PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

"บิ๊กตู่"รู้ดีสื่อรายไหนรับเงินมาด่า

'บิ๊กตู่'แฉรู้ดีสื่อไหนรับเงินมาเขียนด่า
Cr:เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า ในวงประชุมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เชิญผู้บริหารสื่อ 16 สำนัก เข้าหารือนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอธิบายถึงการทำงานและความตั้งใจในการแก้ปัญหาประเทศ แต่สิ่งที่มีการวิจารณ์ ถ้าเป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ทำ แล้วมาเขียนก็เป็นเรื่องที่ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถือเป็นลักษณะส่วนตัวของตน และการเข้ามารัฐประหาร ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำ แต่ในฐานะของคนที่รักษาความมั่นคงของประเทศ ในสถานการณ์เช่นนั้นจะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เคยคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่าขอให้เอาให้อยู่ ถ้าทำไม่ได้ จะมาถึงตน ที่ดูแลความมั่นคง ที่สำคัญส่วนหนึ่งมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำงาน จึงทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้การยึดอำนาจที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดว่าจะยึดให้ใคร เพียงแต่อยากหยุด 2 ฝ่ายไม่ให้ตีกัน โดยถ้าจะจับก็ต้องจับหมดทุกฝ่าย แต่ที่สุดแล้วปัญหาจะไม่จบ และด้วยเหตุผลนี้จึงไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ขึ้นมา เพราะจะเป็นการทำลายเขา และเป็นการช่วยอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า
"คนที่ยิงคนในวัดปทุมวนาราม เรามีหลักฐานโยงถึงคนยิงทุกคน และตอนนั้นตำรวจก็อยู่ในวัดปทุมฯ ทำไมถึงไม่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ ป้องกันเหตุร้าย และที่มีการถ่ายรูปทหารได้ ก็เป็นเพราะทหารคนนั้นไปยืนแอ๊คให้เขาถ่ายรูปเอง ผมทราบดีว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง กลุ่มใด หนังสือพิมพ์รับเงินจากใคร ให้มาเขียนด่าผม"รายงานข่าวระบุถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรี
รายงานข่าวยังอ้างถึงคำพูดพล.อ.ประยุทธ์อีกว่า เรื่องกติกาที่จะเกิดขึ้น ตนจะพยายามวางรากฐานภายใน 1 ปี แต่รัฐบาลใหม่จะมาทำหรือไม่ ไม่ทราบ โดยยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้สังคมเกิดความขัดแย้ง และอยากให้เป็นการปฏิรูปครั้งสุดท้าย โดยการร่างรัฐธรรมนูญต้องปล่อยให้นักวิชาการคิดกันไป รัฐบาล และคสช.ไม่เกี่ยวข้อง ทีแรกนึกว่าร่างรัฐธรรมนูญแล้วก็น่าจะจบ แต่กลับต้องยืดไป 3-6 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่คิดไว้ เพราะเดิมเราไม่ได้คิดถึงปัญหาเรื่องของกฎหมายลูก โดยคิดว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ซึ่งก่อนการปฏิวัติได้เคยวางแผนไว้กับเพื่อน ๆ ว่าหลังเกษียณอายุราชการ จะไปเที่ยวด้วยกัน แต่เมื่อปฏิวัติแล้วก็ต้องทำต่อ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าดีใจในช่วงการพบปะกับหอการค้าต่างประเทศ ไม่มีใครถามเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกเลย ถามแต่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ความจริงกฎอัยการศึก ยังจำเป็น ถ้าไม่มีก็ตีกันอีก และตำรวจก็จะไม่ทำหน้าที่อีก.
นอกจากนี้ ในวงประชุม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้หยิบยกถึงการจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ุ อดีต ผบช.ก.ว่า "ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นเรื่องของการแอบอ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง จึงต้องได้รับโทษหนัก".


ไม่มีความคิดเห็น: