ผกก.สภ.ธงชัย ถูกยกคำร้องทุกข์แต่งตั้งตำแหน่งข้ามลำดับ ฟ้อง7นายพล พร้อมผอ.ศูนย์พิทักษ์ระบบคุณธรรม ปฎิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ
เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 12 มิถุนายน 2558 พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.ธงชัย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเบ๊นซ์ สปอร์ตสีขาว ติดสติ๊กเกอร์ข้างรถเป็นภาษอังกฤษ อ่านว่า “ไอ้บ้านนอก”ซึ่งเป็นเครื่องหมายลิขสิทธิ์ของ คุณกำพล ตันสัจจา สวนนงนุชพัทยา เข้าพบผู้สื่อข่าว ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เพื่อนำเอกสารหลักฐานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้สื่อข่าว พร้อมกับแสดงคำฟ้องคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ตามหมายเลขคดีดำที่ 1917 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลฯได้รับคำฟ้อง ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2558 โดยศาลฯนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 17 สิงหาคม 2558
เหตุดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในสังกัดภูธรภาค 7 โดยคณะกรรมการได้จัดทำบัญชีข้อมูลข้าราชการตำรวจผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับผกก.เลื่อนขึ้นเป็น รองผบก.ในสังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจัดเรียง พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ เป็นผู้เหมาะสมลำดับที่ 3 แล้วนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตามหนังสือสั่งการที่ 0022.112/8701ลงวันที่ 5 ธ.ค. 57 ลงนามโดย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ. 7 ต่อมาในวันที่ 9 ม.ค. 58 ได้มีการพิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้งเลื่อนลำดับ ผกก.ขึ้นเป็น รองผบก. 2 ราย โดยแต่งตั้งผู้ที่อยู่ลำดับที่ 2 และข้ามลำดับที่ 3 ไปคัดเลือกลำดับที่ 4 แทน ทำให้ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ร้องทุกข์ต่อ ก.ตร.โดยมีคณะอนุฯดังกล่าวทำหน้าที่แทน ก.ตร.แต่ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่พิจารณาให้เป็นไปตามกฏหมาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้อง คณะอนุฯดังกล่าว รวม 8 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.ธงชัย กล่าวว่า การที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 คัดเลือกผู้เหมาะสมลำดับที่ 4 แต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรองผบก.อก.ภ. 7 โดยข้ามตนไป และไม่ได้ระบุความไม่เหมาะสมของตนซึ่งเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมลำดับที่ 3 จึงไม่อาจกระทำได้เพราะการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมนั้นต้องคัดเลือกตามลำดับ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาสูงขึ้นให้ระบุเหตุผลโดยละเอียดและชัดเจนและเป็นรูปธรรมตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดแล้วเสนอไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีบันทึกความไม่เหมาะสมหรือพฤติการณ์ความไม่เหมาะสมในการพิจารณาแต่งตั้ง วาระปี 2557 จาก ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ในการเสนอ ก.ตร.แต่อย่างใด
ต่อมาตน ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ คณะอนุ ก.ตร.ซึ่งประกอบด้วย พลตำรวจเอก เขตต์ นิ่มสมบูรณ์ ,พลตำรวจโท เหมราช ธารีไทย,พลตำรวจเอกอิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พลตำรวจโทศุภวุฒิ สังข์อ่อง,พล.ต.ท.ธนู ชัยนุกูลศิลา,พลตำรวจโทประกาศหรือนายประกาศ ศาตะมาน,พลตำรวจตรีประสิทธิ์ หรือนายประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิชัยและนางสาวสุทธิมา พิพัฒน์พิบูลย์ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการ ก.ตร.เกี่ยวกับร้องทุกข์ มีหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของตน แต่ปรากฏว่า คณะ อนุกรรมการ ก.ตร.ทั้ง 8 คนได้ร่วมกันมีมติยกคำร้องของตน ทั้ง ๆ ที่ รู้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี แต่ไม่มีการพิจารณาถึงเรื่องราวของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่าการมีคำสั่งแต่งตั้งเลื่อนระดับจาก ผกก.ขึ้นเป็นรองผบก. โดยข้ามตนซึ่งอยู่ในลำดับที่ 3 ไปแล้วแต่งตั้งลำดับที่ 4 เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามระเบียบแล้วหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ผู้แทนหน่วยระดับกองบังคับของตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงและยืนยันความเหมาะสมของตนที่อยู่ในลำดับที่ 3 พร้อมยื่นเอกสารประกอบ ในขณะเดียวกันผู้แทนหน่วยของตำรวจภูธรภาค 7 มาชี้แจงเพียงว่าที่พิจารณาแต่งตั้งผู้เหมาะสมลำดับที่ 4 เพราะมีผลงานดีกว่าลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นการชี้แจงแบบลอย ๆ โดยไม่มีเอกสารหลักฐานใด ๆมาประกอบ ซึ่งถ้าหากคณะอนุกรรมการฯทั้ง 8 ได้ตรวจสอบความจริงดังกล่าวแล้ว ก็จะพบว่า ผบช.ภ. 7 ไม่มีสิทธิพิจารณาข้ามลำดับ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ กล่าวอีกว่า การยื่นฟ้องครั้งนี้เราต้องการให้อนุกรรมการ ก.ตร.ให้ทำหน้าที่ไปตามกฎหมาย โดยตรวจสอบการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และเป็นการเตือนผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจว่าควรจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามระเบียบ การที่จะแต่งตั้งข้ามลำดับได้นั้นจะมีได้เพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือต้องระบุความไม่เหมาะสม ว่าไม่เหมาะสมอย่างไร แต่เมื่อไม่มีการระบุ แล้วอ้างแค่คำพูดลอยๆแล้วแต่งตั้งข้ามลำดับจึงถือเป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งโดยมิชอบด้วยกฏหมาย เป็นเรื่องที่ตนยอมไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ นอกจากจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง ผกก.สภ.ธงชัย จว.ประจวบฯแล้ว ยังเป็นประธานชมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ เป็นนายตำรวจผู้เสียสละทรัพย์ส่วนตัวและเวลาส่วนตัว อุทิศช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นได้จากการจัดคอนเสิร์ตของชมรมฯที่ได้นำบทเพลงที่แต่งเนื้อร้องทำนองและเรียบเรียงเสียงดนตรีเอง ออกแสดงเพื่อนำรายได้ช่วยเหลือเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่รวมถึงครอบครัวของข้าราชการตำรวจที่เดือดร้อน พร้อมทั้งยังให้การช่วยเหลือสนับสนุนเสื้อเกราะกันกระสุนให้กับหน่วยงานตำรวจในหลายจังหวัด และอุดหนุนงบประมาณให้กับกองทุนแม่ของแผ่นดิน(กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) สนับสนุนงบประมาณให้โครงการครูแดร์ในหลายๆกองบังคับการฯอีกด้วย จนสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ หลายแห่งได้นำเสนอผลงานต่างๆของ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ออกสู่สายตาประชาชนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น