PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บุกจับรีสอร์ทภูเรือพบอดีตหน.อุทยานเป็นเจ้าของ

ตะลึง!!บุกจับ"รีสอร์ทหรู" อดีตหัวหน้าอุทยานภูเรือ | เดลินิวส์
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 16:15 น. 

ตะลึง!!บุกจับ"รีสอร์ทหรู" อดีตหัวหน้าอุทยานภูเรือ บุกจับรีสอร์ทหรูอดีตหน.อุทยานภูเรือ พบออกเอกสารสิทธิ์ก่อนประกาศจัดตั้งอุทยานฯปี 22 ไม่กี่วันใช้ขอโฉนด คปป.เลยเปิดยุทธการใหญ่ตรวจป่าภูเรือ 7.5 หมื่นไร่ 21-28 ธ.ค. 
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. คณะเจ้าหน้าที่นำโดยนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายไพโรจน์ ปานสมุทร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) หน่วยพญาเสือ นำโดยนายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร์ ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม และนายสมเกียรติ ชั้นบุญใส หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ร่วมกับนายรณภพ คัชมาตย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย เจ้าหน้าที่ทหารจากกอ.รมน.จังหวัดเลย ฝ่ายปกครอง อ.ภูเรือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเรือ ร่วมกันตรวจสอบและดำเนินคดี กับบุคคลผู้ครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ โดยใช้วิธีการตรวจสอบจากหลักฐานการรังวัดแนวเขตอุทยานฯ ตามท้ายพระราชกฤษฎีกาให้เป็นไปตามนโยบายของกรมอุทยานฯ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการใน 3 จุด โดยจุดแรก คือวรัญญารีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่เนื้อที่รวม 27 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าอุทยานฯ ภูเรือ มีลักษณะเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่มีอาคารจัดประชุมสัมมนาและห้องพักมากกว่า 100 ห้อง โดยตรวจสอบพบว่ามีพื้นที่บุกรุกอุทยานฯ ภูเรือ จำนวน 19 ไร่ ซึ่งในจำนวนนี้ 7 ไร่ เจ้าหน้าที่รังวัดกรมอุทยานฯยืนยันว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ ภูเรือชัดเจนกโดยมีสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่งก่อสร้างในช่วงปี 2557 จำนวน 14 หลัง ประกอบด้วย ห้องสัมมนาขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

 โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก่อนปิดป้ายประกาศให้รื้อถอนส่ิงปลูกสร้างตาม มาตรา 22 ของพ.ร.บ.อุทยานฯ 2504 ทั้งนี้ได้มีนางมุกดา คำมาศ เจ้าของรีสอร์ทมาคอยสังเกตการณ์ โดยนางมุกดาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เปิดกิจการรีสอร์ทมากว่า 20 ปีแล้ว โดยซื้อที่ดินจำนวน 6 แปลงรวม 27 ไร่ โดยผืนล่าสุดที่มีเนื้อที่ 7 ไร่ ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าอยู่ในเขตอุทยานฯภูเรือนั้น ได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 โดยซื้อจากคนกรุงเทพฯที่ซื้อต่อจากคนในพื้นที่อีกทอด สาเหตุที่ซื้อเพราะมีความมั่นใจว่าเป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมีเอกสารสิทธิ นส.3 ก และมีถนนแบ่งเขตอุทยานฯ ชัดเจน ซึ่งจากนี้ก็ให้ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย 


ต่อมา คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดที่ 2 คือสโรชา รีสอร์ท ซึ่งมีพื้นทีเป็นรีสอร์ทและลานกางเตนท์ 1 ไร่ เป็นสวนยางพาราบนภูเขาจำนวน 7 ไร่ และสวนกล้วย 1 ไร่ 1 งาน และจุดที่สามคือบ้านธารพระพรรีสอร์ท บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ 2 ไร่ 3 งาน มีการปลูกพืชผลทางการเกษตรและเป็นลานกางเตนท์ในฤดูท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าของได้นำโฉนดที่ดินมายืนยัน ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่ในพื้นที่อุทยานฯ ภูเรือชัดเจนทั้งแปลง ซึ่งต้องดำเนินการรื้อถอนตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ ต่อไป 

สำหรับรีสอร์ทที่บุกรุกอุทยานฯ ภูเรือทั้ง 3 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยวรัญญารีสอร์ทถือเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของ จ.เลย นางมุกดาได้ครอบครองที่ดินบางส่วน ในช่วงที่นายยรรยง คำมาศ สามีของนางมุกดา เป็นหัวหน้าอุทยานฯภูเรือคนแรก เมื่อปี 2522 ส่วนที่ดิน 7 ไร่ที่มีปัญหานางวรัญญาระบุว่าได้ซื้อที่ดินมาเมื่อปี 2551 ในขณะที่สามีเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ภูจองนายอย จ.อุบลราชธานีโดยขณะนี้สามีเกษียณอายุราชการแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนรังวัดได้ประสานกับกรมที่ดินขอตรวจสอบสารบบที่ดิน พบว่ามีการนำ นส. 3 ก. แปลงที่ 39 และ 47 ไปขอออกโฉนดแต่ทางสำนักงานที่ดิน อ.ภูเรือ ได้ยกเลิก นส.3 ก.ทั้ง 2 ฉบับออกจากสารบบที่ดิน โดยระบุว่าอยู่ในที่ป่าตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.2522 ทำให้ที่ดินแปลงที่เหลือยังเป็น นส.3 ก. และไม่มีการนำไปขอออกโฉนดอีก ทั้งนี้มีข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกนำไปออกเป็น นส.3 ก. ก่อนประกาศเขตอุทยานฯ ภูเรือในวันที่ 26 ก.ค.2522 เพียงไม่กี่วัน ขณะที่สโรชารีสอร์ทเป็นของปลัดอำเภอ อำเภอหนึ่งใน จ.เลย และธารพระพรรีสอร์ท เป็นของอดีตข้าราชการกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯ 

นายไพโรจน์ กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ ในเรื่องการทวงคึนผืนป่า โดยในพื้นที่ จ.เลยได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการจับดำเนินคดีกับรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ภูเรือ จำนวนแปลง 8 แปลง เนื้อที่ 220 ไร่ ซึ่งคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้ (คปป.) จ.เลย ที่มี ผวจ.เลย เป็นประธานได้มีมติเพิกถอนที่ดินที่บุกรุกทั้งหมด และส่งเรื่องให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์พื้นที่บุกรุกทั้งหมดตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้อุทยานฯ ภูเรือ มีพื้นที่บุกรุกที่ต้องเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด 7.5 หมื่นไร่ที่ต้องเร่งดำเนินการต่อไป โดยในวันที่ 21-28 ธ.ค.นี้ จะร่วมกับสำนักป้องกันฯ และส่วนรังวัดแนวเขตที่ดินป่าไม้ กรมอุทยานฯ เปิดยุทธการตรวจสอบพื้นที่บุกรุกในอุทยานฯ ภูเรือต่อไป. “

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/354145

ไม่มีความคิดเห็น: