PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ผกก.สภ.ธงชัย ถูกยกคำร้องทุกข์แต่งตั้งตำแหน่งข้ามลำดับ

ผกก.สภ.ธงชัย ถูกยกคำร้องทุกข์แต่งตั้งตำแหน่งข้ามลำดับ ฟ้อง7นายพล พร้อมผอ.ศูนย์พิทักษ์ระบบคุณธรรม ปฎิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ

เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 12 มิถุนายน 2558 พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.ธงชัย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเบ๊นซ์ สปอร์ตสีขาว ติดสติ๊กเกอร์ข้างรถเป็นภาษอังกฤษ อ่านว่า “ไอ้บ้านนอก”ซึ่งเป็นเครื่องหมายลิขสิทธิ์ของ คุณกำพล ตันสัจจา สวนนงนุชพัทยา เข้าพบผู้สื่อข่าว ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เพื่อนำเอกสารหลักฐานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้สื่อข่าว พร้อมกับแสดงคำฟ้องคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ตามหมายเลขคดีดำที่ 1917 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลฯได้รับคำฟ้อง ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2558 โดยศาลฯนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 17 สิงหาคม 2558
เหตุดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในสังกัดภูธรภาค 7 โดยคณะกรรมการได้จัดทำบัญชีข้อมูลข้าราชการตำรวจผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับผกก.เลื่อนขึ้นเป็น รองผบก.ในสังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจัดเรียง พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ เป็นผู้เหมาะสมลำดับที่ 3 แล้วนำเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตามหนังสือสั่งการที่ 0022.112/8701ลงวันที่ 5 ธ.ค. 57 ลงนามโดย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ. 7 ต่อมาในวันที่ 9 ม.ค. 58 ได้มีการพิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้งเลื่อนลำดับ ผกก.ขึ้นเป็น รองผบก. 2 ราย โดยแต่งตั้งผู้ที่อยู่ลำดับที่ 2 และข้ามลำดับที่ 3 ไปคัดเลือกลำดับที่ 4 แทน ทำให้ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ร้องทุกข์ต่อ ก.ตร.โดยมีคณะอนุฯดังกล่าวทำหน้าที่แทน ก.ตร.แต่ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่พิจารณาให้เป็นไปตามกฏหมาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้อง คณะอนุฯดังกล่าว รวม 8 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.ธงชัย กล่าวว่า การที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 คัดเลือกผู้เหมาะสมลำดับที่ 4 แต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรองผบก.อก.ภ. 7 โดยข้ามตนไป และไม่ได้ระบุความไม่เหมาะสมของตนซึ่งเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมลำดับที่ 3 จึงไม่อาจกระทำได้เพราะการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมนั้นต้องคัดเลือกตามลำดับ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาสูงขึ้นให้ระบุเหตุผลโดยละเอียดและชัดเจนและเป็นรูปธรรมตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดแล้วเสนอไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีบันทึกความไม่เหมาะสมหรือพฤติการณ์ความไม่เหมาะสมในการพิจารณาแต่งตั้ง วาระปี 2557 จาก ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ในการเสนอ ก.ตร.แต่อย่างใด
ต่อมาตน ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ คณะอนุ ก.ตร.ซึ่งประกอบด้วย พลตำรวจเอก เขตต์ นิ่มสมบูรณ์ ,พลตำรวจโท เหมราช ธารีไทย,พลตำรวจเอกอิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พลตำรวจโทศุภวุฒิ สังข์อ่อง,พล.ต.ท.ธนู ชัยนุกูลศิลา,พลตำรวจโทประกาศหรือนายประกาศ ศาตะมาน,พลตำรวจตรีประสิทธิ์ หรือนายประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิชัยและนางสาวสุทธิมา พิพัฒน์พิบูลย์ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการ ก.ตร.เกี่ยวกับร้องทุกข์ มีหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของตน แต่ปรากฏว่า คณะ อนุกรรมการ ก.ตร.ทั้ง 8 คนได้ร่วมกันมีมติยกคำร้องของตน ทั้ง ๆ ที่ รู้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี แต่ไม่มีการพิจารณาถึงเรื่องราวของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่าการมีคำสั่งแต่งตั้งเลื่อนระดับจาก ผกก.ขึ้นเป็นรองผบก. โดยข้ามตนซึ่งอยู่ในลำดับที่ 3 ไปแล้วแต่งตั้งลำดับที่ 4 เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามระเบียบแล้วหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ผู้แทนหน่วยระดับกองบังคับของตำรวจภูธร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงและยืนยันความเหมาะสมของตนที่อยู่ในลำดับที่ 3 พร้อมยื่นเอกสารประกอบ ในขณะเดียวกันผู้แทนหน่วยของตำรวจภูธรภาค 7 มาชี้แจงเพียงว่าที่พิจารณาแต่งตั้งผู้เหมาะสมลำดับที่ 4 เพราะมีผลงานดีกว่าลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นการชี้แจงแบบลอย ๆ โดยไม่มีเอกสารหลักฐานใด ๆมาประกอบ ซึ่งถ้าหากคณะอนุกรรมการฯทั้ง 8 ได้ตรวจสอบความจริงดังกล่าวแล้ว ก็จะพบว่า ผบช.ภ. 7 ไม่มีสิทธิพิจารณาข้ามลำดับ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ กล่าวอีกว่า การยื่นฟ้องครั้งนี้เราต้องการให้อนุกรรมการ ก.ตร.ให้ทำหน้าที่ไปตามกฎหมาย โดยตรวจสอบการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และเป็นการเตือนผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจว่าควรจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามระเบียบ การที่จะแต่งตั้งข้ามลำดับได้นั้นจะมีได้เพียงกรณีเดียวเท่านั้นคือต้องระบุความไม่เหมาะสม ว่าไม่เหมาะสมอย่างไร แต่เมื่อไม่มีการระบุ แล้วอ้างแค่คำพูดลอยๆแล้วแต่งตั้งข้ามลำดับจึงถือเป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งโดยมิชอบด้วยกฏหมาย เป็นเรื่องที่ตนยอมไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ นอกจากจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง ผกก.สภ.ธงชัย จว.ประจวบฯแล้ว ยังเป็นประธานชมเพื่อนช่วยเพื่อนตำรวจแห่งชาติ เป็นนายตำรวจผู้เสียสละทรัพย์ส่วนตัวและเวลาส่วนตัว อุทิศช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นได้จากการจัดคอนเสิร์ตของชมรมฯที่ได้นำบทเพลงที่แต่งเนื้อร้องทำนองและเรียบเรียงเสียงดนตรีเอง ออกแสดงเพื่อนำรายได้ช่วยเหลือเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่รวมถึงครอบครัวของข้าราชการตำรวจที่เดือดร้อน พร้อมทั้งยังให้การช่วยเหลือสนับสนุนเสื้อเกราะกันกระสุนให้กับหน่วยงานตำรวจในหลายจังหวัด และอุดหนุนงบประมาณให้กับกองทุนแม่ของแผ่นดิน(กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) สนับสนุนงบประมาณให้โครงการครูแดร์ในหลายๆกองบังคับการฯอีกด้วย จนสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ หลายแห่งได้นำเสนอผลงานต่างๆของ พ.ต.อ.ดร.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ออกสู่สายตาประชาชนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


ไม่มีความคิดเห็น: