PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

"บิ๊กป้อม" ควง "บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กแดง"เยี่ยมชุมชนริมน้ำ ยัน นายกฯจริงใจ แก้ปัญหาชุมชนรุกล้ำริมแม่น้ำลำคลอง



"บิ๊กป้อม" ควง "บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กแดง"เยี่ยมชุมชนริมน้ำ ยัน นายกฯจริงใจ แก้ปัญหาชุมชนรุกล้ำริมแม่น้ำลำคลอง เตรียมงบฯ1.4 หมื่นล้าน สร้างบ้านและแฟลต มั่นคง/ ประเดิม ย้ายชุมชนเขียวไข่กา ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้นแฟลต. ขส.ทบ./ ยันไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อประชาชน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย พร้อมด้วยพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และคณะ ได้เดินทางมาที่ชุมชนเขียวไข่กา เขตดุสิต เพื่อเยี่ยมชาวชุมชนเขียวไข่กาที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา และกำลังย้ายเข้าอยู่อาศัยในที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่ทางรัฐบาลจัดเตรียมเอาไว้ให้ที่ แฟลตขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ย่านเกียกกาย
โดยมี พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และ พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 มาต้อนรับด้วย
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระปิ่นเกล้า รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร กระทรวงความมั่นคงมนุยษ์รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินการดูแลผู้ที่ได้ผลกระทบจากการเวนคืนพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 12 ชุมชน 309 ครัวเรือน ได้ทำการจัดหาที่อยู่ใหม่ให้กับประชาชนเป็นแฟลตขส.ทบ.ที่ตั้งอยู่ย่านเกียกกาย
สำหรับแฟลต ขส.ทบ. ขณะนี้มีจำนวน 64 ห้อง สามารถรองรับชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา 3 ชุมชน คือ ชุมชนเขียวไข่กา วัดสร้อยทอง และปากคลองบางเขนใหม่รวมจำนวน 40 ครัวเรือนและยังรองรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างรัฐสภาใหม่ จำนวน 2 ชุมชน คือ ชุมชนองค์การทอผ้าและริมไทร รวมจำนวน 24 ครัวเรือน โดยรวมจำนวนผู้ที่อยู่อาศัยจำนวน 64 ครัวเรือน และจะเน้นให้ชุมชนเดิมอยู่ใกล้กันมากที่สุด
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการทำสัญญาเช่าระหว่างสหกรณ์ฯ กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังในเดือนพฤศจิกายน 2559 โดยสมาชิกจะต้องชำระเงินจำนวน 27,033 บาท ประกอบด้วย 1. ค่าธรรมเนียมการให้เช่า 3 ปี 24,030 บาท 2. หลักประกันล่วงหน้า 3 เดือน 3,003 บาท ซึ่งผู้เช่าจะเสียค่าเช่าเดือนละ 1,001 บาท ยังไม่ร่วมค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา เป็นสัญญาเช่าระยะเวลา 30 ปี

ด้าน พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายอย่างชัดเจนในการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถให้คนมาออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคต
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆแล้วเขาก็ไม่อยากอยู่ แต่ที่ต้องอยู่เพราะความยากจน กระทรวง พม.ก็ใช้งบประมาณต่างๆเพื่อมาตกแต่งแฟลตให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้เข้ามาอาศัย ทั้งหมดคือความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นั่นก็คือประชารัฐ
โครงการนี้เป็นงานที่นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างมาก และก็อยากให้เรื่องนี้สำเร็จ โดยท่านได้เตรียมเงินไว้แล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะมาทำโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและเพื่อมาชดเชยให้กับประชาชนที่เดือดร้อน
"นายกฯมีความจริงใจ ที่จะทำให้เป็นจริง จัดระเบียบชุมชนริมแม่น้ำใหม่ เราไม่ได้เพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อประชาชน" พลเอกประวิตร กล่าว
พลเอก ประวิตร กล่าวด้วยว่า มีคนส่วนน้อยที่มาต่อต้านโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา โดยคิดว่าโครงการนี้จะไปทำลายทัศนียภาพและทำลายแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งความจริงแล้วมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแม่น้ำนี้น้อยมาก ไม่ได้ทำให้ความกว้างของแม่น้ำเจ้าพระยาลดน้อยลง เมื่อรัฐสามารถรื้อถอนที่ที่ประชาชนบุกรุกออกไปได้จะมีพื้นที่ในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น
ส่วน งบประมาณแฟลตขส.ทบ.พลเอกประวิตร กล่าวว่า ใช้งบประมาณไม่มากในการปรับปรุง ครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างดี ลองไปเทียบกับชุมชนที่อยู่ริมน้ำว่า อยู่กันอย่างไร ความปลอดภัยของแฟลตขส.ทบ. มีมากกว่าแน่นอนและโครงการนี้ระยะยาวถึง 30 ปี ผ่อนเพียงพันบาทและเป็นที่อยู่อาศัยที่ถูกต้องของตัวเอง ไม่ต้องหลบซ่อนเกรงว่ารัฐจะมาไล่
ส้าหรับชุมชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและจะได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวน 10 ชุมชน รวม 285 ครัวเรือน คือ (1.) ชุมชนปากคลองบางเขนใหม่ (2.) ชุมชนวัดสร้อยทอง เขตบางพลัด (3.) ชุมชนวัดฉัตรแก้วจงกลนี (4.) ชุมชนเขียวไข่กา (5.) ชุมชนซอยศรีคาม(แนวเขื่อนไม่ชัดเจน) (6.) ชุมชนราชผาทับทิม (7.) ชุมชนศาลเจ้าแม่ทับทิม (8.) ชุมชนมิตรคาม 1 (9.) ชุมชนมิตรคาม 2 (10.) ชุมชนวัดเทวราชกุญชร นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ จ้านวน 2 ชุมชน ซึ่งอยู่ในแผนงานพัฒนาที่อยู่อาศัยของ พอช. ด้วย คือ (1.) ชุมชนองค์การทอผ้า และ (2.) ชุมชนริมไทรรวม 24 ครัวเรือน
ทั้งนี้ ในระหว่างที่พลเอก ประวิตร กำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่นั้น ได้มีตัวแทนของชุมชนป้อมมหากาฬได้มายื่นหนังสือถึง พลเอก ประวิตร
ทั้งนี้ เพื่อต้องการนำเสนอแผนการปฎิบัติงานรูปแบบใหม่ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมามีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มีพล.อ.ประวิตร เป็นประธาน
แต่ชุมชนป้อมมหากาฬกลับไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชี้แจงและนำเสนอมหากาฬโมเดล ซึ่งการประชุมครั้งนั้นรับฟังแต่เหตุผลของทางกทม.เพียงฝ่ายเดียว ทางชุมชนเลยอยากให้พลเอกประวิตร ได้ฟังข้อมูลจากทางชุมชนป้อมมหากาฬฯบ้าง
โดยตัวแทนชุมชน บอกว่าต้องการที่ให้มีการเปิดเวทีเพื่อพูดคุยเจรจากันอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการตั้งพหุภาคีเพื่อแก้ไขปัญหา
โดย พลเอกประวิตรได้รับมอบหนังสือไว้พิจารณา บอกขอเวลาอ่านศึกษาก่อน

ไม่มีความคิดเห็น: