PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ออกหมายจับ "นพพร ศุภพิพัฒน์"หนุ่มมหาเศรษฐี หมิ่นเบื้องสูงก๊วน"พงศ์พัฒน์"

ออกหมายจับ "นพพร ศุภพิพัฒน์"
หนุ่มมหาเศรษฐี หมิ่นเบื้องสูงก๊วน"พงศ์พัฒน์"
.
ศาลทหารออกหมายจับ "นพพร ศุภพิพัฒน์" ประธาน "วินด์ อีเนอร์ยี โฮลดิ้ง" หนุ่มนักธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม มหาเศรษฐกิจที่อายุน้อยที่สุด ติดอันดับ 31 ใน 50 ของมหาเศรษฐีประจำปี 57 ฐานหมิ่นเบื้องสูงตั้งแก๊งอุ้มทวงหนี้ เครือข่าย"พงศ์พัฒน์"
วันนี้(2 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.รรท.ผบช.ก.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเงินรางวัลนำจับ 1 ล้านบาทให้กับผู้ที่ให้ข้อมูล หรือแจ้งชี้เบาะแสจนไปสู่การจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนทางภาคใต้ ว่า ได้มีผู้ประสานเข้ามาเหมือนกัน และมีการชี้ช่องทางและชี้ข้อมูลว่าน่าจะอยู่ที่ไหน แต่ว่ายังเป็นแค่คำสมมุติฐานเพราะยังไม่มีใครเห็นตัวหรือส่งรูปถ่ายมาให้ว่าอยู่ตรงไหน และก็มีการประสานเข้ามากับพื้นที่ แต่มีการเช็กแล้วน่าจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านแนวชายแดนไทย อยู่ในประเทศใกล้ๆแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเป็นรูปถ่ายหรือรายละเอียดชัดเจน ทางเรากำลังเร่งติดตามจับกุมตัว ถ้าเข้ามาในชายแดนไทยก็คงดำเนินการทันที ซึ่งข้อมูลยังไม่ชัดเจนบอกแค่ว่ามีคนพบเห็นว่าอยู่ที่ไหน เป็นการส่งข่าวเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่เป็นผู้หวังดี แต่ถ้ามีเงินรางวัลเป็นค่าตอบแทนก็จะกล้าที่จะหาข้อมูลและรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าผู้หวังดีแจ้งมาช่องทางไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้น้ำหนักแค่ไหนกับข้อมูลที่ได้มา พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ทางเราทำทุกทาง ไม่ได้มุ่งเน้นผู้ที่เข้ามาแจ้งเบาะแสอย่างเดียว เพราะการสืบสวนทางการลับมีข้อมูลอยู่บ้างแล้ว โดยข้อมูลจากผู้หวังดีใกล้เคียงกับข้อมูลของเรา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ขณะนี้นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของใคร ทางพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่ว่าทางการลับเรารู้อยู่พอสมควร แต่ยังพูดไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับกลุ่มความไม่สงบ เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อ โฆษก ตร. กล่าวว่า เรื่องความไม่สงบของสามจังหวัดชายแดนใต้ต้องตัดไปเลย จริงๆแล้วไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องการหาผลประโยชน์ธุรกิจที่ผิดกฎหมายอย่างเดียวเลย ซึ่งหากถามว่ามีโอกาสแค่ไหนที่จะได้ตัวเสี่ยโจ้นั้น น่าจะ 50% แต่อาจต้องใช้เวลาหน่อย ซึ่งขณะนี้มีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ และมีการดำเนินการประสานไปยังตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ขอเป็นหมายแดง หรือหมายเฝ้าระวัง เวลาผู้ต้องหาปรากฏตัวที่ประเทศไหนก็จะแจ้งมาที่เราว่าขณะนี้อยู่ที่ไหน ถึงแม้ไม่มีหมายจับก็ใช้หมายแดงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแค่ไหนว่าเสี่ยโจ้กับพล.ต.ท.พงศพัฒน์มีความเชื่อมโยงกัน ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า เท่าที่หลักฐานชัดเจน คือการเชื่อมโยงกับนายตำรวจที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ เรื่องนี้เป็นหลักฐานในสำนวนขอไม่เปิดเผย อย่างไรก็ตามในส่วนที่จะมีการเพิ่มวงเงินรางวัลนำจับตัวเสียโจ้นั้น ส่วนตัวคิดว่ารางวัลนำจับในขณะนี้ถือว่าเป็นตัวเงินที่สูงแล้วไม่น่าจะมีการเพิ่มเงินรางวัลนำจับแต่อย่างใด
ถามว่านอกจากเสี่ยโจ้แล้วมีเครือข่ายอื่นๆร่วมขบวนการอีกหรือไม่ โฆษกสตช.กล่าวว่า ในขบวนการมีลูกน้อง ซึ่งแนวทางการสืบสวนยังดำเนินการต่อก็ต้องขยายผลไปถึง ซึ่งคดีของพล.ต.ท.พงศพัฒน์ จะมีการออกหมายจับเพิ่มหรือไม่นั้น ขณะนี้หมายจับเท่าที่ดูหมดแล้วไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม นอกเสียจากมีหลักฐานใหม่ ซึ่งขณะนี้เป้าของขบวนการจบหมดแล้ว คืบหน้าไปกว่า 90% แล้ว ซึ่ง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามอีกว่าก่อนหน้านี้มีกระแสว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนกว่า 50 นายนั้น ทางรรท.ผบช.ก. กล่าวว่า เรื่องของโพยที่ยึดได้ที่ต้องไปตรวจสอบรายชื่อรายละเอียด ซึ่งโพยดังกล่าวทำขึ้นโดยฝ่ายที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายให้ชัดเจนเพื่อที่จะดำเนินการ ขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทำทุกอย่างให้ตรงไปตรงมา ซึ่งสังคมยังสงสัยเราต้องออกมาชี้แจง ไม่มีการตัดตอนแน่นอน
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6 บก.ป. ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ามารายงานตัวแต่อย่างใด อยู่ระหว่างการประสาน และไม่มีการจับกุมเนื่องจากไม่ได้อยู่ในฐานะนั้น มีเพียงการออกหมายเรียก ซึ่งถ้าออกหมายเรียกครบ 3 ครั้งแล้วไม่เดินทางมา ก็จะมีการออกหมายจับต่อไปในข้อหาไม่มาให้ถ้อยคำ ซึ่งหากพบว่ามีส่วนหลักฐานเชื่อมโยงก็จะดำเนินคดี แต่เบื้องต้นขณะนี้เป็นการออกหมายเรียกเท่านั้น
โฆษกตร.กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินการถอดยศตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เนื่องจากการถอดยศนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีเงื่อนไขระบุว่าตำรวจนายนั้นต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำคุก และกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา และเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้กระบวนการยังไม่ถึงขั้นนั้น เป็นเพียงการดำเนินการทางวินัยและอาญา อย่างไรก็ตามในส่วนของการสรุปสำนวนคดีนี้นั้น ขอเวลาสักระยะเนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำของกลาง ซึ่งการจัดทำของกลางใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เพราะนอกจากการตรวจนับจำนวน ลักษณะแล้ว ต้องตรวจสอบด้วยว่าของกลางชิ้นไหนเป็นของแท้ไม่แท้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่าล่าสุดศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติออกหมายจับ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพเลขที่ 138 /2557 ลงวันที 1 ธ.ค. 2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองศ์ จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวานนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปขอหมายจับที่ศาลทหาร เนื่องจากวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ เป็นช่วงที่มีการประการใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ถือเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐกิจที่อายุน้อยที่สุด ติดอันดับ 31 ใน 50 ของมหาเศรษฐีประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร ฟอร์บไทยแลนด์ (FORBES THAILAND) ที่ร่ำรวยจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม และมีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 25,600 ล้านบาท นอกจากเป็นประธานบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ แล้ว ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ผ่านบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น ซึ่งถืออยู่ในวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ กว่า 63% ขณะที่บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยีฯเป็นบริษัทที่นายนพพรถือหุ้นอยู่มากถึง 74.5% ร่วมกับบริษัท เน็กซ์ โกลบอล อินเวสต์เมนท์ในฮ่องกงที่ถืออยู่ 24.5 %
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx

ไม่มีความคิดเห็น: