PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

หลักสูตรบ้านเอเอฟของคสช.

คสช.เผย หลักสูตร "ผู้นำการสร้างชาติ"อย่างสร้างสรรค์ 7วัน 168 ชม. ทำอย่างเปิดเผย โปร่งใส ให้เกียรติ ญาติรับรู้ สถานที่  เผยเล็งไว้แล้ว ใครบ้าง คาด 2 คนล่าสุด อาจโดนก่อนเพราะไม่ร่วมมือ

พันเอกปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวถึงการดำเนินการจัดหลักสูตรอบรมนักการเมืองของคสช.ว่า หลักสูตรดังกล่าวมีชื่อว่า การฝึกอบรม "ผู้นำการสร้างชาติ"อย่างสร้างสรรค์
สำหรับผู้นำหรือแกนนำประชาชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการ คือ 1.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจสถานการณ์ตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศเมื่อวันที่ 22พ.ค.57 จนถึงปัจจุบัน 

2.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจและรับรู้กติกาสังคมปัจจุบันที่เน้นสร้างความปรองดองสมานฉันท์
 3.สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและไว้ใจต่อการปฏิบัติงานของรัฐบาลและ คสช.

4.ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้เข้ารับการอบรมขัดขวาง และขอความร่วมมือให้ช่วยสนับสนุนงานของรัฐบาลและ คสช.

ส่วนหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมเข้าอบรม ทาง คสช.ได้กำหนดไว้ว่าเป็นผู้นำหรือแกนนำประชาชน ที่กระทำผิดกฎหมาย ทำผิดกติกาสังคม และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติจนทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลและ คสช.เกิดความเสียหาย 

รวมถึงมีพฤติกรรมที่มีแนวโน้มสร้างความขัดแย้งระหว่างคนในสังคม ตลอดจนมีพฤติกรรมแปลกแยกไปจากสังคม ส่วนระยะเวลาหลักสูตรนี้จะใช้เวลาทั้งสิ้น 7 วัน จำนวน 168 ชั่วโมง 

โดย คสช.ใช้อำนาจตามกฎหมายเท่าที่เราทำได้และไม่มีอะไรเกินเลย

สำหรับขั้นตอนปฏิบัติในการเชิญผู้ถูกอบรมในหลักสูตรดังกล่าวนั้น จะเชิญตัวและดำเนินการอย่างเปิดเผยด้วยการให้เกียรติ พร้อมทั้งแจ้งพฤติกรรมคนที่ถูกเชิญได้รับทราบว่ามีคุณสมบัติใดที่ควรเข้ารับการอบรม 
อีกทั้งจะต้องแจ้งให้ญาติของผู้ถูกอบรมรับทราบว่าจะไปสถานที่ใด รวมทั้งสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ 

"ขอย้ำว่าเราจะอำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ารับการอบรมเป็นอย่างดี หากจบหลักสูตรอบรม 7 วันแล้ว เราจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับบ้านด้วย "

เมื่อถามย้ำว่าหากผู้ที่เข้าข่ายไม่ยินยอมจะดำเนินการอย่างไร พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.มีอำนาจในการเชิญตัวและตักเตือน 

ทั้งนึ้ผู้ที่จะเข้ารับการอบรม อาจจะเป็นคนเดิม ๆ ที่ คสช.ติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด อีกทั้งเชิญมาพูดคุยหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงหลังพบว่ามีท่าทีและทัศนคติของคนเหล่านั้นที่ดีขึ้น 

"ย้ำว่าเรายังคงติดตามและเฝ้าดูอยู่เสมอ ส่วนจะเป็นใครบ้างที่มีทัศนคติดีขึ้นนั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็น 2 คนที่คสช.เชิญมาพูดคุยก่อนหน้านี้ เพราะไม่ได้สร้างความสับสนเพิ่มเติมและยังให้ความร่วมมือ"พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว 

 ส่วนที่พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ในฐานะเลขาธิการคสช.ระบุว่าจะส่งผู้เข้าอบรมไปค่ายทหารพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้น สิ่งที่ผบ.ทบ.พูดนั้นหมายถึงค่ายทหารทุกพื้นที่ที่สามารถรองรับหลักสูตรนี้ได้ ไม่ว่าจะหวัดใดก็ตาม ที่ระบุว่าเป็นจ.ยะลา และจ.ปัตตานี คิดว่าคงเป็นเพียงแต่ยกตัวอย่างชื่อจังหวัดเท่านั้น 
“ผมขอร้องว่าในฐานะที่เราเป็นคนไทยด้วยกัน และในฐานะที่พวกท่านเป็นอดีตนักการเมืองเคยบริหารประเทศมา คิดว่าแต่ละท่านคงมีวุฒิภาวะพอที่เข้าใจต่อกระบวนการของกฎหมายอยู่แล้ว 

หากท่านรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกว่าคสช.ละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้น 

ผมขออธิบายเลยว่า คสช.ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นเพียงแต่เราต้องการรักษาสถานการณ์ประเทศให้เกิดความสงบ 

จึงขอความร่วมมือคนที่มีความคิดเห็นที่แตกแยกให้ช่วยสงบสติอารมณ์ ควรอยู่ในความสงบ ปล่อยให้รัฐบาล และ คสช.บริหารประเทศดูแลประชาชนก่อน เพื่อวางอนาคตให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นสากล นี่คือเจตนารมณ์สำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาล และ คสช.

ไม่มีความคิดเห็น: