เสี่ยงหนัก ต้นปีหน้า คนภาคเหนิอ และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯ จะไม่มีน้ำกิน คำเตือนจาก ดร.เสรี ศุภราทิตย์ กูรูน้ำ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ชี้ให้เห็นว่า ตัวเลขปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนใหญ่ ของลุ่มเจ้าพระยา และภาคเหนือที่ประกอบไปด้วย เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ วันนี้ มีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 1,200 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 9% ของความจุเขื่อนทั้ง 4 แห่ง โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำต่ำสุดในรอบ 51 ปี หรือต่ำสุด ตั้งแต่มีการกักเก็บน้ำมา ขณะที่ปริมาณฝนภาคเหนือ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 45% ส่วนภาคกลาง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 69% ถือว่าวิกฤติรุนแรง การประปานครหลวง ออกโรงประกาศ ให้ประชาชนภาคกลาง เริ่มสำรองน้ำกินน้ำใช้ ครัวเรือนละ 60 ลิตร และให้โรงงานอุตสาหกรรม สำรองน้ำเพื่อการผลิต เพราะปริมาณน้ำในระบบลดลง
ปัญหาคือ ปี 2559 เริ่มต้นตั้งแต่เดือน พ.ย. 58-เม.ย. 59 รวมเวลา 6 เดือน หากปริมาณน้ำในเขื่อน มีรวมกันไม่ถึง 1,200 ล้าน ลบ.ม. จากตัวเลขกรมชลประทานคำนวณ ต้องการใช้น้ำมากถึง 11,500 ล้าน ลบ.ม. ยังขาดน้ำอยู่ถึง 10,300 ล้าน ลบ.ม.
ปัญหาใหญ่ คือความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 ในเวลานั้นมีน้ำเต็มปริ่มแทบทุกเขื่อน แต่กลับไม่มีการกักเก็บ หรือระบายน้ำ ตามหลักวิชาการ “ฝ่ายการเมืองสั่งการให้ลดปริมาณน้ำ ในเขื่อนทุกเขื่อนให้เหลือเพียง 45% ของความจุ รวมแล้วมีการระบายน้ำออกไปถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. ถือเป็นการระบายน้ำที่มากที่สุด ในรอบ 15 ปี ใฝีมือปลอดประสพ เจ้าเก่า แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ เตือนล่วงหน้าแล้ว ทำให้ปริมาณ “น้ำต้นทุน” ของประเทศไทย ไม่เคยเพิ่มขึ้นอีกเลยติดต่อกัน เป็นเวลาถึง 3 ปี
รัฐต้องงดการปลูกข้าวนาปี จำนวน 4 ล้านไร่ทันที ไม่ใช่แค่เลื่อนปลูกออกไปเท่านั้น !!
CR ไทยรัฐ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น