PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

เคลื่อนไหวก่อนหน้าถอดถอน

data23Jan15

ไม่ประนีประนอม! สื่อนอกชี้ ถอดถอน 'ยิ่งลักษณ์' ส่งสัญญาณกร้าว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ม.ค. 2558 15:04

สื่อต่างชาติประโคมข่าว "ยิ่งลักษณ์" โดนถอดถอนพ้นตำแหน่งนายกฯ และต้องเว้นวรรคการเมืองนาน 5 ปี ชี้การลงมติถอดถอนของ สนช. เป็นแค่เพียงสัญลักษณ์ เพราะพ้นจากเก้าอี้นายกฯ ไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว อีกทั้งถือเป็นการส่งสัญญาณแข็งกร้าว ไม่ประนีประนอมต่อตระกูลชินวัตร

สำนักข่าวต่างประเทศยักษ์ใหญ่หลายสำนัก รายงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 190 ต่อ 18 เสียง เมื่อ
เช้าวันที่ 23 ม.ค. โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีต

ประธานรัฐสภา รอดพ้นจากการถูกถอดถอน

ด้านนายโจนาธาน ฮีด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซี ประจำประเทศไทย แสดงความเห็นต่อกรณี สมาชิกสภา สนช.ของไทย ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าว แสดงให้

เห็นว่า ไม่มีการประนีประนอม และครอบครัวชินวัตรจะต้องพ้นไปจากเส้นทางการเมือง


บีบีซี รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพี่ชายของเธอ คือ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ยังคงได้รับความนิยมชื่นชอบจากประชาชนที่ยากจนในชนบท แต่ถูกต่อต้านจากคนชั้นกลางในประเทศไทย

ส่วนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ชี้ว่า การลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นการลงมติในเชิงสัญลักษณ์ เพราะเธอได้สูญเสียตำแหน่งนายกฯ ไปแล้ว อีกทั้งการลงมติ

ครั้งนี้ ต้องการจะห้ามไม่ให้เธอยุ่งเกี่ยวทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี


ซีเอ็นเอ็น ยังมองว่า การที่ สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดประกาศจะดำเนินคดีความผิดทางอาญาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ละเว้นการปฏิบัติ

หน้าที่ จนทำให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสิทธิจะเผชิญกับการถูกลงโทษจำคุก 10 ปี หากศาลตัดสินว่าเธอทำผิดในคดีนี้
//////////////////////////////////

ลำดับการเอาผิดคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

7 ต.ค. 2554 เริ่มโครงการ (ฤดูกาลผลิต 54/55)

15 ต.ค. 2555 พรรคการเมืองใหม่ยื่นเรื่องให้ไต่สวนโครงการรับจำนำข้าวต่อประธาน ป.ป.ช.

6 พ.ย. 2555 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เสนอ ป.ป.ช. ตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

3 ธ.ค. 2555 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยื่น ป.ป.ช. สอบจำนำข้าว ทุจริตระบายข้าวจีทูจี (สยามอินดิก้า)

5 มิ.ย. 2556 นพ.วรงค์ ยื่น ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการระบายข้าวค้างเก่าในโครงการรับจำนำปี 2554/55

9 ก.ค. 2556 นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงความคืบหน้า ระบุไต่สวน 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.การดำเนินโครงการ และ 2.การระบายข้าว

3 ธ.ค. 2556 นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. แถลงพบมีมูลทุจริตจีทูจี มีมติขยายการไต่สวนไปยังอีก 5 กลุ่มบุคคล

16 ม.ค. 2557 ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์แจ้งข้อกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พร้อมผู้เกี่ยวข้องรวม 15 ราย ในความผิดกรณีการขายข้าวแบบจีทูจี และให้ไต่สวนนางสาวยิ่งลักษณ์

ความผิดกรณีละเว้นต่อหน้าที่

28 ม.ค. 2557 ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าว

18 ก.พ. 2557 ป.ป.ช. มีมติเรียก น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับทราบข้อกล่าวหากรณีละเลยการระงับความเสียหายและปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ในวันที่ 27 ก.พ. 2557

20 ก.พ. 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุค ระบุ ป.ป.ช. ไม่เป็นธรรม ใช้เวลาในการดำเนินคดีเพื่อแจ้งข้อหากับตนเพียง 21 วัน ตนไม่ใช่ผู้ปฏิบัติแต่กลับถูกกล่าวหา
//////////////////
รอง ปธ.สนช.คาดส่งผลถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ให้ ครม.ได้ 26 ม.ค.นี้
Written by: กอง บก.ข่าวการเมือง2015/01/23 5:26 PM
surachai - 23-1-2558 17-22-55รัฐสภา 23 ม.ค.- รองประธาน สนช.คาด ส่งผลถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” อย่างเป็นทางการให้ ครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ภายในจันทร์ที่ 26 ม.ค.นี้  พร้อมย้ำผล

ถอดถอนสะท้อนว่า สนช.ใช้เหตุผลในการลงมติ

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึง ขั้นตอนหลังจากที่ประชุม สนช. มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า สนช.จะแจ้งมติถอด

ถอนให้ทั้งผู้กล่าวหา คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ถูกกล่าวหา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทราบ รวมทั้ง แจ้งไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ ผู้ที่เกี่ยวข้อง

คือ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทราบ

“ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการด้านเอกสาร คาดว่าจะส่งได้ภายในวันจันทร์ที่ 26 มกราคมนี้ แต่การตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จะมีผลในวันนี้ ซึ่งเป็นวันลงมติ” นายสุรชัย กล่าว

ต่อข้อถามว่า สำนวนคดีถอดถอน 38 ส.ว.กรณีร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเทียบเคียงกับคดีของนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา

หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า แม้ว่าสำนวนจะคล้ายกับสำนวนของนายนิคมและนายสมศักดิ์ ที่ไม่ถูกถอดถอน แต่ สนช.ยังต้องเดินหน้าตามกระบวนการในข้อบังคับ ส่วนผลการวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร

ขึ้นอยู่กับดุลพินิจและข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ นายสุรชัย ปฏิเสธตอบคำถามว่า ผลจะออกมาในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำ  และว่า ผลการลงคะแนนที่ออกมาในวันนี้  สะท้อนให้เห็นว่า สนช.ใช้เหตุผล ตามพยาน

หลักฐานในการพิจารณาลงมติ

“กระบวนการถอดถอน เป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ไม่ใช่เรื่องของคดีแพ่งหรือคดีอาญา ที่หน่วยงานอื่นต้องรับไปดำเนินการต่อ   สนช.รับผิดชอบเฉพาะเรื่องการถอดถอนเท่านั้น และไม่ควร

ตั้งคำถามว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยจะฟ้องดำเนินคดีกับ สนช.ได้หรือไม่ แต่อยากให้ตั้งคำถามกลับว่า การพิจารณาของ สนช.ทำผิดอย่างไร” นายสุรชัย กล่าว .- สำนักข่าวไทย
///////////////////////
ลึกแต่ไม่ลับ: เบื้องหลังเกมถอด "ปู-สองประธาน" บิ๊กคสช.โกรธสนช.คนไหน จนห้ามเข้าบ้าน?
ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

(มติชนสุดสัปดาห์ 16-22 มกราคม 2558)

เปิดพุทธศักราช 2558 คอการเมืองได้ลุ้นระทึกกับกระบวนการถอดถอน 1. "นายนิคม ไวยรัชพานิช" อดีตประธานวุฒิสภา 2. "นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" อดีตประธานรัฐสภา ออกจากตำแหน่ง ใน

ข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมรัฐสภาบกพร่อง ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยหมวดที่มาของวุฒิสภาชิก โดยเสนอให้ ส.ว. มาจากระบบการเลือกตั้งทั้งระบบ

3. "นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่าไม่ยอมยับยั้งนโยบายรับจำนำข้าว ทำให้เกิดความเสียหายและการทุจริตขึ้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม

การทุจริตแห่งชาติ หรือ "ป.ป.ช." มีมติชี้มูลความผิดไปแล้ว และ ป.ป.ช. เสนอเรื่องให้ "สนช." ทำการถอดถอน

ทั้ง 3 ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งต่างกรรมต่างวาระ มีการแถลงเปิดคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2558 ระหว่างนี้ อยู่ในขั้นตอนให้สมาชิก "สนช." ยื่นคำถามที่ตัวเองคิดว่า มีประเด็นใดที่ยัง

ไม่ชัดเจน หรือประเด็นไหนที่สงสัยอยากถาม เพื่อความชัดเจนและจะสามารถนำมาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจลงมติได้อย่างถูกต้อง

โดยในส่วนของโครงการจำนำข้าวมี "สนช." ตั้งโจทย์เพื่อสอบถาม "น.ส.ยิ่งลักษณ์" เป็นการเฉพาะตัว มีปริมาณสูงถึง 60 คำถาม

ตามกรอบเวลาที่วางไว้คือ วันที่ 15 มกราคม เป็นคิวซักฟอก "นิคม+สมศักดิ์" และ 16 มกราคม กำหนดดวลไมโครโฟน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แบบศิลปินเดี่ยว

หลังสิ้นสุดกระบวนการซักถาม ข้อสงสัย จะเหลืออีก 1 นัดคือ การลงมติปิดคดี นัดชี้เป็นชี้ตาย โดย "สมศักดิ์-นิคม" กันในวันที่ 21-22 มกราคม และ 23 มกราคม เป็นคิวทองเชือด "ยิ่งลักษณ์"

ประเด็นใหญ่ ใจจดใจจ่ออยู่ว่า 3 คนที่ถูกจับขึ้นเขียง จะโดน "สนช." สอย ตายเรียบกันด้วยความเสมอภาค เพื่อต้องโทษแบนทางการเมืองคนละ 5 ปี หรือใครคนหนึ่งคนใดรอด

ดูองคาพยพจากมติเสียงส่วนใหญ่ของ "สนช." ที่รับเรื่องถอดถอนบุคคลทั้ง 3 ด้วยเสียงข้างมาก เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตลอดถึงการขับเคลื่อนในหลากหลายอิริยาบถของกลุ่ม 40 ส.ว. และ "สาย

ทหาร" โอกาสที่ "ยิ่งลักษณ์-นิคม-สมศักดิ์" จะรอดสันดอน เป็นไปได้ยาก

หมากกระดาน จึงดูราวกับว่า "คสช." หัวหน้าป้อมค่าย พี่ใหญ่ของ "สนช." จะมีใบสั่งเพื่อฝัง "ยิ่งลักษณ์" เครือข่ายทักษิณ กันแบบถอนรากถอนโคน

ไม่ฟังเสียงคัดค้านจากฝั่งต่อต้าน ที่เห็นว่า "ผู้ถอดถอนคือ สนช. ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย" เพราะรัฐธรรมนูญถูกฉีกทิ้งไปแล้ว สนช. มาจากการแต่งตั้งของอำนาจรัฐประหาร จึงไม่มีความชอบธรรม

ที่จะไปทำหน้าที่แทนวุฒิสมาชิกที่มาจากรัฐธรรมนูญ การไปลงโทษคนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีอำนาจ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรม

อย่างไรก็ตาม หมากการเมือง ว่าด้วยการถอดถอน มองอีกมุม "คสช." ของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" มีแต่ได้กับได้ กินกำไรหลายต่อ เข้าฮอสเลยก็ว่าได้

กล่าวคือ สามารถปัดภาระ สลัดข้อกล่าวหา ถึงสายสัมพันธ์กับ "กลุ่มอำนาจเก่า" ที่มี "คนบางฝ่าย" พยายามลากเอาประเด็นรับจำนำข้าว มาเป็นเงื่อนไข ว่ายังมีเยื่อใยต่อกันอยู่

การเปิดไฟเขียวให้ "สนช." ใช้ดุลพินิจลงมติอย่างอิสระ ไม่มีใบสั่ง ผลแพ้หรือชนะ จะมากล่าวใส่สีตีไข่ให้ "คสช." อีกต่อไปไม่ได้ เกมนี้ถือว่า "ลุงตู่" เซียนเหยียบเมฆ

เหนือสิ่งอื่นใด ตามกฎกติกา การลงมติในการถอดถอน ต้องใช้เสียงข้างมาก 3 ใน 5

"สนช." มีอยู่เต็มคณะ 220 คน เท่ากับว่า มติในการถอดถอน "ยิ่งลักษณ์-นิคม-สมศักดิ์" ต้องมีสัดส่วนเกิน 132 เสียง

ดังที่ทราบกันอยู่ว่า "สนช." ชุดนี้ แก่นกระพี้ร้อยละ 70 คือเครือข่ายทหาร ถูกมองว่าเป็นสภา "กรีน โพลิติกส์"

แม้โดยภาพรวม "กลุ่ม 40 ส.ว." จะโชว์เพาฯ มีบทบาทค่อนข้างโดดเด่น เสมือนกับ "ชิงการนำ" แต่น่าจะเป็นแค่ "ภาพลวงตา" สายทหารยังคงแน่นปึ้กปั้ก

มีข่าวคลุกวงในระบุว่า หลังรับลงมติถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" และก้าวถัดมาคือ จะดำเนินการแบบ "ลับ" หรือ "เปิดเผย" เกิดเสียงแตก ออกเป็น 2 แนวทาง "สายพลเรือน" ประสงค์จะใช้วิธี "เปิดเผย"

ขณะที่ "สายทหาร" ยึดแนวทาง "ลับ" ผลปรากฏว่า สนช.สายทหาร แพ้ป่าราบ

นั่นคือ กับดักของ "บิ๊ก คสช." ซึ่งระยะหลังเริ่มหวาดระแวงลูกน้อง ที่ส่งเข้าไปเป็น "สนช." อยู่หลายนาย

การลงมติ "เปิดเผย" หรือ "ลับ" ไม่ได้มีมรรคผลให้เกิดอาการสั่นคลอนใดๆ กับ "คสช." แต่มี "คนใกล้ชิด" สี่ซ้าห้าคนแหกโผไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม

"2 พี่ใหญ่" รู้ตัวตน ทราบนามบุคคล ยัวะสุดขีด ระดับ "ลมออกหู" อ้างว่า เรื่องเล็กๆ ขี้ปะติ๋ว ยังหักหลังได้ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องใหญ่ในลำดับถัดไป

"บางคน" ถึงกับลงโทษแบน ห้ามเข้าบ้าน "บางคน" สั่งปลดชื่อออกจากมูลนิธิที่ช่วยเหลือสังคม ...ใครเป็นใครไปเช็กกันเอาเอง
///////////////////////////////////////////
สนช.ทหารลังเลถอดยิ่งลักษณ์

 "วิป สนช." ไม่อนุมัติเปิดคลิป 5 อดีต รมต.แจงจำนำข้าววันแถลงปิดสำนวนถอดถอน "ยิ่งลักษณ์"  ชี้เป็นหลักฐานใหม่ หึ่ง! เช็กเสียง สนช.ยกมือฟัน "ปู" มี 100 คน รอสัญญาณส่งซิกสายทหารอีก 32 เสียง ร่วมยกมือเชือด "นิคม-สมศักดิ์" ชัดเอาผิดไม่ถึงส่อรอด "บิ๊กตู่" ข้องใจภาวะผู้นำอดีตนายกฯ ย้ำยึด กม.แก้ปัญหาความขัดแย้ง "ลิ่วล้อ" ดาหน้าดักคออย่าโยงคดี "บุญทรง" เล่นงานน้องสาวนายใหญ่ "ป.ป.ช.-อสส." เตรียมสั่งฟ้องคดีอาญาซ้ำ

    เมื่อวันอังคาร(20) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงถึงการพิจารณาถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันพุธที่ 21 ม.ค. ได้กำหนดเป็นวันแถลงปิดสำนวนของนายนิคมและนายสมศักดิ์ โดยนายนิคมยืนยันว่าจะมาแถลงปิดสำนวนด้วยตัวเอง ขณะที่นายสมศักดิ์แจ้งว่าจะไม่มา

    นพ.เจตน์กล่าวว่า ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 22 ม.ค. กำหนดเป็นวันแถลงปิดสำนวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และในวันศุกร์ที่ 23 ม.ค. จะเป็นการลงมติทั้ง 2 สำนวน โดยการกาบัตรในคูหาว่าจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน หรืองดออกเสียง ซึ่งการลงมติของทั้ง 3 สำนวนดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง
    "สำหรับในวันที่ 21 ม.ค. ยังมีวาระการพิจารณากำหนดการแถลงเปิดสำนวนของอดีต ส.ว. 38 คน ซึ่งถูกชี้มูลจาก ป.ป.ช. กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.โดยมิชอบ โดยจะมีการกำหนดวันในขั้นตอนการพิจารณาถอดถอนต่างๆ รวมทั้งจะมีการพิจารณาอนุญาติให้ยื่นเอกสารหรือพยานบุคคลเพิ่มเติมได้หรือไม่ โดยขณะนี้มีการแจ้งขอเพิ่มพยานบุคคลเข้ามาแล้ว 1 คน สำหรับการแถลงเปิดสำนวนของอดีต ส.ว. 38 คนนั้น ยังไม่รับแจ้งเข้ามาจะมีการชี้แจงเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล" โฆษกวิป สนช.กล่าว
    ถามถึงกระแสมีข่าวการล็อบบี้และมีการชี้นำให้ลงมติถอดถอนทั้ง 3 สำนวน  โฆษกวิป สนช.กล่าวว่า สนช.ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของสมาชิก การชี้แจงผ่านยูทูบของอดีตรัฐมนตรี 5 คน ที่ปรากฏออกมาก็ไม่สามารถอนุมัติให้นำมาเปิดในวันแถลงปิดสำนวนได้ เนื่องจากเป็นการใช้หลักฐานใหม่
    "ข้อกังวลจะมีมวลชนมาชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันลงมติ ก็ยังไม่ได้มีการพูดกัน เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะติดตามประเมินสถานการณ์ และคงแจ้งให้ประธาน สนช.ทราบต่อไป"
โฆษกวิป สนช.กล่าว
    ซักว่า อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความเห็นว่าหาก สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว อัยการไม่สั่งฟ้องหรือสั่งฟ้องแล้ว ศาลชี้ว่าไม่ผิดจะมีผลกระทบตามมา นพ.เจตน์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน
เพราะคดีอาญากับคดีทางการเมืองแตกต่างกัน ซึ่งคดีอาญาต้องมีหลักฐาน มีทุจริตจริงๆ แต่คดีทางการเมืองแค่ส่อว่ามีก็สามารถดำเนินการได้แล้ว
    "หากผู้ถูกถอดถอนนำเหตุดังกล่าวมาฟ้องร้องภายหลังก็เป็นสิทธิ แต่ถ้าจะฟ้องก็ต้องฟ้องทั้งองค์กรและก็ต้องฟ้องประธานด้วย เพราะเป็นการลงคะแนนลับ ไม่ทราบว่าใครลงคะแนนกันอย่างไร"
โฆษกวิป สนช.กล่าว
    ขณะที่นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน  สนช.สายนักวิชาการ กล่าวถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุจะไม่ปรองดองกับคนผิดกฎหมายว่า ไม่ใช่การส่งสัญญาณโดยตรง แต่การพูดให้ สนช.ยึดหลักการความถูกต้อง ไม่ต้องสนใจอะไร และดำเนินการไปตามดุลยพินิจ ที่ไม่สามารถปรองดองกับผู้กระทำผิดได้เท่านั้น
    นายทวีศักดิ์กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมาแถลงปิดคดีถอดถอนในวันที่ 22 ม.ค. เป็นการต่อสู้ในกระบวนการครั้งสุดท้าย เพราะการไม่มาตอบข้อซักถามของ กมธ.ซักถามในวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือว่ามีผลต่อการลงมติถอดถอนอย่างแน่นอน เพราะ สนช.อาจจะยังติดใจ เมื่อดูสำนวนของ ป.ป.ช. และอยากซักถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ไม่ได้ถามเพื่อสร้างความเข้าใจ
    "ผลการถอดถอนจะออกมาเป็นเช่นไร สนช.ต้องรับผิดชอบโดยตรง คงแก้ตัวหรือปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ต้องดูว่าสนช.ได้ทำงานตรงความต้องการของสังคมหรือไม่" สนช.ผู้นี้ระบุ
รอ สนช.สายทหารฟัน 'ปู'
    แหล่งข่าวระดับสูงใน สนช.เชื่อว่า ในวันที่ 22-23 ม.ค. ก่อนจะลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีสัญญาณทางใดทางหนึ่ง ที่จะให้ สนช.ลงมติถอดถอนอดีตนายกฯ อย่างแน่นอน เพราะหากกัปตันเรือไม่ทำอะไร และปล่อยให้ลูกเรือทำหน้าที่โดยอิสระ ก็จะไม่สามารถถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ เพราะจะมีสมาชิกหลายคนที่มีสายสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ลงมติไม่ถอดถอนหรืองดออกเสียง จนทำให้เสียงไม่ถึง 132 เสียง และไม่เพียงแต่ สนช.จะหมดความน่าเชื่อถือแล้ว ทั้ง คสช. รัฐบาล สนช. และ สปช.ก็พังไปด้วย
    "ขณะนี้ สนช.ที่ประกอบไปด้วยสาย 40 ส.ว. กลุ่มนักวิชาการ ข้าราชการพลเรือนและสายธุรกิจ ขณะนี้มีจำนวน 80-100 คน ที่พร้อมจะลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่ามีความผิดชัดเจน จึงเหลือเพียง ผู้มีอำนาจใน คสช. ส่งสัญญาณไปให้สายทหารอย่างน้อย 32 เสียง เพื่อจำนวนเสียงถอดถอนเกิน 132 เสียง  ก็จะทำให้สามารถถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นผลสำเร็จ" แหล่งข่าวระดับสูงกล่าว
    แหล่งข่าวระดับสูงกล่าวว่า ในส่วนนายนิคมและนายสมศักดิ์ มีสัญญาณชัดเจนจากสายทหารว่าไม่ต้องการถอดถอนประมาณ 70 เสียง เนื่องจากข้อกฎหมายไปไม่ถึง เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ชี้มูลความผิดตามรัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งสิ้นสภาพไปแล้ว ขณะที่กฎหมาย ป.ป.ช.ก็ไม่ใช่บทลงโทษที่สามารถเอาผิดได้ ดังนั้นหากถอดถอนไปก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ อีกทั้งยังมองว่าเป็นเพียงปลา
ซิวปลาสร้อยเท่านั้น  
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 1/58 มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากทุกภาคส่วนทั้ง ครม.และ คสช.ให้ช่วยกันชี้แจงต่อสังคม กรณีกระบวนการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นการแก้ไขปัญหาการขัดแย้งของชาติบ้านเมืองเราในอดีต ที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ จะอยู่เฉยก็ไม่ได้ ความขัดแย้งพร้อมที่จะปะทุขึ้นมาตลอด ต้องดำเนินเรื่องไปตามกฎหมาย
    "ในครั้งนี้เป็นการตรวจสอบภาวะผู้นำ คุณธรรม และจริยธรรมของนักการเมือง ที่มีการเสนอข้อมูลทั้งสองฝ่ายให้ สนช.รับทราบ รวมทั้งมีการเสนอข้อมูลอย่างกว้างขวางให้ประชาชนรับทราบว่า ป.ป.ช.ตั้งข้อสังเกตในเรื่องใดบ้าง ท่านนายกฯ ยังระบุถึงเรื่องของการมีวุฒิภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่รับทราบในเรื่องของการบริหารราชการที่ผ่านมาว่าเกิดความเสียหาย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้ภาวะผู้นำ ผู้กำหนดนโยบายของรัฐยับยั้งความเสียหายเหล่านั้นหรือไม่ การตอบข้อซักถามของ ป.ป.ช. น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้มาตอบด้วยตัวเอง กลับมอบหมายให้ทีมอดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบผ่านยูทูบ สังคมต้องพิจารณาดูว่า การตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม สามารถที่จะมอบหมายกับใครตอบแทนได้หรือไม่" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
    รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ขอยืนยันให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าแม่น้ำ 5 สาย ทั้ง ครม. คสช. สนช. สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (สปป.) พยายามที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างเป็นระบบโดยยึดถือข้อกฎหมาย และคุณธรรม จริยธรรม ไม่มุ่งหมายที่จะทำร้ายใคร
      พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงความเป็นห่วงกลุ่มสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเคลื่อนไหวในวันพิจารณาถอดถอนว่า ยังไม่มีการรายงานสถานการณ์ความรุนแรง แต่จะต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป แต่ก็ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดความวุ่นวาย
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีกลุ่มมวลชนออกมาเคลื่อนไหว เพราะถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดต่อเนื่องมาหลายวัน ทุกคนก็คงเข้าใจว่า
สถานการณ์เป็นอย่างไร

ดักคออย่าโยงคดี 'บุญทรง'
    ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ที่ปรึกษากฎหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะทนายความเจ้าของคดีโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า คดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นกรณีที่
ป.ป.ช.กล่าวหาว่าทุจริตในเรื่องการระบายข้าว ซึ่งต่างจากคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นคนละข้อกล่าวหากัน ดังจะเห็นได้จากรายงานการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ส่งให้กับ สนช.นั้น ได้ระบุไว้ว่าไม่ปรากฏหลักฐานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สมยอมหรือมีส่วนร่วมในการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด
    "หวังว่า ป.ป.ช.คงไม่นำเรื่องการชี้มูลในคดีของนายบุญทรงมาโยงกับคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันแถลงปิดสำนวนคดีวันที่ 22 ม.ค.นี้" ที่ปรึกษากฎหมายน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตามที่ ป.ป.ช.จะมีมติชี้มูลหรือไม่ชี้มูลอดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กับพวก เกี่ยวกับกรณีทุจริตในการซื้อขายข้าว ตนไม่มีความเห็นในข้อเท็จจริงรายละเอียด เพราะไม่ทราบว่าตรวจสอบอะไร อย่างไร แต่มีข้อสงสัยและอยากถามว่า 1.เหตุใดจึงจะมามีมติกันในวันที่ 20 ม.ค. ก่อนการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียง 2 วัน เหตุใดจึงไม่ทำมาก่อนหน้านี้ หรือรอจนกว่าการลงมติถอดถอนผ่านไปก่อน
    นอกจากนี้ 2.เป็นการพยายามเพิ่มเติมเหตุผลข้ออ้างในการถอดถอนอดีตนายกฯ หรือไม่ 3.หากเป็นเช่นนั้น จะไม่เป็นการโยงเรื่องสองเรื่องเข้าด้วยกัน จนขาดความเป็นอิสระหรือไม่ 4.หากมีมติว่ารัฐมนตรีและคณะไม่ผิด การถอดถอนก็จะไม่มีน้ำหนัก ถ้ามีมติว่าอดีตรัฐมนตรีกับพวกผิด ก็เพิ่มน้ำหนักให้กับการถอดถอน การโยงสองเรื่องเข้าด้วยกันเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาในทั้งสองกรณีหรือไม่ และ 5.การทำงานของ ป.ป.ช.ในกรณีนี้ น่าเชื่อถือหรือไม่
    เช่นเดียวกับ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Kokaew Pikulthong ก่อ
แก้ว พิกุลทอง” เรื่อง เอาคำว่า "ปรองดอง" เก็บใส่หีบ
    เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า "ถ้า สนช. โหวตถอดถอน คุณยิ่งลักษณ์ และคุณสมศักดิ์กับคุณนิคมสำเร็จ ในการประชุมที่จะถึงเร็วๆ นี้ ประเทศไทยต้องเอาคำว่า ปรองดองเก็บใส่หีบเหล็ก ล็อกกุญแจกาลเวลา ชาติหน้าจึงเปิดมาใช้ได้ ชาตินี้ขอพอกันที ไม่ใช่ว่าจะเอาคำว่า ปรองดองมาขวางกั้นการทำหน้าที่ของ สนช. แต่ไม่ว่าจะมองมิติไหน ล้วนแต่ไม่มีเหตุผลในการถอดถอนทั้ง 3 ท่านทั้งสิ้น ผมไม่ขอพูดประเด็นข้อกฎหมายว่า แต่ขอพูดตามสามัญสำนึกของคนธรรมดาๆ"
    นายก่อแก้วระบุว่า กรณี น.ส.คุณยิ่งลักษณ์ ในโครงการจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช.จะให้ถอดถอนด้วยเหตุผลว่า ส่อว่าละเลย ปล่อยให้ทุจริต ทั้งที่โครงการนี้เป็นโครงการที่หาเสียงไว้ และได้แถลงต่อรัฐสภา เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ โครงการขนาดใหญ่แบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีช่องโหว่สำหรับกลุ่มคนที่จ้องทุจริต แต่ถ้ามีใครทำแบบนั้น ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. จะต้องลากคอมาดำเนินการเป็นกรณีๆ ไป ไม่ใช่เหมารวม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ดูแลเพียงด้านนโยบาย
    "น่าหัวเราะคือคุณยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ในตำแหน่งไปนานแล้ว แต่จะถอดท่านออกจากตำแหน่งอีก เปรียบเสมือนคนตายไปแล้ว แต่คนกลุ่มหนึ่งต้องการฆ่าซ้ำ ถ้าคสช. ยังปล่อยให้กลุ่มฝ่ายแค้น กระเหี้ยนกระหือเล่นงานคุณยิ่งลักษณ์ คุณสมศักดิ์และคุณนิคม ที่ไม่สนใจหลักความถูกต้อง และไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลที่ถูกกระทำและกลุ่มผู้สนับสนุนจะยอมรับได้ จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลยิ่งว่าประเทศไทย จะไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้อีกนาน ถ้า คสช.ปล่อยให้การถอดถอนสำเร็จ การยึดอำนาจครั้งนี้ก็จะเสียของอย่างแน่นอน" นายก่อแก้วระบุ
    ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาหาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นัดสุดท้ายว่า มีการนำข้อไม่สมบูรณ์ที่มีอยู่และพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช.ได้สอบเพิ่มเติมมาพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งที่สุดคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ข้อสมบูรณ์ในคดีนี้ ขณะนี้ได้มีพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว
    "ขั้นตอนหลังจากนี้คณะทำงานร่วมฯ จะส่งเรื่องไปให้ อสส.พิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เท่าที่ทราบฝ่าย อสส.จะดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วภาย
ในไม่กี่วันนี้ ขอให้ติดตามท่าทีจาก อสส.ว่าจะสั่งฟ้องคดีได้เมื่อใด" เลขาฯป.ป.ช.กล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น: