PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

"วัชระ"เปิดไฟไล่โกงสำนักเลขาสภาผู้แทนฯ

"วัชระ"เปิดไฟไล่โกงสำนักเลขาสภาผู้แทนฯ จี้"พรเพชร"สอบ2ปม ชี้ทุจริตสมัย"สุวิจักษณ์"300ล้านบาทผ่านมา2ปีไม่คืบ 
14 ก.ย. 59 ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าในการติดตามการสอบการทุจริตภายในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้มายื่นหนังสือติดตามผลการตรวจสอบโครงการทุจริตต่างๆ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีการตรวจสอบรวม 2 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการอนุมัติใช้งบประมาณส่อในการทุจริตก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ปี 2556 เป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท ใน 15 โครงการ เช่น การปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ ห้อง 3301 อาคารรัฐสภา 3 จำนวน 36.5 ล้านบาท, สร้างห้องประชุมยุทธศาสตร์ จำนวน 24.5 ล้านบาท, ปรับปรุงห้องน้ำระบบสุขาภิบาล จำนวน 5 ล้านบาท,
สร้างห้องออกกำลังกายและห้องทำงานสื่อมวลชนที่ไม่ต้องลงเสาเข็มหรือทำหลังคาใหม่เลย จำนวน 17.9 ล้านบาท, โครงการปรับพื้นฐานพระบรมราชนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 จำนวน 13.8 ล้านบาท, โครงการจัดซื้อเครื่องทำน้ำดื่ม 62 เครื่อง เครื่องละ 7 หมื่นบาท รวม 3.2 ล้านบาท, โครงการติดตั้งเครื่องสแกนบุคคลตรวจสอบการเข้าออกอาคารรัฐสภา จำนวน 62 ล้านบาท และนาฬิกาเทวดา 240 เรือน จำนวน 15 ล้านบาท เป็นต้น ว่าคืบหน้าถึงไหนแล้ว เพราะผ่านมา 2 ปี ยังไม่มีการลงโทษข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้อง และขออย่าลงโทษข้าราชการชั้นผู้น้อยแต่ขอให้กันไว้เป็นพยาน ซึ่งหลังจากนี้อีก 3 เดือนจะมาติดตามรับฟังผลสรุปการตรวจสอบทุจริตโครงการต่างๆ
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรถึงพฤติกรรมของบุคคลหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นคนของอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และเป็นที่ปรึกษาของนายสุวิจักษณ์ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่การแต่งตั้งไม่ได้เป็นระเบียบของทางราชการ เป็นเพียงตำแหน่งที่กล่าวอ้าง แต่สภากลับปล่อยให้บุคคลดังกล่าว ทำหน้าที่นั่งตรวจแฟ้มงานในโครงการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการในยุคนายสุวิจักษณ์ จนเกิดการทุจริตในช่วงเวลาดังกล่าว และยังปล่อยให้บุคคลผู้นี้เข้ามานั่งทำงานที่ชั้น 2 ที่หน้าห้องเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทั้งยังสามารถสั่งการให้ข้าราชการรัฐสภาโดยอ้างว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ได้รับมอบหมายจากประธานสนช.ให้ดูแลโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และยังเรียกตัวแทนบริษัทผู้รับจ้างและบริษัทที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างรัฐสภาใหม่มาเจรจา รวมถึงเรียกข้าราชการมาพบเพื่อเสนอตำแหน่งให้โดยอ้างว่าจะขอผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในสนช.ให้ แต่จะต้องมาดูแลรับใช้และใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการปฏิบัติตามคำสั่งของตัวเอง
ดังนั้น จึงขอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับสมาชิกสนช.คนใด มีตำแหน่งข้าราชการจริงหรือไม่ และเข้ามานั่งทำงานหน้าห้องเลขาสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างไร ทั้งยังรับประทานอาหารฟรีทุกวันโดยให้ข้าราชการไปตักอาหารจัดเลี้ยงแม่น้ำ 5 สายมากินฟรีทุกวัน มีการแอบอ้างและใช้อาคารรัฐสภากระทำการดังกล่าวจริงหรือไม่ อย่างไร และขอให้แจ้งทราบด้วย เพราะเสื่อมเสียต่อสถานที่อันทรงเกียรติ
นายวัชระ กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากกรณีนายพรเพชร เคยมีคำสั่งสนช.ที่ 107/2559 เรื่องลงโทษไล่ออกนายสมชาติ ธรรมศิริ และคำสั่งที่ 106/2559 เรื่องให้ลงโทษปลดออกนายคุณวุฒิ ตันตระกูล ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.2559 กรณีการใช้งบที่ไม่เหมาะสมเป็นการลงโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการสอบสวนการทุจริตที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากมาย แต่กลับยังไม่มีผลสรุปการลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่อย่างไร รวมถึงเรื่องที่เคยยื่นหนังสือให้ตรวจสอบโครงการทุจริตโครงการอิ่มบุญ จำนวน 84 ล้านบาทของวุฒิสภา นายพรเพชรไม่ได้ตรวจสอบหรือ ดังนั้น ตนจึงขอส่องไฟฉายเปิดไฟไล่โกงที่รัฐสภา สนองนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ไม่มีความคิดเห็น: