษัทเดินเรือชะลอการปรับค่าบริการดังกล่าวออกไปก่อน 60 วัน จากเดิมที่จะมีการประกาศปรับขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2558 ให้เลื่อนไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และในระหว่างนี้ให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อสรุปอัตราที่เหมาะสมโดยคณะทำงาน ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากกรมการค้าภายใน กรมศุลกากร การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัทเดินเรือ สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกระดับมาตรฐานโดยจะมีการประชุมหาข้อสรุปในเรื่องอัตราค่าบริหารที่เหมาะสมในช่วงเดือนมกราคม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน
----------------
กระทรวงพาณิชย์ พร้อมตรวจสอบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าช่วงประชาชนเดินทางปีใหม่

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนกลางและสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการตามแหล่งท่องเที่ยวรวมทั้งสถานีขนส่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันร้านค้าผู้ให้บริการและร้านอาหารสำเร็จรูปในพื้นที่ที่ประชาชนต้องมาใช้บริการในการเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวจำนวนมากด้วยการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะสถานีขนส่ง ทั้งสถานีขนส่งหมอชิต สายใต้ใหม่ และสถานีรถไฟหัวลำโพงโดยทางกรมฯ จำเป็นต้องเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและค่าบริการต่าง ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยได้มีการส่งสายตรวจออกไปตรวจสอบในช่วงเทศกาลอย่างต่อเนื่อง
-----------------------
กระทรวงพาณิชย์ ยอมรับ น้ำมันลงฉุดรายได้คู่ค้า อาจกระทบยอดซื้อ ห่วงส่งออกปี 58 โตไม่ตามเป้า นัดถกเอกชน ม.ค. นี้ 

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกไทยในปีหน้า เชื่อว่าจะดีขึ้น แต่ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยง คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังมีราคาตกต่ำ ซึ่งจะต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร อาทิ ยางพาราให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับราคาลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีผลกับรายได้ของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน โดยเฉพาะรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของไทย รวมทั้งประเทศตะวันออกกลางและในลาตินอเมริกา ซึ่งอาจกระทบต่อยอดส่งออกสินค้าไทยในปีหน้า ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ ร้อยละ 4 โดยในเดือน ม.ค. จะขอหารือกับภาคเอกชนเพื่อประเมินผลกระทบโดยละเอียดอีกครั้ง

-----------
"กอบศักดิ์" มอง เศรษฐกิจไทยปีหน้า อยู่ที่รัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นลงทุน 3 ล้านล้าน ได้แค่ไหน 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 ว่า  เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชนได้ว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้านที่มีการกล่าวย้ำก่อนหน้านี้ จะเกิดขึ้นจริงได้มากน้อยแค่ไหน และจะมีการประมูลงานออกมาเมื่อใด

ที่สำคัญหากรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ต่อ โครงการลงทุนต่าง ๆ จะเดินหน้าตามแผนงานหรือไม่ หากทำได้เศรษฐกิจไทยก็เดินหน้าได้ นายกอบศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้าถือว่าไม่ง่าย เพราะถ้ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่กลับมาก็จะต้องไปหวังเรื่องการลงทุนของภาครัฐ
---------------------
กระทรวงคมนาคม เตรียมตั้งคณะทำงานย่อย ดูแลระบบตั๋วร่วม มองหากเอกชนเข้าร่วม ช่วยให้ระบบมีความคล่องตัว 

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการจัดหน่วยงานบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วมและศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง หากมีเอกชนเข้าร่วมดำเนินการจะเกิดความคล่องตัวมากขึ้น โดยในปีหน้าจะมีการตั้งคณะทำงานย่อยของแต่ละหน่วยงาน อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรมทางหลวง เข้ามาดำเนินการรองรับในส่วนของกฎหมาย การตัดสินใจในการดำเนินงาน ในช่วงที่เอกชนยังไม่ได้เข้ามาร่วมดำเนินการบริหารจัดการตั๋วร่วม ระหว่างรอคณะรัฐมนตรีอนุมัติคณะกรรมการระดับชาติ

ด้าน นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาร่างสัญญาของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะ

สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในต้นปี 2558 ซึ่งหลังจากลงนามแล้วบริษัทที่ปรึกษาจะออกแบบและกำหนดคุณสมบัติของตั๋วร่วมโดยจะให้ระยะเวลา 6 เดือน และจะมีการติดตั้งระบบอีก 6 เดือน และทดสอบระบบอีก 6 เดือน ทั้งนี้ จะมีการพิจารณารายละเอียดโครงสร้างราคาตั๋วร่วม รวมถึงการเก็บค่าแลกเข้า ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทาง
-----------------
หอการค้า คาดจีดีพีปีหน้าโต 4% โดยจะเริ่มฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ลงทุนภาครัฐหนุน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2 จากการลงทุนของภาครัฐ และการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ทำให้ทั้งปีเศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 4 จากปีนี้ ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4.1 การบริโภคในประเทศขยายตัวร้อยละ 2.7 การลงทุนขยายตัวร้อยละ 6.9 อุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.5 ภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 1.6 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับร้อยละ 2.3
----------------------
กบง.ปรับอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของแก๊สโซฮอล 91 และดีเซล คาดส่งผลราคาขายปลีกในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลลดลง

        คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เดินหน้าตามกรอบการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และกำกับดูแลค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยที่ประชุมปรับเพิ่มอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ในอัตรา0.30 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซล 0.70 บาท/ลิตร เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังอยู่ในช่วงขาลง คาดว่าจะส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลลดลงมา
        ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 พิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ในอัตรา 0.30 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซล 0.70 บาท/ลิตร ซึ่งไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 และน้ำมันดีเซลแต่อย่างใด การปรับครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งคาดว่าราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 และ E20 จะลดลงประมาณ 0.30 บาท/ลิตร ส่วน E85 ราคาเท่าเดิม
        ผลจากการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณ 1,196 ล้านบาท/เดือน จากเดิมมีรายรับประมาณ 4,487 ล้านบาท/เดือน เป็นประมาณ
5,683 ล้านบาท/เดือน สำหรับฐานะสุทธิเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ประมาณ 14,230 ล้านบาท
        นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้รับทราบนโยบายจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.อัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2558 (ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) 2.หลักการ และแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยพ.ศ. 2558 - 2579 (PDP 2015) และ3.กรอบและแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
-------------
ยงยุทธเผย นายกผลักดันเศรษฐกิจดิจิตัล ปฏิรูป ICT เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผลักดันไทยเป็น(IT Hub)

ร.อ.นพ.ยงยุทธ  มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายหู โฮ่วคุน รองประธานกรรมการ บริษัท Huawei Technologies โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของไทยเข้าร่วมทั้งนี้ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล โดยได้ปฏิรูปกระทรวง ICT  เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของประชาชน  โดยเฉพาะการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล ให้กับประเทศ

ทั้งนี้ไทยและจีนมีความร่วมมือ ในขอบเขตการเสริมสร้างความเชื่อมโยง ทางคมนาคม จึงต้องการที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและร่วมมือกับภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญ ในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์โทรคมนาคม (IT Hub) ของภูมิภาค

ขณะที่ รองประธานกรรมการบริษัท Huawei พร้อมและยินดี ในการที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลไทยและเอกชน เพื่อวางนโยบาย กำหนดแผนงานให้เทคโนโลยีสารสนเทศไทย  และยินดีที่จะสนันสนุนทุนแก่บุคคลากรของไทยจำนวน 100 บุคคลากรภายใน 5 ปี เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ความเชื่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเวลาระมาณ22.00น.ของวันนี้ ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 ดอนเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: