PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คสช.ตอกกลับทักษิณเพ้อเจ้อปฏิวัติเพราะเกลียดตัวเอง


7 ต.ค. 59 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีตามหมายศาล กรณีเดินทางไปพูดคุยกับคนเสื้อแดง ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่มุมมองส่วนตัวของนายทักษิณ ที่ออกมาพูดแบบเดิมๆ เหมือนที่เคยทำมา เชื่อว่าประชาชนฟังแล้วคงพิจารณาได้ว่าต้องการอะไร ส่วนที่บอกว่ามีความเป็นห่วงบ้านเมือง ที่มียังมีความขัดแย้งทุกวันนี้จนประเทศไม่เดินไปข้างหน้านั้น ในข้อเท็จจริงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการวางโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเป็นระบบ ส่วนเรื่องความขัดแย้งก็ลดระดับลง มีเพียงความพยายามของบางกลุ่มบางฝ่ายที่ยึดโยงกับผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ออกมาสร้างเรื่องให้สังคมเกิดความวุ่นวายเป็นระยะๆ
โฆษก คสช. กล่าวต่อว่า ส่วนที่บอกว่ากำลังเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วเหยียบคันเร่งนั้น เชื่อว่าสังคมคงเห็นและสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา และเห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาล และคสช. ที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างมีทิศทาง วางกรอบภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ มีโรดแมป แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีการขับเคลื่อนงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ สิ่งเหล่านี้ได้ร่วมกันกำหนดทิศทาง และเดินหน้าจนประเทศผ่านพ้นและก้าวข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเฉพาะสามารถแก้ไขปัญหาที่ไทยยังไม่ผ่านมาตรฐานสากล เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือน เป็นต้น
"คงไม่ใช่ การเข้าเกียร์ถอยหลัง เสร็จแล้วถึงเร่งคันเร่งเดินหน้าอย่างที่กล่าว เพราะถ้าจะเปรียบจริงๆ คือการเร่งไปข้างหน้า ด้วยความรอบคอบอย่างมั่นคงและระมัดระวัง" พ.อ.วินธัย กล่าว
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ บอกว่าน้ำท่วมก็โทษรัฐบาลที่แล้ว พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ประเด็นไม่ได้น่าจะอยู่ที่ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในปริมาณที่สูง แต่ที่ติดตามดูข้อมูลปัญหาน่าจะมาจากการบริหารจัดการ ทั้งวิธีการบริหาร การแจ้งเตือนประชาชน ซึ่งมีความสับสนไม่ชัดเจน และอาจไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะที่บอกว่า เอาอยู่ เอาไม่อยู่
นอกจากนี้ พ.อ.วินธัย ได้ตอบโต้ในประเด็นที่นายทักษิณ ระบุว่า เพราะแค้นตนคนเดียว จนต้องทำปฏิวัติถึงสองครั้ง ทั้งรัฐบาลตัวเองและน้องสาว ว่าเป็นมุมมองของบุคคลคนเดียว เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องรัก เรื่องชังที่ตัวบุคคล แต่ปัจจัยสำคัญมีมากมาย อาทิ การหยุดการสูญเสียชีวิตในชาติ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การรักษาความสงบเรียบร้อย การแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่หยุดชะงัก โดยรวมแล้วคือการรักษาผลประโยชน์ของชาติ นั่งคือสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

ไม่มีความคิดเห็น: