PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เขย่าขวัญเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” เลือดสาดถึงคราวโดนเชือด

ติดตาม
เขย่าขวัญเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” เลือดสาดถึงคราวโดนเชือด
การยื่นหนังสือลาออกจากราชการตำรวจอย่างกะทันหันของ พ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงค์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (สว.1 กก.1 ทล.บช.ก.) น่าจะเป็นภาพสะท้อนความระส่ำระสายจากเหล่าตำรวจที่ใกล้ชิดเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงรับผลประโยชน์สิ่งผิดกฎหมายต่างๆ
แม้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะยืนยันข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังมีขวัญและกำลังใจที่ดีอยู่ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาจะไม่กลั่นแกล้งแน่นอน ใครทำดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัว จะดำเนินการกับผู้ที่มีหลักฐานชัดเจนเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่า พ.ต.ต.ชาตรี มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
“เบื้องต้นไม่มีหลักฐานอะไรชี้ว่าเขากระทำผิด แต่เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถรับราชการได้ในสถานการณ์นี้ จึงขอลาออกก่อน เพื่อไปใช้ชีวิตทำงานอย่างอื่น หากขวัญและกำลังใจดีคงกลับมาใหม่ ผมเรียนว่าผู้ที่กระทำ ผู้ที่เกี่ยวข้องบางรายไม่สบายใจ ถูกกล่าวหา ถูกมองในทางไม่ดี จึงคิดว่าลาออกดีกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลส่วนตัว”
หากประเมินจากตำแหน่ง สารวัตรทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา เชื่อว่า คงน้อยคนนักที่จะยอมลุกจากเก้าอี้ง่ายๆ เพราะในแวดวงสีกากีต่างก็รู้ว่าตำแหน่ง “สารวัตรทางหลวงพระอินทร์” ถือเป็นเก้าอี้เกรด A+ ของสถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ ใครๆ ก็หมายปอง
ถึงขนาดพูดกันว่ามานั่งแค่ 3 เดือน ก็ไม่อยากลุก ซึ่ง พ.ต.ต.ชาตรี ก็คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ว่ากันว่า ครั้งหนึ่งในการลุกขึ้นแนะนำตัวในห้องประชุมตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ชาตรี ยังบอกกับเพื่อนๆ ชาวไฮเวย์จะขออยู่ตำแหน่ง ทางหลวงพระอินทร์ ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
แต่เหตุผลที่ พ.ต.ต.ชาตรี ต้องยอมโบกมือลาจากราชการตำรวจ จากเก้าอี้ที่ตัวเองหวงแหน ก็เพราะ “ที่มา” ในการเข้านั่งเก้าอี้สารวัตรทางหลวงพระอินทร์ถูกอุ้มสมมา
ชนิดคนในแวดวงสีกากีนินทา เนื่องจากเป็นตำรวจที่มีอายุน้อย เป็น นักเรียนนายร้อยรุ่น 60 แต่ได้รับแต่งตั้งเป็น สารวัตรทางหลวงพระอินทร์แล้ว จนทำให้ไม่สามารถติดยศ พ.ต.ต. ได้ ยังมียศ ร.ต.อ. กว่า 1 ปี ถึงจะครบเกณฑ์ติดยศ พ.ต.ต. ได้ในไม่กี่วันที่ผ่านมา
ย้อนเส้นทางการเรียนลัด จนมัดตัวถึง พ.ต.ต.ชาตรี ต้องรีบชิงหนีอย่างฉันพลันทันด่วน ท่ามกลางสมรภูมิเช็กบิลเครือข่ายพงศ์พัฒน์ จะพบว่า พ.ต.ต.ชาตรี จัดเป็นน้องเลิฟของ “ผู้กำกับอั้ม” พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 กก.ป. หนึ่งในเครือข่ายอดีต ผบช.ก. ในระดับปฏิบัติการ ซึ่งถูกระบุว่ามีหน้าที่ “เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน และรวบรวมเงินที่ได้จากการซื้อตำแหน่งส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ต.ชาตรี เป็น รองสารวัตร อยู่ บก.ปพ. มี พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ เป็น รอง ผกก.ปพ. กระทั่ง พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ขึ้น ผกก.1 บก.ป. ก็หยิบ พ.ต.ต.ชาตรี ไปเป็น สารวัตรตำรวจทางหลวงพระอินทร์
สายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดบวกกับที่มาของตำแหน่งอันคลุมเครือ ไม่แปลกใจที่ พ.ต.ต.ชาตรี ออกอาการระส่ำ จนต้องยอมลาออกจากราชการตำรวจ ทิ้งเก้าอี้สารวัตรทางหลวงพระอินทร์ และก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นตำรวจใน บช.ก. เพียงคนเดียวที่หนี
ลูกน้องใกล้ชิด ตำรวจที่เป็นไม้เป็นมือของเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อีกหลายๆ คนที่พยายามเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่อย่างสงบในเวลานี้ แต่ในใจลึกก็ร้อนเป็นไฟ เกิดความระส่ำไม่ต่างกับ พ.ต.ต.ชาตรี เช่นกัน
ยิ่งแม่ทัพใหญ่สีกากี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาแย้มมีตำรวจสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อีกร่วม 100 ราย ต้องตรวจสอบ บางรายหากมีข้อมูลเกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดก็จะถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี หากไม่มีหลักฐานดำเนินคดี ก็จะมีการปรับย้ายจากตำแหน่งในช่วงการแต่งตั้งโยกย้าย ก็ยิ่งทำให้ตำรวจ บช.ก. สาย “บิ๊กกิ๊ก” ระส่ำระสาย ถึงขนาดมีข่าว “รอง ผกก.กองปราบปราม” ที่ถูกสอบข้อมูลต่างๆ หลบหนีจนต้องมีการตั้งทีมชุดติดตามตัว
และดูเหมือนโฟกัสสำคัญอีกจุดที่ถูกเพ่งเป้ามีโอกาสถูก “เช็กบิล” สูง คือ “ฉก.บช.ก.” หรือ “ชุดเฉพาะกิจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” ที่ถือเป็นไม้เป็นมือในการทำงาน ซึ่ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตั้งขึ้นมา โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เรียกรับผลประโยชน์สิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เป็น ผู้อำนวยการชุดปฏิบัติการ (สืบสวน) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
เพราะหลังจากเกิดฟ้าผ่า! สอบสวนกลาง งานแรกที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ที่เข้ามารับงานกุมบังเหียน รักษาการ ผบช.ก. ก็เซ็นคำสั่งยกเลิกชุดเฉพาะกิจสอบสวนกลางทั้งหมด ตำรวจที่อยู่ชุด “ฉก.บช.ก.” กว่า 50 - 60 คน ตั้งแต่ระดับ รอง ผบก.- ชั้นประทวน ตั้งแต่หัวหน้าชุดลงไปถึงหัวหมู่นายกอง ต่างร้อนๆ หนาวๆ เป็นแถว
พลิกไปดูคำสั่งชุดปฏิบัติการ (สืบสวน) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตั้งขึ้น มี พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล รอง ผบก.ปอศ. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ พ.ต.อ.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบก.ป. เป็น รองหัวหน้า พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 บก.ปคบ. หนึ่งในแกนหลักที่ทำเรื่องเงินส่งให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ เครือข่ายพงศ์พัฒน์ เป็น รองหัวหน้า พ.ต.อ.วริศริริภ์ ลีละศิริ ผกก.5 บก.รน. หนึ่งใน 3 ตำรวจที่โดนคำสั่งมาปฏิบัติราชการ บช.ก. จากปัญหาส่วยน้ำมันเถื่อนโจ้ปัตตานี เป็น ผู้ช่วยหัวหน้า พ.ต.อ.เอกภพ อินวีรัตน์ ผกก.3 บก.ทท. เป็น ผู้ช่วยหัวหน้า พ.ต.ท.ธงชัย แก้วศรี รองผกก.2 บก.ปอศ. เป็น ผู้ช่วยหัวหน้า
งานนี้เมื่อหัวโดนแล้ว เหล่าลูกน้องก็ได้แต่กระสับกระส่าย ใครจะเป็นคิวโดนเชือดรายต่อไป ต้องติดตาม

ไม่มีความคิดเห็น: