PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทบ.ให้สื่อทำข่าวครั้งแรก ทบ.สหรัฐอเมริกา-ไทย

ทบ.ให้สื่อทำข่าวครั้งแรก ทบ.สหรัฐอเมริกา-ไทย ประชุมประเมินผลการฝึกและกิจกรรม ร่วมกันของปี2015และทำแผนปี2016ร่วมกัน หวังยืนยันสัมพันธ์
ที่บก. ทบ.พลโทเสริมศักดิ์ นิยะโมสถ รองเสนาธิการทหารบก เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับกลาง ระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกสหรัฐฯ ครั้งที่ 4 ที่มีผู้แทนจากฝ่ายไทย 51นาย และฝ่ายสหรัฐมีผู้แทน 25 นาย
นำโดย Maj.Gen.Todd B Mc Caffrey
รองผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เป็นหัวหน้าคณะ
ประชุมร่วมครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการทหารของทั้ง 2 ประเทศ และทบทวนกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกันในปี 2558 รวมถึงหารือการจัดทำแผนการปฏิบัติร่วมกันในปี 2559 ตั้งแต่วันที่ 21-24 กรกฎาคมนี้
สำหรับแผนปฏิบัติการร่วมกันในปี 2558 มีจำนวน 26 กิจกรรม ประกอบด้วย การฝึกผสมรหัส "หนุมานการ์เดียน 2015 "ที่จ.สระบุรี การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งกำลังบำรุง การจัดเจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้คำแนะนำด้านการส้งบำรุงอากาศยาน การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม
ทั้งนี้ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้แทนทั้ง 2 ฝ่าย ได้ถ่ายรูปร่วมกันที่บริเวณลานอนุเสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ภายในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย
โดยนี่เป็นครั้งแรก ที่ทบ. เชิญสื่อมาทำข่าว ประชุมนี้ เพื่อจะชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ทางทหาร ไทย-สหรัฐอเมริกา ที่ยังคงมีตามปกติ มีความร่วมมือกัน แม้เป็นช่วงรัฐบาลรัฐประหาร
“ทบ.ไทย-สหรัฐฯ” ถกแผนความร่วมมือทางทหารปีหน้า พร้อมเดินหน้า Cobra Gold 2016 “รองเสธ.ทบ.”เผยแผนปีนี้เดินหน้า 18 กิจกรรม ชี้“สหรัฐฯ” ไม่ได้ลดความช่วยเหลือด้านการทหาร โปรยยาหอมปีหน้าหลังเลือกตั้งทุกอย่างเหมือนเดิม พร้อมระบุ สหรัฐฯ พร้อมขายอาวุธให้ไทย แต่กองทัพติดปัญหางบฯ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.)
กองทัพบกเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพช่วงเปิดการประชุมผู้บริหารระดับกลาง ( Executive Steering Group : ESG) ระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 มีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ
โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นตามการอนุมัติหลักการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2554 ที่มีความมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการทหาร และการประชุมครั้งนี้จะมีการทบทวนกิจกรรมที่ดำเนินการ่วมกันในปี 2558 และจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมในปี 2559 กำหนดการประชุมระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค.นี้
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ฝ่ายไทยมีจำนวน 51 นาย ประกอบด้วย กรมฝ่ายเสนาธิการ และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก โดยมี พล.ท.เสริมศักดิ์ นิยะโมสถ รองเสนาธิการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกองทัพบก และฝ่ายสหรัฐฯ จำนวน 25 นาย ประกอบด้วยผู้แทนกองทัพบกสหรัฐฯ กองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิค และ JUSMAGTHAI โดยมี Lt.Gen.Todd B.Mccaffrey เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม 76นาย
อย่างไรก็ตามกองทัพบกจะได้นำคณะผู้แทนกองทัพบกสหรัฐฯ ไปทัศนศึกษาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และ เยี่ยมชมโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กรมการทหารช่าง และ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าด้วย
พล.ท.เสริมศักดิ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า สำหรับกิจกรรมตามแผนการปฏิบัติร่วมระหว่างกองทัพบกไทย กับกองทัพบกสหรัฐฯ ประจำปี 2558 มีทั้งหมด 26 กิจกรรม ดำเนินการแล้ว 18 กิจกรรม และอยู่ระหว่างดำเนินการ 8 กิจกรรม เช่น กรมฝึกรหัสหนุมานการ์เดี้ยน 2015 จำนวน 11 กิจกรรมที่จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสระบุรีเมื่อวันที่ 15-26 มิ.ย.58 การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งกำลังบำรุง
โดยฝ่ายไทยจัดเสนาธิการศึกษารายงานด้านการส่งกำลังบำรุงไปที่มลรัฐเท็กซัส เวอร์จิเนีย และวอชิงตันดีซี ในเดือน มิ.ย.58 การจัดเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้คำแนะนำด้านการส่งกำลังบำรุงอากาศยาน ที่ศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี ในห้วงเดือน มี.ค.-ก.ย.58 การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองกำหนดดำเนินการในเดือน ส.ค.58 ที่มลรัฐฮาวาย การแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
โดยฝ่ายสหรัฐฯ จัดนักเรียนนายร้อยสำรอง (ROTC) มาศึกษาวัฒนธรรมและสอนภาษาให้กับนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯจำนวน 8คณะในเดือน พ.ค.-ส.ค.58
รวมถึงการฝึกร่วมผสมภายใต้รหัส Balance Torch ซึ่งมีการฝึกเตรียมการไปแล้ว และจะมีการฝึกจริงในช่วงปลายเดือนนี้ นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือด้านอื่น เช่นด้านการแพทย์ ในส่วนของไทยได้เสนอจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ที่กรมแพทย์ทหารบกเพื่อจัดทีมแพทย์ไปช่วยเหลือประเทศในอาเซียนในกรณีที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตามกิจกรรมต่างๆ ตามแผนงบประมาณปี 58 จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามที่ได้จัดทำแผนไว้
พล.ท.เสริมศักดิ์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทย และ สหรัฐฯ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ว่าทางสหรัฐฯ ได้แจ้งว่าในปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ ไม่ได้ลดความช่วยเหลือทางด้านการทหาร และเข้าใจปัญหาบ้านเราโดยเฉพาะสถานการณ์ด้านการเมือง เมื่อไทยมีการเลือกตั้งโดยสมบูรณ์ตามโรดแม้พที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางไว้ คิดว่าในปีหน้าความร่วมมือคงเหมือนเดิม เพราะความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทย และสหรัฐฯ มีมาอย่างยาวนาน แม้หลังวันที่ 22 พ.ค.57 จะมีการพูดถึงการลดขนาดฝึกCobra Gold 2015 ลง แต่ก็ลดกำลังพลของกองทัพบกลงไปบ้างซึ่ง การฝึกเป็นไปตามแผนเดิม สำหรับแผนการฝึกในปีงบประมาณ 2559 ส่วนการฝึกCobra Gold ยังเป็นไปตามแผนเดิม
การประชุมในวันนี้จะการหารือในรายละเอียดว่าในปี 2559 จะฝึกอย่างไรบ้าง โดยบางส่วนเพิ่มขึ้น แต่บางส่วนที่ไม่มีความจำเป็นก็ตัดออกและเพิ่มในเรื่องใหม่ๆ เข้าไป โดยคอบร้าโกลด์ 2016 จะเน้นการฝึกในสถานการณ์ที่ไม่ใช่สงครามเป็นหลัก
รองเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า การช่วยเหลือของสหรัฐฯ ด้านยุทโธปกรณ์นั้น ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึง แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ทางสหรัฐฯ มีกับไทย และไม่ได้ยกเลิก สำหรับที่มีข่าวว่าสหรัฐฯ ตัดงบฯ ด้านการทหารหลัง วันที่ 22 พ.ค. นั้น มองว่าความจริงงบฯช่วยเหลือถ้าคิดแล้วก็ไม่ได้มากมาย ซึ่งเราก็ช่วยเหลือตัวเองพอสมควร จะมีบางสิ่งที่มีความจำเป็นที่ต้องจัดหา เช่น ยุทโธปกรณ์บางส่วน เราขอความร่วมมือไป แต่ไม่ใช่ได้มาฟรี แต่ซื้อในราคามิตรภาพหรือ แบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งทางสหรัฐฯ ก็ไม่ได้บอกว่าจะตัดความช่วยเหลือในด้านนี้ลง ในอดีตเราใช้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ มาก แต่เพราะราคาค่อนข้างสูง ขณะที่งบประมาณของเราก็ค่อนข้างจำกัด ก็ต้องจัดหาจากประเทศอื่นเพื่อทดแทนเพราะยุทโธปกรณ์ที่เสื่อมไปตามสภาพ
โดยการซื้อขายของไทย กับสหรัฐฯ ยังคงเป็นระบบFMS ที่สหรัฐฯ ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลก่อน และสหรัฐฯ ก็ต้องดูว่าประเทศใดมีความสัมพันธ์กับเขาและเป็นประชาธิปไตย จึงจะขายให้
" ยืนยันว่าช่วงที่ไทยยังไม่เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจะไม่ส่งผลกระทบต่อความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มีต่อกองทัพไทย"
ทั้งนี้ การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐ ฯ เช่นการจัดหาเฮลิคอปเตอร์นั้น ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องงบประมาณของเราเอง เพราะเราต้องซื้อเงินผ่อน และอยากได้ของก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขเราได้หรือไม่


ไม่มีความคิดเห็น: