PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว 2Tธ.ค.57

Jab2Dec14
ถวายความจงรักภักดี

ชช. ทยอยรอชมพิธีเดินเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทหารรักษาพระองค์ 

บรรยากาศบริเวณท้องสนามหลวง ล่าสุด ประชาชนได้เดินทางเข้ามาบริเวณโดยรอบพื้นที่ เพื่อรอรับชมพิธีเดินเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ในเวลา 15.30 น. ซึ่งเป็นการจัดกำลังเป็นเช่นเดียวกับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์

ทั้งนี้ การเดินสวนสนามจะเริ่มเดินจากหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ไปยังบริเวณท้องสนามหลวง จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายพานพุ่ม ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระ

เจ้าอยู่หัว และกล่าวถวายราชสดุดี ก่อนจะนำหน่วยทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ณ บริเวณหน้าศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม

อย่างไรก็ตาม บริเวณโดยรอบมีการปิดการจราจร ตั้งแต่ถนนหลักเมือง ถนนกัลยาณไมตรี ถนนเจริญกรุง ซอยสราญรมย์ ถนนพระพิพิธ ซอยเศรษฐการ ถนนเชตุพน ถนนท้ายวัง ถนนมหาราช ข้างมหาราชวัง ถนนมหาราช ข้างวัดมหาธาตุ ถนนพระจันทร์ ซอยพระยาเพชร ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี และถนนพระอาทิตย์
---------------
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณตน เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา

พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในพิธีเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5

ธันวาคม 2557 พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ
ประชาชนทั่วไปร่วมพิธี

โดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ถวายพานพุ่มต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวถวายราชสดุดี ก่อนจะนำหน่วยทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และ

ปืนใหญ่ยิงสลุต จำนวน 21 นัด ณ บริเวณหน้าศาลาว่าการกลาโหม นอกจากนี้ กองพันทหารรักษาพระองค์ จำนวน 2,197 นาย และ 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 90 ม้า ได้เดินแถวสวน

สนามจากหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มายังท้องสนามหลวง
--------------
พล.อ.วรพงษ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ 

พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กอง

บัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลด้วยรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อ

พสกนิกรชาวไทยและกองทัพไทยตลอดมา โดยได้ดำเนินการพร้อมกับหน่วยขึ้นตรงของกองบัญชาการกองทัพไทยทั่วประเทศ

การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ พิธีเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ กิจกรรมบริจาคโลหิต กิจกรรมการเขียนแสดงเจตนา

ทำความดีถวายในหลวง ลงบนแผ่นใบโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง และพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ ปล่อยนก ปล่อยปลา โดยได้เชิญกำลังพลจากกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วยส่วนราชการพลเรือน รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมแสดงความจงรักภักดีโดยพร้อม

เพรียงกัน
////////
กมธ.ยกร่าง

"บวรศักดิ์" นัดประชุมกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนญ 10.00 น. เพื่อตรวจรายงานข้อคิดเห็นด้านเนื้อหา 10 คณะ

ที่รัฐสภาเช้านี้ การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปอย่างเข้มงวด ถึงแม้ไม่มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เนื่องจากให้สมาชิกในฐานะกรรมาธิการได้รวบรวมข้อเสนอแนะทั้งหมดให้ที่ประชุมใหญ่

พิจารณา ขณะเดียวกัน ในเวลา 10.00 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดกรรมาธิการร่วมประชุมในการตรวจรายงานข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมาธิการ

ด้านสารัตถะ หรือด้านเนื้อหา ทั้ง 10 คณะ เพื่อประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องใด อนุกรรมาธิชุดนั้น ๆ ต้องเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมด้วย

ทั้งนี้ คาดว่า ภายในสิ้นเดือนธันวาคม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีกรอบ โครงสร้าง และทิศทางที่ชัดเจน จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2558 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเป็นรายมาตรา
----------------
"สุจิต" แจง เสนอเลือกตั้ง ส.ส.แบบเยอรมัน ชี้ ได้คะแนนเสียงตรงตามความนิยม กันพรรคใหญ่ครอบงำสภา ยังไม่ลงรายละเอียดสัดส่วน-จำนวน

นายสุจิต บุญบงการ ประธานคณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 3 รับผิดชอบศึกษาเกี่ยวกับ ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 1 ระบบผู้แทนที่ดี และผู้นำการเมืองที่ดี หมวด 2 แนว

นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมวด 3 รัฐสภา หมวด 4 คณะรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นที่จะนำเสนอแนวทางการเลือกตั้ง ส.ส.แบบประเทศเยอรมนีต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 12-13

ธันวาคม ว่า เป็นแนวทางที่จะเสนอ ซึ่งทำให้คะแนนเสียงตรงตามคะแนนความนิยม ป้องกันพรรคใหญ่ ครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นการคำนึงถึงเสถียรภาพฝ่ายบริหาร

ทั้งนี้ การใช้รูปแบบของประเทศเยอรมนีเป็นเพียงข้อคิดเห็นหนึ่ง แบ่งเป็น 2 แบบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รวมแล้ว 350 คน แต่ยังไม่ลงรายละเอียดว่าสัดส่วน ส.ส. แต่ละแบบต้องมี

จำนวนเท่าใด โดยคำนวณจากสัดส่วนคะแนนความนิยมเป็นหลักกว้าง ๆ เพื่อให้ได้สัดส่วน ส.ส. ที่เป็นธรรม ข้อดี คือ เป็นคะแนนเสียงจากประชาชน มีการยอมรับมากขึ้น และเปิดโอกาสให้พรรค

เล็กเข้ามามีบทบาท ส่วนขั้นตอนนั้นจะไม่ส่งผลต่อประชาชน เพราะยังมีบัตรลงคะแนน 2 แบบเช่นเดิม ส่วน ส.ว. ยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดถึงจำนวนคน แต่ต้องน้อยกว่าจำนวน ส.ส.

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การที่จำนวน ส.ส. น้อยกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน ส่วนการจะตอบสนองประชาชนได้ทั่วถึงหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ตัว ส.ส. ไม่ใช่เรื่องของจำนวน
 ----------------
กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เสนอยุบ สตช./ ก.ตร. เน้นกระจายอำนาจ ประชาชนมีส่วนร่วม จ่อชง สปช. 15-17 ธ.ค. นี้

นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แถลงข่าวว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการปฏิรูปโครงสร้างรูปแบบการบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

หรือ สตช. และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เพื่อแก้ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจ ให้องค์กรตำรวจมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และปลอดจากการแทรกแซงทางการ
เมือง โดยเห็นควรให้มีการตั้งองค์กรใหม่ คือ สภากิจการตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งคณะทำงาน 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่แทน สตช. และ ก.ตร. โดยเน้นการกระจาย อำนาจ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าไป

เป็นหนึ่งในกรรมการ และมีส่วนร่วมในการแต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงมีการถ่ายโอนอำนาจของหน่วยงานตำรวจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม แนวคิดทั้งหมดจะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ สปช. ในวันที่ 15 - 17 ธ.ค. นี้ จากนั้นจะสรุปและประธาน สปช. เสนอต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
----------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยัน 26 ธันวาคม นี้ กรอบยกร่างชัดเจน พร้อมตั้งคณะอนุทำงานเขียนรายมาตรา ส่งตรวจทานก่อน 3 เมษายน 2558

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุม เบื้องต้นคณะอนุกรรมาธิการส่งกรอบแนวทางมาแล้ว 7 คณะ จาก 10 คณะ โดยได้เริ่มพิจารณาเนื้อหาของแต่

ละคณะตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 14 ธ.ค. 57 ยกเว้นวันที่ 13 ธ.ค. จากนั้น จะประชุมต่อเนื่องโดยวันที่ 15 - 17 ธ.ค. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้ารับฟังความเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่จะ

ต้องส่งความเห็นมาให้คณะกรรมาธิการภายในวันที่ 19 ธ.ค. และในวันที่ 26 ธ.ค. คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะต้องได้ทิศทางกรอบการยกร่างที่ชัดเจน ก่อนส่งยังคณะอนุกรรมาธิการยกร่างบทบัญญัติ
รัฐธรรมเป็นรายมาตรา ที่มี นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นประธาน ที่ดำเนินการยกร่างเป็นรายมาตรา ในวันที่ 5 - 10 ม.ค. 2558 ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นก่อนตรวจทานรอบสุดท้าย

ภายในวันที่ 3 เม.ย. 2558 โดยในวันที่ 17 ส.ค. 2558 จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ต่อไป
----------------------
"วิษณุ" ปัดตอบจะบรรจุนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือออกเป็นกฎหมาย ชี้เลือกตั้งแบบเยอรมัน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ หนึ่งในกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบจัดทำรัฐธรรมนูญ เสนอให้การ

เลือกตั้งในประเทศไทย ให้เหมือนระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน ว่า ข้อดีของระบบเลือกตั้งดังกล่าวคือ ทุกคะแนนจะมีความหมาย ส่วนข้อเสียจะมีความยุ่งยาก และมีจุดอ่อนอีกเรื่องคือ การทำให้

มีพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นจำนวนมาก เพราะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งการทำประชาพิจารณ์ในเรื่องนี้สามารถทำได้ ไม่ยากอะไร สามารถลองกับกลุ่มไหนก็ได้

นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานอนุกรรมการร่างหมวดปรองดอง เสนอให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า

ขณะนี้เป็นเพียงแค่อนุกรรมการชุดหนึ่งเสนอเข้ามา รัฐบาลยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนยังไม่แน่ใจว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอในการปฏิรูป หรือเป็นข้อเสนอในการยกร่างรัฐธรรมนูญ

จึงคงตอบไม่ได้ว่าการนิรโทษกรรมควรบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือออกเป็นกฎหมาย ต้องไปถามผู้เสนอมา
//////////
สนช.
วิป สนช. ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก - ร่างหนังสือสัญญาความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ไทย-จีน 

การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระเพื่อพิจารณาร่าง

พระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีเสนอต่อ สนช. ให้พิจารณาเร่งด่วน จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ..... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (
ฉบับที่...) พ.ศ.....

ทั้งนี้ ยังมีการพิจารณาหนังสือสัญญาที่คณะรัฐมนตรีเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้เห็นชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วยร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วม

มือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ด้านคมนาคมการขนส่งของไทย พ.ศ.2558 - 2565 ร่างความตกลงระหว่างแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศ และการ

ดำเนินการตาม FATCA

นอกจากนี้ ยังหารือถึง ร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับการประสานจากคณะกรรมการประสานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ ปนช. ว่า คณะรัฐมนตรีจะเสนอต่อ สนช. ให้เป็นเรื่องด่วนคือการร่างพระ

ราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นอกจากนี้อาจจะมีการหารือในเรื่องสำนวนคดีถอดถอน 38 ส.ว. จากกรณีร่วมลง

มติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. รวมทั้งจะมีการนำผลสรุปจากการประชุมสัมมนาของ สนช. มาแจ้งในที่ประชุมรับทราบกรอบการดำเนินงานต่อไป

/////////////
คสช.

พ.อ.วินธัย แจง คสช. เน้นดูแลความสงบ ทบ. สนับสนุนเต็มที่เพื่อให้ รบ. เดินหน้าตามโรดแมป เร่งตรวจสอบกำลังพล เอี่ยว "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์" หรือไม่ 

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การทำงานของกองทัพบก ปัจจุบันถือเป็นหน่วยงานหลักของ คสช. ที่

มุ่งเน้นรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลบรรยากาศของบ้านเมือง เพื่อสนับสนุนกระบวนการต่าง ๆ ของรัฐบาล ให้เดินหน้าไปตามโรดแมป ส่วนกรณีกลุ่มต้านออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์

แสดงออกในพื้นที่ต่าง ๆ ก็ให้หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ พยายามทำความเข้าใจชี้แจงอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ตลอดจนแนะนำให้เข้าร่วมเสนอความคิดเห็น ตามกรอบ ตามช่องทางต่าง

ๆ ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันเดินหน้าประเทศ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ระบุว่า จากข่าวที่มีการระบุว่า นักศึกษา ม.ขอนแก่น ถูกจ้างมาให้แสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลและ คสช. นั้น เป็นเรื่องที่ผู้รับผิดชอบในกระบวนการสอบสวนจะต้องมีการ

ชี้แจงตามข้อมูลต่อไป ซึ่งเบื้องต้น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ได้ตั้งสมติฐานไว้ 2 เหตุผลอยู่แล้วคือ เป็นการแสดงออกโดยเจตนาบริสุทธิ์ กับ ถูกชักจูงจ้างวาน

นอกจากนี้ พ.อ.วินธัย ยังกล่าวด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารบก เน้นย้ำมาโดยตลอดไม่ให้กำลังพลเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดกฎหมาย แต่ในกรณีที่มีการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้

บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวก กระทำผิดกฎหมายจำนวนมากนั้น ทางกองทัพก็จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีกำลังพลไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ยอมรับอาจมีบ้างเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
------------
พล.อ.อุดมเดช ระบุ ผู้เห็นต่างพยายามยกระดับสถานการณ์เพื่อต่อต้านกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ยันสถานกาณ์ภาพรวมดีขึ้น

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า กลุ่มผู้เห็นต่างยังพยายามยกระดับสถานการณ์เพื่อ

ต่อต้านกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ซึ่ง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ดูแลสถานการณ์ในพื้นที่และเพิ่มความระมัดระวัง แม้จะไม่สามารถจัดกำลังดูแลได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม มองว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านในพื้นที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นการพยายามแสดงศักยภาพ ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างเตรียมการพูด

คุยเพื่อสันติสุขหรือไม่นั้น เห็นว่าความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ โดยกลุ่มเห็นต่างจะพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมา แต่ยืนยันว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในช่วงเดียว

กันกับปีนี้ ถือว่าเหตุความรุนแรงลดลงและสถานการณ์ทุกด้านดีขึ้นตามลำดับ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พยายามเน้นย้ำกระทรวงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงไปทำแผนงานและโครงการให้สอดคล้องกับ

ความเป็นจริงและความต้องการของคนในพื้นที่

ขณะเดียวกัน พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า เชื่อว่าในปีหน้าโครงการและแผนงานที่ดีจะสามารถเสริมงานด้านความมั่นคงและจะทำให้การพัฒนาในพื้นที่ทำได้ดียิ่งขึ้น ส่วนความคืบหน้าคณะทำงานพูดคุย

เพื่อสันติสุขนั้น คงใช้เวลาเตรียมการเดินหน้าพูดคุยอีกไม่นาน ซึ่งต้องมีการปรับการทำงานภายในเล็กน้อย เพื่อเดินหน้าต่อไปรวมทั้งต้องรอรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีด้วย
---------------
เลขาฯ สมช. เผย นายกฯ แนะนำ พล.อ.อักษรา ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข ต่อ นายกฯ มาเลย์ แล้ว  

นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยถึงการเยือนประเทศมาเลเซีย วานนี้ว่า นายกรัฐมนตรีได้แนะนำให้ ดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ราซัค นายกรัฐตรีมาเลเซีย ในฐานะผู้

อำนวยความสะดวก ได้รู้จักกับ พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข พร้อมคณะ ซึ่งทางมาเลเซียได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และมีความ
จริงใจให้กับฝ่ายไทย ขณะเดียวกันยังคงไม่มีสัญญาณของกลุ่มผู้เห็นต่างแสดงท่าทีไม่พอใจคณะพูดคุยของฝ่ายไทย

นอกจากนี้ สำหรับการพูดคุยสันติสุขจะเกิดขึ้นในวันเวลาใดนั้น นายอนุสิษฐ กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกับผู้อำนวยความสะดวกในเดือนนี้อีกครั้งก่อน โดยหลังจากนี้ พล.อ.อักษรา จะเป็นผู้รับผิด

ชอบ วางแผน และกรอบในการพูดคุยครั้งต่อไป ส่วนจะมีการเพิ่มหรือลดจำนวนบุคคลในคณะพูดคุยหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม นายอนุสิษฐ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีกลุ่มที่ต่อต้านนายกรัฐมนตรี วานนี้ จะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่นั้นต้องรอหาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง

////////////////
นายกฯ
นายกฯ ขอ ปชช. เป็นคนดี มีความรัก ความสามัคคี เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง ไม่กังวลกฎหมายนิรโทษกรรม ชี้ เป็นเรื่องของนิติบัญญัติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า เนื่องในเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากขอให้

ประชาชนเป็นคนดี มีความรัก ความสามัคคี ดูแลประเทศชาติและมีความพอเพียง สร้างอนาคตให้ลูกหลาน เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการอย่างโปร่งใส
และเป็นผลดีต่อประชาชนให้มากที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่มีบางฝ่ายเสนอแนวคิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองว่า การสร้างความปรองดองและการนิรโทษเป็นคนละเรื่องกัน

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่จะพิจารณา และไม่กังวลในเรื่องนี้เพราะส่วนตัวไม่ได้เสนอแนวคิดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
------------
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณคณะรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องที่ช่วยกันทำงานด้วยความอุตสาหะ มอบทุกกระทรวงจัดลำดับความสำคัญกฎหมาย 

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรารภในที่ประชุมคณะ

รัฐมนตรี โดยขอบคุณคณะรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันทำงานด้วยความอุตสาหะ และสร้างการรับรู้ในสังคมให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลมีภารกิจในการบริหาร

ราชการแผ่นดิน แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ส่งเสริมให้มีการปฏิรูปและสร้างบรรยากาศในการปรองดอง ขณะเดียวกันขอให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างระมัดระวังเพื่อไม่

ให้สังคมได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความขอบคุณไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่พิจารณากฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็ว ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงจัด

ลำดับความสำคัญกฎหมายที่มีความเร่งด่วนเพื่อประสาน สนช. ให้ดำเนินการได้เป็นอย่างดี
-----------
นายกฯ ถึงทำเนียบ รมว.ไอซีที นำคณะมอบแผ่นดีวีดีการ์ตูนอนิเมชั่น "พระมหาชนก" นักแสดง นักร้องค่านิยม 12 ประการเข้าพบ

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุด ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดย

เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ห้อง 501 ตึกบัญชาการ 1 ในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ขณะเดียวกัน บรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ตลอดจนหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องได้ทยอยเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) นำคณะเข้ามอบแผ่นดีวีดีการ์ตูนอมิเนชั่น บทพระราชนิพนธ์ เรื่อง “พระมหาชนก” แก่

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ขณะที่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้นำคณะนักแสดงละครสร้างสรรค์ค่านิยมความเป็นไทย 12 ประการ และนักร้องในบทเพลงปลูกฝังค่านิยมหลักคนไทย 12

ประการ เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ด้วย
-----------------
นายกฯ เผย คุยมาเลเซีย แก้ปัญหา 2 สัญชาติ เล็งกำหนกวันลงพื้นที่ ตวจ.อีก ยัน แถลงผลงาน 3 เดือน ด้วยตนเอง 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า การหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวานนี้ ได้มีการพูดคุยเรื่องแก้ปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ ซึ่งทางมาเลเซีย ก็ได้เห็นด้วยในเรื่องนี้โดยต่อไปอาจจะมีการตั้งคณะกรรมการและให้ผู้ถือ 2 สัญชาติ เลือกถือสัญชาติเดียวเท่านั้น พร้อมกันนี้ ยังได้มีการนำรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามที่กระทรวงยุติธรรม ส่งรายชื่อมาให้กับรัฐบาลมาเลเซีย เนื่องจากพบว่า อาจหนีอยู่ในมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามกติกาส่งผู้ร้ายข้ามแดน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ต่างจังหวัดในช่วงเดือนธันวาคม นี้ว่า กำลังหาเวลาอยู่ เนื่องจากในช่วงเดือนนี้ มีการประชุมต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ส่วนการแถลงผลงาน 3 เดือนของรัฐบาลนั้น ส่วนตัวจะแถลงเอง

และมีฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงด้วย ขณะเดียวกันยืนยันว่า ขณะนี้ ทีมโฆษกประจำทำเนียบรัฐบาล ยังคงอยู่ครบเช่นเดิม
---------------
ครม.เห็นชอบ แต่งตั้งให้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กลับเป็น ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ของกระทรวงการพัฒนาสังคม

และความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเพิ่มเติมปรับปรุงบทบัญญัติให้มีความเหมาะสมกับยุคสมัย โดยเนื้อหามีสาระสำคัญคือ 1. ให้ความคุ้มครองผู้ที่แจ้งเหตุที่กระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ  2. ให้ริบทรัพย์ผู้

กระทำผิด เพื่อนำเงินมาชดใช้ผู้ที่ได้รับความเสียหายและ 3. เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจตรา สามารถสั่งปิดสถานบริการชั่วคราว หากเจ้าของสถานบริการไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดที่เป็น

จริงได้

ทั้งนี้ พล.ต.สรรเสริญ ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งให้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กลับเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้ พ.ท.เอนก ยมจินดา ผู้

อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม
--------------------
นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ยัน มาเลเซียเป็นเพียงผู้ประสานงานพูดคุย
สันติสุขชายแดนใต้

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศ ว่า เป็นการกระชับความสัมพันธ์และ
พูดคุยในธุรกิจการค้าการลงทุน พร้อมทั้งสนับสนุนให้ภูมิภาคเข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐานให้อาเซียนเข้มแข็ง ส่วนการพูดคุย
กับมาเลเซียนั้น พยายามทำให้เกิดความสบายใจซึ่งกันและกัน ขณะที่การพูดคุยเป็นการหารือกับคนที่เห็นต่าง ไม่ใช่บุคคลที่
มีรายชื่ออยู่ในขององค์กรสหประชาชาติ ซึ่งมาเลเซียยืนยันว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว แต่เป็นเพียงผู้ประสานงานเท่านั้น ส่วน
การเจรจาสันติสุขเป็นไปตามกหลักเกณฑ์เดียวกับการเจรจาสันติภาพของโลก

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความเป็นห่วงประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้ระมัด
ระวัง เพื่อให้มีความสุขอย่างแท้จริง และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเน้นมาตรการจุดพักรถ และอำนวยความสะดวกให้กับประชา
ชนมากกว่าการกำหนดตัวเลขผู้ประสบเหตุหรือเสียชีวิต
-------------------
คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เร่งจัดสรรที่ดิน 53,000 ไร่ ให้กับราษฎร์ 10,000ราย ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่

ประชุมได้มีการรายงานสรุปการตรวจสอบที่ดินเพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับประชาชนว่า ขณะนี้สามารถแบ่งที่ดินได้เป็น 3 ลักษณะ ประกอบด้วย ที่ดินว่างเปล่า สามารถจัดสรรให้ราษฎร์ได้ทันที 5,000

ไร่ ส่วนที่ดินที่ราษฎร์ เข้าไปจัดทำที่ดินทำกินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ 4.5 ล้านไร่ และที่ดินที่รอการพิสูจน์สิทธิ์ 14 ล้านไร่ ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการจะเร่งจัดสรรที่ดิน 53,000 ไร่ ให้กับราษฎร์ 10,000

ราย ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ มุกดาหาร ชุมพร นครพนม ซึ่งจะใช้เวลา 3 เดือน นับจากเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการจะเริ่มจากการส่งที่ดินให้กับจังหวัดตรวจสอบว่า สามารถแจกจ่ายได้จริงหรือไม่ จากนั้น จะมอบให้กระทรวงมหาดไทย กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรที่ดิน รวมถึง

ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมวางรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบความจำเป็นในการใช้ที่ดินประกอบอาชีพ เนื่องจากต้องยอมรับว่า รัฐบาลไม่มี

ที่ดินมากเพียงพอที่จะแจกจ่ายให้กับราษฎร์ทั้งหมด แต่จะแก้ปัญหาด้วยการให้ราษฎร์ใช้ประโยชน์จากที่ดินร่วมกันในรูปแบบสหกรณ์และแบ่งผลผลิตกัน
//////////////
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

"สรรเสริญ" แจง ป.ป.ช. สอบเชิงลึกบัญชีทรัพย์สิน 3 ผู้ต้องหา คดีอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 4 ข้อหา ประสาน สตช. แล้ว

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินในเชิงลึก

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี จับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกับพวก จำนวน 3 คน ที่ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ว่าทรัพย์สินที่มีเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่
หรือ ตั้งใจปกปิดทรัพย์สินหรือไม่ รวมถึง ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ด้วย และความผิดทางอาญา ซึ่งได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว

พร้อมกันนี้ นายสรรเสริญ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมเสนอ 4 มาตรการเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันปราบปรามการทุจริต ว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ดูรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากกำลังยื่นขอ

เสนอแก้ไขกฎหมายของ ป.ป.ช. ส่วนประเด็นที่มีการเสนอความเห็นให้ ป.ป.ช. สามารถยื่นฟ้องได้ทันทีของอนุกรรมาธิการศึกษารายละเอียดเนื้อหารัฐธรรมนูญนั้น เบื้องต้น กรรมการ ป.ป.ช. ยังมี

ความเห็นเป็น 2 ฝ่าย คือ เห็นด้วย และอีกฝ่าย มองว่า ควรมีการคานอำนาจป้องกันคำครหา

ทั้งนี้ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงการพิจารณาไต่สวน ถอดถอนอดีต ส.ส. 268 คน ในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. นั้น กำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวน เนื่องจากมีผู้ถูกร้องจำนวนมาก จึงทำให้

มีความล่าช้าเล็กน้อย
---------------
"ปานเทพ" ระบุ ป.ป.ช. เดินหน้าตรวจสอบทรัพย์สิน "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์" แล้ว 4 ธ.ค. อนุกรรมการประชุมนัดแรก

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงการดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลางว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้ง นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมกาาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเชิงลึก ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบ
บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเชิงลึก รวมถึงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ขอข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ด้วย ซึ่งหากพบความผิดปกติ ป.ป.ช. สามารถดำเนินการเอาผิด

และอายัดทรัพย์สินได้ทันที เนื่องจากอยู่ในขอบข่ายอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการ

ขณะที่ นายวรวิทย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ ครั้งแรกในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคมนี้
---------------
โฆษก ตร. เผย มีบุคคลแจ้งเบาะแสเสี่ยโจ้แล้ว หลบอยู่เขมร  รอสอบข้อเท็จจริง ชี้ วันนี้ ยังไม่มีหมายไปค้นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีพงศ์พัฒน์

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า

จากกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัล 1 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจที่มีอิทธิพลและหลบหนีคำพิพากษา

ศาลจังหวัดปัตตานีในคดีการปลอมแปลงเอกสารตราประทับ นั้น

ล่าสุด มีบุคคลได้แจ้งถึงเบาะแสความคืบหน้าสำหรับกรณีดังกล่าวแล้วนั้น ว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้หลบหนีวนเวียนอยู่ที่ประเทศกัมพูชาแต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องทำการ

ตรวจสอบอีกครั้งว่าเบาะแสทั้งหมดที่ได้รับการแจ้งนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

โดย วันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการนัดหมายในเรื่องของการจะไปทำการบุกค้นทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีของขบวนการ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.
-----------------

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ หาม "พงศ์พัฒน์ - โกวิทย์" พบแพทย์ หลังมีอาการเครียดความดันขึ้น ชี้ ทางเรือนจำไม่ได้ดูแลผู้ต้องหาเป็นพิเศษ

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้คุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์

รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ต้องหาคดีผิดมาตรา 112 และเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่อง

จากทั้งสองคนมีอาคารเครียดและความดันสูง จึงจำเป็นต้องพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการดังกล่าว ซึ่งแพทย์ได้ให้การรักษาและดูอาการทั้ง 2 อย่างใกล้ชิด หากอาการดีขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะ

ควบคุมตัวทั้งสองมาคุมขังที่เรือนจำเช่นเดิมตามกำหนดฝากขัง

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวด้วยว่า ทางเรือนจำได้ปฏิบัติและดูแลผู้ต้องหาเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตามปกติและยึดตามระเบียบของทางเรือนจำ ไม่ได้ปฏิบัติ หรือ

ดูแลเป็นกรณีพิเศษ ส่วนการติดตั้งกล้องวงจรปิดดูพฤติกรรมของผู้ต้องหานั้น ก็เป็นระเบียบของทางเรือนจำที่ปฏิบัติอยู่แล้ว โดยภาพรวมขณะนี้ ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และผู้ต้องหาก็ให้ความ

ร่วมมือกับทางเรือนจำเป็นอย่างดี
-----------------------
โฆษก สตช. เผย หลังตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท มีผู้แจ้งเบาะแส "เสี่ยโจ้" แล้ว พบกบดานประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด ตำรวจออกหมาย แจ้งนานาชาติช่วยตามตัว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท ให้กับผู้แจ้งเบาะแส นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ล่าสุด

มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามาจำนวนมาก โดยส่วนหนึ่ง พบเห็น เสี่ยโจ้ กบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน สอดคล้องกับการข่าวของตำรวจชุดสืบสวน ซึ่งทางการไทยได้ส่งหมายแดง แจ้งต่อนานาประเทศแล้ว

ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นที่ต้องการตัวของทางการไทย ทั้งนี้ จากการสืบสวน พบว่าเครือข่ายการค้าน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็น
เพียงการแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจผิดกฎหมาย

ส่วนคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขณะนี้ยังไม่พบความผิดเพิ่มเติม แต่ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่าย เพิ่มอีก 1 ราย คือ นายนพพร ศุภ

พิพัฒน์ ซึ่งเป็นรายที่ 23 ในเครือข่ายเดียวกัน ตามความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง/ ข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวาน และข้อหาอื่นๆ ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กอง

ปราบปราม ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าตัวยังไม่ได้ติดต่อกลับมา และหากออกหมายเรียกครบ 3 ครั้งแล้ว ยังไม่ติดต่อเข้าพบทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ ขออนุมัติ
หมายจับในความผิดฐาน ไม่มาให้ถ้อยคำ ตามขั้นตอนของกฎหมาย
--------------------

ผบช.น. แถลงผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ข้อหายั่วยุปลุกปั้น หลังก่อเหตุโปรยใบปลิวต้านรัฐบาล และ คสช.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ แถลงผลการจับกุม นายวชิร ทองสุข อายุ 44 ปี และ นายสิทธิ์ทัศน์ เหล่าวานิชธนาภา อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพฯ ข้อหาร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน อันเป็นข่าวที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร พร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุหลายรายการ อาทิ เครื่องถ่ายเอกสาร ปากกาเมจิกสีดำ เครื่องปริ้นเตอร์ รถยนต์ทะเบียน 1 กม-200 กทม. และรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กมร-5 นครปฐม เป็นต้น

โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 มีพฤติกรรม ร่วมกันนำใบปลิวที่มีเนื้อหาข้อความต่อต้านรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาโปรยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยใช้รถจักรยานยนต์คนดังกล่าวก่อเหตุ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.00 น.

ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่า มีความอึดอัดใจในเรื่องของการเมืองในปัจจุบัน ต้องการจะแสดงออก ร่วมทั้งยืนยันไม่มีใครสั่งการ และหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่เตรียมนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.สำราษราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
----------------
ประวุฒิ" เผย เสี่ย "นพพร" เศรษฐีอันดับ 31 เมืองไทย หลบหนีคดีหมิ่นสถาบัน และจ้างวานทวงหนี้ ออกนอกประเทศแล้ว

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีศาลอนุมัติออกหมายจับ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวานและข้อหาอื่น ๆ ว่า จากการสอบสวนพบว่า นายนพพร เป็นลูกหนี้ของ นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล นักธุรกิจจำนวนเงิน 120 ล้านบาท และได้มีการจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้นำตัว นายบัณฑิต ไปข่มขู่ให้ นายบัณฑิต ลดหนี้จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท แต่ นายบัณฑิต ไม่ยอมและได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ จากการตรวจสอบล่าสุดทราบมีข้อมูลว่า นายนพพร ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าหลบหนีไปประเทศใด ส่วนเงินที่มีการทวงหนี้จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เป็นเงินที่ นายบัณฑิต ลงทุนให้ นายนพพร ในการทำธุรกิจ แต่เมื่อถึงเวลาแล้วไม่ยอมชดใช้หนี้ ส่วนก่อนหน้านี้ นายนพพร จะก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับคนอื่นด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับ นายนพพร ถูกจัดให้เป็นเศรษฐีลำดับที่ 31 ของเมืองไทย ที่มีอายุน้อยที่สุด โดยทำธุรกิจด้านพลังงาน
------------------
อธิบดีดีเอสไอ เผย ปลัด ยธ. สั่งย้ายรองอธิบดีจริง ไปเป็นรองอธิบดีคุมประพฤติ ยันไม่เกี่ยวส่วยน้ำมันเถื่อนแน่

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทาง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งโยกย้าย นายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ จริง โดยตนเองได้สอบถามไปยังปลัด ยธ. ทราบว่า เป็นการโยกย้ายตามวาระ และความเหมาะ
สมเท่านั้น โดยไม่มีการกล่าวถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นที่ว่าเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อนแต่อย่างใด

ซึ่งกรณีโยกย้ายครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นการย้ายเพื่อทำการสอบข้อเท็จจริง แต่เป็นการโยกย้ายตามปกติ เพราะหากโยกย้ายเพื่อลงโทษจะไม่ย้ายในลักษณะเช่นนี้แน่ ส่วนใครจะมาเป็นรองอธิบดีแทนนั้น ต้องเข้าคณะกรรมการของกระทรวงยุติธรรเพื่อสรรหาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนกรณีที่ดีเอสไอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีชื่อของ จนท.ดีเอสไอ ไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ของ อดีต ผบช.ก. นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยยังไม่แล้วเสร็จ
---------------------

ไม่มีความคิดเห็น: