PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานการณ์ระเบิด

บึม! กรมสรรพาวุธ ย่านเกียกกาย พบทหารเจ็บหลายราย จนท.เร่งนำส่งรพ.พระมงกุฎเกล้า เบื้องต้น อาการไม่รุนแรง 'วินธัย' แจงอุบัติเหตุ ขณะซ่อม RPG แต่เกิดในอุโมงค์จึงไม่รุนแรงมาก...

เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลฯ ได้มีการโพสต์ภาพ เกิดเหตุระเบิดภายในกรมสรรพาวุธ ทหารบก ย่านเกียกกาย เบื้องต้นมีภาพเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งนี้ นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.พระมงกุฎเกล้า ส่วนสาเหตุการเกิดระเบิดยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน

ต่อมา ผอ.กองอุบัติเหตุฯ รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยกับสื่อวิทยุ คลื่น 100.5 ว่า มีทหารได้รับบาดเจ็บจากระเบิดที่กรมสรรพาวุธ ทบ. ถูกส่งเข้ามารักษาตัว ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าแล้ว จำนวน 5 นาย โดยอาการไม่รุนแรง

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูรายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ได้เปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุระเบิดเป็นโรงซ่อมอาวุธกองทัพบก ซึ่งขณะนั้น มีเจ้าหน้าที่ทหารกำลังซ่อมบำรุงเครื่องยิงลูก RPG อยู่ ทั้งนี้หลัง จนท.เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดในกรมสรรพาวุธ ทบ. พบเครื่องยิง RPG ขัดข้อง ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นจนมีทหารได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย

ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกทบ. แจง กรณีอุบัติเหตุที่กรมสรพาวุธ ทบ.ยืนยัน ไม่ใช่การระเบิด ผบ.ทบ.ทราบเรื่องแล้ว โดยได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บ พร้อมกำชับกำลังพลให้เพิ่มความระมัดระวัง

ทั้งนี้ สาเหตุเป็นการซ่อมอุปกรณ์ชุดเครื่องยิงจรวด RPG (ที่ไม่มีลูก) ของจนท.ในโรงซ่อม แล้ว ขณะทำการซ่อมอยู่นั้นเกิดการจุดตัวของชุดขับเคลื่อนลูกจรวดที่อยู่ภายในกระบอกลำกล้องจรวด จึง
มีผลทำให้ชุดขับเคลื่อนพุ่งทะลุหลุดออกมา ไปกระแทกอุปกรณ์เครื่องมืออื่นบริเวณใกล้เคียง ทำให้มีเศษชิ้นส่วนแตกกระจายจนไปทำให้มีกำลังพล ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 5 นาย ผู้-บาดเจ็บ 5 ราย เป็นช่างของโรงงาน บาดเจ็บที่ศรีษะต้องเย็บ 1 นาย ที่ลำตัว 1 นาย อีก 3 นาย มีการจุกเนื่องจากแรงอัด

รายชื่อทหารได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น

1.นายบรรเจิด เชียงสาย 58 ปี
อาการ มีบาดแผลที่ศีรษะ รู้สึกตัวดี

2.นายบัญชา ศรีประยูร 30 ปี
อาการ แน่นหน้าอก รู้สึกตัวดี

3.นายพีรภัทร ศรีนิยม
อาการ หูอื้อ รู้สึกตัวดี

4.นายกันตพล ภาคเจริญ 22 ปี
อาการ หูอื้อ รู้สึกตัวดี

5.นายสันติภาพ เกิดน้อย
อาการ หูอื้อ รู้สึกตัวดี ส่วนยศรอการตรวจสอบ

 อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อเวลา 13.50 น. พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุดังกล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก รับทราบเรื่องแล้ว และสั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บ พร้อมกำชับกำลังพลให้เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน และยืนยันว่าเหตุดังกล่าวไม่ใช่ระเบิดแต่อย่างใด

          พ.อ. วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการซ่อมอุปกรณ์ชุดเครื่องยิงจรวด RPG (ที่ไม่มีลูก) ของเจ้าหน้าที่ในโรงซ่อม และขณะที่ทำการซ่อมอยู่นั้น ก็เกิดการจุดตัวของชุดขับเคลื่อนลูกจรวดที่อยู่ภายในกระบอกลำกล้อง จึงทำให้ชุดขับเคลื่อนพุ่งทะลุหลุดออกมาไปกระแทกอุปกรณ์เครื่องมืออื่น บริเวณใกล้เคียง ทำให้มีเศษชิ้นส่วนแตกกระจาย จนกำลังพลได้รับบาดเจ็บเนื่องจากแรงอัด

           ส่วนทางด้าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กรณีนี้เป็นอุบัติเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นนายช่างเครื่องมือกล ไม่ใช่ทหาร  ส่วนข่าวที่ระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน นั้นไม่เป็นความจริง เพราะตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน โดยบาดเจ็บบริเวณศีรษะ 1 คนและอีก 4 คน มีอาการหูดับ

/////////////////
โฆษก สตช. เผย สั่งทางลับประกบกลุ่มต้องสงสัยวางบึ้มพารากอนแล้ว รับหนักใจ อาจมีการก่อเหตุจุดสัญลักษณ์อีก สั่งระดมพล ระวังจุดเสี่ยงแล้ว ด้าน 'พ.อ.บรรพต' ให้รอ ตร.แถลงจับมือบึ้มได้ในภูเก็ตจริงหรือไม่

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ความคืบหน้าเหตุระเบิดทางเชื่อมห้างสยามพารากอน กับรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม หลัง
จากที่ศาลอนุมัติอหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยแล้วนั้น ล่าสุด ทางทีมสืบสวนสอบสวน ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มก้อนในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งที่ยังรวมตัวกันอยู่
หรือแยกกันไปแล้ว แต่อาจจะกลับมารวมตัวกันใหม่ ซึ่งได้สั่งการและสนธิกำลังกับหน่วยความมั่นคงในการลงพื้นที่ประกบกลุ่มผู้ต้องสงสัยหมดแล้ว ซึ่งเป็นการทำงานในทางลับ ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

โฆษก สตช. กล่าวอีกว่า ยอมรับค่อนข้างหนักใจ ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีจะก่อเหตุอีก โดยเฉพาะในจุดเชิงสัญลักษณ์ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน และเป็นจุดเสี่ยงสาธารณะใน กทม. ดังนั้น จึงได้เฝ้าระวังระดับเข้มข้นที่สุด อาทิ ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งมีทั้งบนสกายวอล์ค และในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ระดม ตร.นอกเครื่องแบบหาข่าวแล้ว นอกนั้นก็เป็นจุดเสี่ยงสำคัญอื่นๆ ซึ่งได้ส่งกำลังเข้าไปเฝ้าระวังทั้งหมดแล้ว
////////////////
ระเบิดการเมือง
เหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม กับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.

ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดตำรวจและฝ่ายความมั่นคงสันนิษฐานตรงกัน โดยให้น้ำหนักว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับเหตุระเบิดเมื่อ 29 มี.ค.57 บนถนนราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรีช่วงนั้นเป็นช่วงการชุมนุมของ กปปส. คนร้ายน่าจะกำลังเคลื่อนย้ายระเบิด "ไปป์บอมบ์" แบบเดียวกับที่ตูมตามหน้าสยามพารากอนไปส่ง ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่เกิดอุบัติเหตุจนเกิดระเบิดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บ้านเช่าของผู้ตายอยู่ห่างออกไปไม่มาก เมื่อเกิดระเบิด คนร้ายที่เหลือก็เผ่นหนีหมด ทิ้งระเบิดไปป์บอมบ์อีก 4-5 ลูกไว้ดูต่างหน้า

หากข้อสันนิษฐานนี้เป็นจริง ระเบิดที่สยามพารากอนก็น่าจะเป็น "ระเบิดการเมือง"

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) อดีตนายทหารด้านการข่าวชื่อดัง วิเคราะห์ย้อนหลังไปไกลกว่าปี 57 โดยบอกว่า แนวคิดที่คนร้ายทำคล้ายกับระเบิดวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เมื่อปี 49 หลังการรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รูปแบบคล้ายคลึงกันหมด โดยเฉพาะการใช้ระเบิดแสวงเครื่อง แต่คนทำเป็นคนละกลุ่ม

"กลุ่มที่ทำเมื่อปี 49 ถูกจับหมดแล้ว ไม่ใช่กลุ่มทหารที่ฝ่ายตำรวจไปจับมา แต่เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ถูกจับดำเนินคดีโดยไม่เป็นข่าวโด่งดังมากนัก"

พล.ท.นันทเดช บอกอีกว่า กลุ่มที่ทำระเบิดแสวงเครื่องได้มีหลายกลุ่ม และกลุ่มที่ป่วนเมืองช่วงชุมนุมทางการเมืองปี 57 ก็ยังถูกจับกุมไม่หมด โดยมีบางพวกมีความชำนาญเรื่องระเบิดแสวงเครื่อง

ไม่ใช่แค่เอ็ม 79 สำหรับจังหวะเวลาที่สร้างสถานการณ์ ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเมือง คงต้องการทำเพื่อเอาใจนาย หลังมีเหตุการณ์ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล-สนับสนุนอำนาจเก่ากำลังเพลี่ยงพล้ำ

"การก่อเหตุลักษณะนี้ทำให้คนคิดว่ารัฐบาลทำเองหรือเปล่า และสังเกตได้ว่ามีการปล่อยข่าวทันทีว่ารัฐบาลทำเองหรือไม่ เพื่อกระชับอำนาจและกวาดล้างอีกฝ่าย จึงอยากทำความเข้าใจว่าไม่มีรัฐบาลที่ไหนสร้างสถานการณ์เพื่อดิสเครดิตตัวเอง ผลดีอาจจะมีแต่น้อยกว่าผลเสียมาก โดยเฉพาะการถูกมองว่าขนาดมีกฎอัยการศึกยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ และนี่คือสิ่งที่ฝ่ายต่อต้านหรือฝ่ายผู้กระทำต้องการให้สังคมคิด"

"ผมคิดว่าถ้าตำรวจเอาจริงน่าจะจับกุมคนร้ายได้ หรืออย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นใคร กลุ่มไหน เพราะคนร้ายมาก่อเหตุถึงย่านธุรกิจการค้ากลางเมืองหลวง ซึ่งมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเยอะมาก หากไล่ดูภาพในกล้องไปทั้งหมด น่าจะพอได้เบาะแส" เขาชี้ช่อง

บทวิเคราะห์ของ พล.ท.นันทเดช สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาล ที่ระบุว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ทำให้ดูเหมือนผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ดูรายละเอียดแล้วไม่เหมือนกัน

"ระเบิด 2 ลูกนี้เป็นระเบิดการเมือง มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน เราทราบแผนของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลว่าจะทำตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ แต่ช่วงนั้นได้สั่งเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทำให้ไม่สามารถกระทำได้ตามแผน กระทั่งล่าสุดการรักษาความปลอดภัยเริ่มหย่อนลง ประกอบกับทางห้างสรรพสินค้ามีอีเวนท์ จึงมีช่องว่างให้เข้าไปก่อเหตุ"

แหล่งข่าวระดับสูงรายนี้บอกอีกว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประเมินว่ารัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ จึงเลือกก่อเหตุร้ายตรงศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้เกิดผลกระทบ (อิมแพค) สูงๆ เมื่อเหตุเกิดแล้วก็จะถูกผสมโรงหลายเรื่อง ฝ่ายผู้ก่อการก็จะได้ประโยชน์

อย่างไรก็ดี ทฤษฎีของหน่วยงานรัฐและผู้สนับสนุนช่างตรงกันข้ามกับทฤษฎีของ "คนเสื้อแดง" อย่างสิ้นเชิง เพราะคนเสื้อแดงและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ คสช.มองว่าเหตุระเบิดตูมตามเที่ยวนี้รัฐบาลอาจทำเองเพื่อคงกฎอัยการศึกไว้ และหลอกสหรัฐที่เรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว ทำนองว่าเมืองไทยยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่จริง จึงยังเลิกกฎอัยการศึกไม่ได้

ขณะที่อีกทฤษฎีที่ฮาร์ดคอร์กว่านั้น คือ "ฝ่ายอำมาตย์" กำลังขัดแย้งกันเอง และเตะตัดขากันเพื่อประโยชน์ในเชิงอำนาจและการกำหนดทิศทางประเทศมุมมองต่างกันสุดขั้วยิ่งกว่าเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้แบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดประเทศไทยถึงวุ่นวายไม่หยุด!
//////////////////
รายงานการเมือง
     
       คืบหน้าไปพอสมควรกับการสืบหามือระเบิด “ไปป์บอมบ์” หน้าสยามพารากอน ศูนย์กลางธุรกิจ และชอปปิ้งระดับโลก เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลได้อนุมัติออกหมายจับชายต้องสงสัยที่ปรากฏในภาพวงจรปิดทั้ง 2 คนแล้ว และรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างติดตามจับกุม เชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 2 คนอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุตำรวจพุ่งเป้าไปยังประเด็นการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาการลอบวางระเบิดส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นการสร้างสถานการณ์ โฟกัสมาทางการเมืองทั้งสิ้น กรณีที่คนร้ายเลือกห้างสรรพสินค้าพารากอน เป็นสถานที่จุดระเบิด เชื่อว่า หวังผลหลายอย่าง รวมทั้งการท้าทายเจ้าหน้าที่ด้วยชัดเจน ไม่มีกั๊ก ทั้งกลุ่มคนร้ายที่มั่นใจว่ามีมากกว่า 2 คน โดยมือวางตำรวจทราบว่าเป็นใครแล้วกำลังตามจับ

ประเด็นสำคัญ “บิ๊กแป๊ะ” ยืดอก “ฟันธง” เลยว่าสาเหตุมาจากเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน แต่เป็นการเมืองข้างไหน รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ไม่ยอมบอก
     
       หากจับทิศทางที่ได้เปิดไว้แต่วันแรก ก็สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะเหตุการณ์ระเบิดที่สยามเมตตาแมนชั่น บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อปี 2553 ผู้เกี่ยวข้องก็คือฮาร์ดคอร์สายคนเสื้อแดงล้วนๆ ส่วนคดี “ไปป์บอมบ์” ย่านมีนบุรี ชานเมืองกรุงเทพฯ ตัวละครที่เกี่ยวข้องก็คือมวลชนคนเสื้อแดง
       
       แนวทางสืบสวนสอบสวนของตำรวจจึงหนีไม่พ้นที่จะมุ่งไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีประวัติน่าสงสัย ส่วนจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เป็นสตอรี่ระทึกขวัญที่มีผู้เขียนบท “ล็อก” ตัวแสดงขึ้นมาหรือไม่ คงต้องรอคำตอบที่งวดเข้ามาทุกขณะ
     
       เมื่อกล่าวถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ขอโฟกัสประวัติย้อนหลังสักเล็กน้อยเพื่อให้เห็นภาพอื่นๆ ซ้อนขึ้นมาอีกมิติหนึ่ง นายตำรวจผู้นี้เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 36
เส้นทางความก้าวหน้าเติบโตมาอย่างรวดเร็ว และจุดที่พลิกผันจนขึ้นมาเป็นตัวเต็งว่าที่ ผบ.ตร. ก็คือ ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจ” โดยเมื่อปี 2551 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการประจำปี 2553 ก้าวมาเป็น “ผู้
บัญชาการตำรวจนครบาล” ภายใต้ยุครัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อันเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นรัฐบาลก่อตั้งในรั้วทหาร และมีทหารเป็นพี่เลี้ยงระมัดระวังภัยคุกคามจากความร้อนแรงของมวลชนคนเสื้อแดง
     
       และในปี 2553 นั่นเองมีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองหลายครั้ง รวมทั้งคดีระเบิดสยามเมตตาแมนชั่น บางบัวทอง จ.นนทบุรี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย บาดเจ็บอีกนับสิบหนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิต คือ นายสมัย วงศ์สุวรรณ อดีต นปช. สายฮาร์ดคอร์จากเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นในซากปรักหักพังของห้องคนตายพบซีดีเขียนด้วยปากกาเคมี “รัฐไทยใหม่” จำนวนมากจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
     
       อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานที่ปรากฏ รวมทั้งประวัติของนายสมัย ที่เป็นคนเสื้อแดง แม้ตำรวจจะมีแนวโน้มว่าเป็นอุบัติเหตุเกิดความผิดพลาดจนวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ที่กลุ่มคนร้ายได้ตระเตรียมไว้เกิดระเบิดขึ้นก่อน แต่ยังมีข้อหักล้าง หรือข้อสงสัยจากกลุ่มคนเสื้อแดง และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งว่าเป็นการจัดฉากเพื่อดิสเครดิตคนเสื้อแดง
     
       อีกทั้งเป็นมาตรการตามเก็บบรรดาเสื้อแดงหัวรุนแรง รวมทั้งประเด็นซีดีรัฐไทยใหม่กว่า 100 แผ่นที่กระจัดกระจายในห้องพักนายสมัย ไม่น่าเชื่อว่าการดำเนินงานลักษณะ “ใต้ดิน” จะทิ้งหลักฐาน เขียนข้อความประเจิดประเจ้อตามที่เจ้าหน้าที่รัฐให้ข่าว
     
       และเป็นเรื่องน่าบังเอิญอย่างเหลือเชื่อเมื่อขณะนั้นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุคือ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาการ ผบช.ภ.1 ในขณะนั้นอย่างพอดิบพอดี
     
       ระเบิดไปป์บอมบ์หน้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2558 หรืออีก 5 ปีต่อมา จึงเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง กับ “บิ๊กปู” พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. อย่างมิได้นัดหมาย
     
       โดยฝ่าย “บิ๊กแป๊ะ” มีขุมกำลังจาก นรต. 36 เป็นเครือข่ายตามล่าหามือระเบิด ประกอบด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.สันติบาล พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ และ พล.ต.ต.สุวัจน์ แจ้งยอดสุข
นักสืบมือปราบ จากกองบัญชาการยุทธศาสตร์ตำรวจ เป็นต้น
     
       ส่วนเครือข่ายของ “บิ๊กปู” อาศัยเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บชน. เป็นกำลังหลัก
     
       ผลงานจะเป็นอย่างไร “แป๊ะ - ปู” จะลืมเรื่องความขัดแย้งแล้วจับมือกันเพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรตำรวจหรือไม่โปรดติดตามห้ามกะพริบตา

ไม่มีความคิดเห็น: