PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

บิ๊กป้อมแจงปปช.แล้ว

"บิ๊กป้อม" ส่งหนังสือ แจง นาฬิกา แล้ว ตั้งแต่27 ธค.60 แต่ ปปช. ไม่ขอเปิดเผย ชี้แจงกี่เรือน ระบุ"นาฬิกา เพื่อน"หรือไม่ รอตรวจสอบก่อน อาจต้องเขิญชี้แจง ในปีหน้า
ยัน ปปช.ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และมืออาชีพ แม้สนิท"บิ๊กป้อม" !!

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รายงานในที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. รับทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีที่มาของแหวะเพชรและนาฬิกาหรูมายัง ป.ป.ช.แล้ว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ช.

ด้าน นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาฬิกาและแหวนมาให้ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

ขั้นตอนหลังจากนี้ ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ดังนั้น จะต้องเรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในช่วงต้นปี 61 

อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผยคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตร เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปตรวจสอบ และไม่ขอตอบว่า พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเฉพาะนาฬิกายี่ห้อริชาร์ด มิลล์ เพียงเรือนเดียวหรือไม่ 

ส่วนนาฬิกาเรือนอื่นๆ ที่มีข้อสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ถือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ ป.ป.ช.จะต้องไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.จะดูทุกเรื่องที่ปรากฏและไม่ปรากฏในสื่อ คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน เมื่อได้ผลอย่างไรจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ คาดว่า ใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน เนื่องจากไม่ใช่เรื่องซ้ำซ้อน

ส่วนคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตร ได้ระบุหรือไม่ว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่เสียชีวิต นายวรวิทย์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไรทั้งสิ้น ขณะนี้ให้เป็นเรื่องการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ก่อน

เมื่อถามว่า สังคมสงสัยเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างประธานป.ป.ช. กับพล.อ.ประวิตร ที่อาจมีการช่วยเหลือกัน นายวรวิทย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช. เพราะมีคำขวัญการทำงานว่า ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และมืออาชีพ

ดรีมทีมทหารคุยสะสมทรัพย์

Dream Team !!
"บิ๊กตู่-บิ๊กฉัตร-บิ๊กแดง"
No Deal !! แค่ ตีกอล์ฟ ??! ไม่ใช่ ตั้งพรรคทหาร -ทาบตัว สส. - จัดตั้งรัฐบาล ????
คำถามตามมา เพียบ!!

ท่ามกลางกระแสข่าวการตั้งพรรคทหาร และการทาบทาม ชักชวน ซื้อตัว อดีตสส.เข้าพรรค นั้น 

นาย วัฒนา เมืองสุข โพสต์ภาพผ่านทางเฟสบุ้ค ภาพ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และ บิ๊กแดง พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ.กับนักการเมือง ตระกูลสะสมทรัพย์  เช่น นาย เผดิมชัย สะสมทรัพย์  ไชยยศ สะสมทรัพย์  นายไชยา สะสมทรัพย์ และ นายอนุชา สะสมทรัพย์

ท่ามกลางกระแสข่าวการตั้งพรรคทหาร เพื่อสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง

โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะให้ นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ เป็นหัวหน้าพรรค พลเอกฉัตรชัย เป็นเลขาธิการพรรค

นอกจากนี้ยังมี พลเอกอภิรัชต์. ร่วมวงสนทนาด้วย ทั้งนี้พลเอกอภิรัขต์ ถูกมองว่าจะ เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ในการโยกย้ายตุลาคม 2561 แล้วจะเป็นคนคุมกองทัพในการสนับสนุน รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ในสมัยหน้าด้วย

แต่ก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์ ออกมาปฏิเสธการตั้งพรรคทหาร โดยระบุว่าในอดีตไม่เคยประสบความสำเร็จจะตั้งไปทำไมให้เมื่อย

พร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่า นายสมคิดจะเป็นหัวหน้าพรรคทหาร โดยระบุว่า ถามแล้วนายสมคิด ส่ายหน้าปฏิเสธ

ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ ระบุว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วหรือพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ที่มีความโปร่งใส และมีนโยบายที่เป็นธรรมาภิบาล

ภาพ บิ๊กตู่-บิ๊กฉัตร-บิ๊กแด งพบนักการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ จึงทำให้การเมืองระอุขึ้นและเรื่อง การตั้งพรรค ทาบทาม สส. กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง

แม้ว่าพลเอกประยุทธ์จะยืนยันว่า ไม่มี ดีลการเมืองกับใคร  ถามทำไมผมจะต้องดีลกับใคร/อ้างไปตีกอล์ฟ ไปดูสนามกอล์ฟ เขามาขอถ่ายรูปเอง/ ลั่น ถ้าผมจะดีลจริง ไม่ต้องไปทำอะไรให้เขาเห็นหรอก วอนอย่ามาระแวงผม ผนเป็นรัฐบาลที่ ผม ไปไหนก็ได้/เผย คุยกับนักการเมืองทุกคนแนะต้องแก้ไขปรับปรุงตนเองให้ได้ ต้องเป็นการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ผมก็พูดอย่างนี้กับทุกคนที่เป็นนักการเมือง พูดแค่นี้มันผิดตรงไหน?

" แต่ไม่ใช่มามองว่า ผมพบเรื่องการเมือง ดีลการเมือง ผมไม่ดีลกับใคร ทำไมผมจะต้องดีลกับใคร ในเมื่อผมมีหน้าที่ทำให้ประเทศมั่นคง แข็งแรง " นายกฯ กล่าว

การเมืองวันหน้าใครจะอยู่พรรคไหน ก็ไปว่ากันไป เลือกตั้งเป็นเรื่องของท่าน ท่านจะอยู่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน เป็นเรื่องของท่าน ผมไม่รู้ ผมยังไม่ได้เข้าไปอยู่ตรงนั้นเลย  แล้ว ผมจะไปดีลอะไรกับใคร ใช่ไหม 

ส่วนที่มีรูปออกมา  นั้น ผมก็ถ่ายกับทุกคน ใครอยากถ่ายกับผม ผมก็ถ่ายด้วยหมด

"ผมถ่ายรูปไปไม่รู้กี่รูปแล้ว ทุกคนขอถ่าย ผมก็ให้ถ่าย ผมจะไปรังเกียจเขาได้ยังไง ถ้าเขาไม่ขอ ผมจะไปเสนอตัวให้เขาถ่าย เหรอ ผมไม่เคยเสนอตัวแบบนั้น เขาขอผมถ่าย ผมก็ถ่าย ได้ทั้งนั้น

แต่อย่ามามองว่า นี่คือตกลง ดีล ทางการเมือง ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ต้องไปไหนสิ 

ที่ผมไป ผมต้องการไปดูพื้นที่เป็นอย่างไร จังหวัดต่างๆเป็นอย่างไร และมีคนมารับจะเป็นนักการเมือง ไม่เป็นนักการเมือง เขาอยากมารับก็มา ผมไม่ว่าอะไร

"ผมจะไปดีลอะไร ในเมื่อผมยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง จะไปดีล เขา ตรงไหน ถ้าผมจะพูดกับเขา ผมก็พูดกับเขาว่า วันหน้าช่วยดูแลประเทศชาติด้วยนะ

ไม่ว่าจะใครก็ตามจะเข้าไปสู่การเมือง ก็ต้องทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ทำให้ประชาชนมีความสุข มีความไว้วางใจ เพราะวันนี้ คือปัญหาของนักการเมือง 

เพราะฉะนั้นยิ่งมาว่าผมมากๆ ดูนะว่าเขาก็ไม่ได้จะมีอะไรดีขึ้น เขาต้องไปแก้ที่ตัวเขาเอง ปรับปรุงตัวเขาเอง ไม่ใช่มาโจมตีผม 

ผมพูดมานี่ ก็เพื่อที่จะอธิบายกับรูปภาพที่ออกมาว่า ผมเจอคนโน้นคนนี้"

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า คราวที่แล้วไปสุโขทัย เขาก็มารับ จะให้ไล่เขาไปเหรอ มันก็ไม่ใช่ เขารู้ว่าผมมา เขาก็มาหา มาคุยก็คุยเรื่องทั่วไป ประชาชนเป็นอย่างไร ผมได้แต่ขอร้องให้ช่วยดูแลประชาชน 

และสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว จะต้องแก้ไขปรับปรุงตนเองให้ได้ วันหน้าถ้าจะเข้าสู่การเมือง จะต้องเป็นการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ผมก็พูดอย่างนี้กับทุกคนที่เป็นนักการเมือง พูดแค่นี้มันผิดตรงไหน ไม่ผิดใช่มั้ย"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในภาพนี้พบกับตระกูลสะสมทรัพย์เมื่อไหร่ พลเอกประยุทธ์  กล่าวว่า จำไม่ได้ นานแล้ว ผมไปตีกอล์ฟ เพราะเขาบอกว่าเป็นสนามกอล์ฟที่ได้รับรางวัล ดีแค่ไหน  ผมจึงขอไปดูหน่อย 

ส่วนเป็นพื้นที่ใคร ผมไม่รู้ เขาบอกสนามดี พอไปถึงก็สวยงามดี และเขามากันอยู่แล้ว เขาเป็นเจ้าของมั้ง และอาทิตย์หนึ่งเขาจะมานั่งอยู่ที่สนามกอล์ฟ และผม
ก็ให้คนอื่นจองสนามกอล์ฟ 

"คนตั้งเยอะแยะ ผมจะไปดีลการเมืองอะไรตรงนั้น และถ้าผมจะดีลจริง ไม่ต้องไปทำอะไรให้เขาเห็นหรอก ทำไมผมจะต้องไปดีล 

เมื่อถามว่า บังเอิญสถานการณ์ช่วงนี้มีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าไป ระแวงผมสิ เพราะผมบอกมาตลอดว่า ผมเป็นรัฐบาลที่จะไปไหนก็ได้ ไม่ใช่ตรงนี้จังหวัดนี้ไปไม่ได้ แล้วถ้าผมไปไม่ได้ ประชาชนจะเข้าถึงผมได้อย่างไร เพราะวันนี้ไม่มีส.ส.ไม่มีอะไร ผมก็ต้องเป็นคนที่ต้องไปถึงประชาชน ข้าราชการก็ต้องเข้าถึงประชาชนทำหน้าที่แทนนักการเมือง 

อย่างวันนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีจิตอาสา รัฐบาลมีอาสาสมัคร ข้าราชการทุกคน รวมถึงอปท.ต้องไปดูแลประชาชนแทนให้ใกล้ชิดมาย่ิงขึ้น ทุกฝ่ายต้องการสร้างการเรียนรู้ประชาชนให้มากขึ้นและทุกคนต้องพัฒนาตัวเองว่า เราจะรวมพลังกันอย่างไรในการพัฒนาประเทศให้พ้นจากความยากจน ซึ่งปีหน้ามาตรการใหม่ๆจะลงไปในพื้นที่

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

"บิ๊กตู่ "ไม่สนกระแสโจมตี "บิ๊กป้อม" ให้ว่าไป ตามกฏหมาย/ หน้ามุ่ย เซ็งประตู ออโต้ปิดช้า

"บิ๊กตู่ "ไม่สนกระแสโจมตี "บิ๊กป้อม" ให้ว่าไป ตามกฏหมาย/ หน้ามุ่ย เซ็งประตู ออโต้ปิดช้า
"พลเอกประยุทธ์". อวยพรปีใหม่ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ที่บ้าน ร.1รอ.
นายกฯกล่าวว่า มาอวยพร ทั้งในฐานะที่ท่านเป็นพี่ และมีความสัมพันธ์กันมายาวนานตั้งแต่สมัยอยู่ในกองทัพ จนท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก และ นายกฯ ตัวแทน ครม.... ขอให้ท่านสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ.
เผย ปีหน้า สัญญากันว่าเราจะร่วมไม้ร่วมมือในการทำงานเพื่อประเทศชาติ. อนาคตประเทศชาติ แต่มีอย่างเดียว คือขอให้ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง
ส่วนกระแสโจมตี พลเอกประวิตร ตลอดนั้น ผม ก็ได้ให้กำลังใจไปหมดแล้ว
"กระแส ก็ คือกระแส ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย"
หลังอวยพรแล้ว นายกฯ พร้อมทพลเอกประวิตร และพลเอกอนุพงษ์ เข้าห้องนั่งคอยเพื่อรอเวลาที่จะไปอวยพร พลเอกเปรมที่บ้านสี่เสาเทเวศร์
แต่ห้องนี้ประตูอัตโนมัติ จึงปิดช้า ทำให้พลเอกประยุทธ์ ทำสีหน้าไม่พอใจ เพราะทำให้ผู้สื่อข่าวที่ดักรออยู่ด้านหน้าเห็นความเคลื่อนไหวภายในห้อง
จนพลเอกประวิตรต้องเดินมาปิดเอง แต่ก็ปิดไม่ได้เพราะเลื่อนช้าๆด้วยระบบออโต้

"ป๋าเปรม" เตือน "บิ๊กตู่" กองหนุน กำลังจะหมด แทบไม่มี กองหนุนเหลืออยู่ แล้ว

"ป๋าเปรม" เตือน "บิ๊กตู่" กองหนุน กำลังจะหมด แทบไม่มี กองหนุนเหลืออยู่ แล้ว
บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก นำ ครม. ผบ.เหล่าทัพ อวยพรปีใหม่ พลเอกเปรม ......
ป๋า เตือน นายกฯลุงตู่ กองหนุนกำลังจะหมด แต่ขอให้ดำรงความมุ่งหมาย ในการทำเพื่อชาติบ้านเมือง และสร้างความสุขให้ประชาชน ตามที่ได้ประกาศไว้ เดี้ยว กองหนุนก็มาเอง
พลเอก เปรม กล่าว ขอบคุณ พลเอกประยุทธ์ ครม.ทหารและผบ.เหล่าทัพ และพวกเราทุกคน ที่รักษาประเพณีวัฒนธรรมเดิมของบ้านเมืองของเรา ด้วยการมาอวยพรผมในปีใหม่
ทุกคนทราบดี ว่ารัฐบาลของ"ตู่" เนี้ยะ พวกเราที่ไม่ใช่รัฐบาล กองทัพต่าง ๆ ข้าราชการ
ทำอะไรกันอยู่ เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา
"ตู่ ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทย ดังนั้นจึงต้องดำรงความมุ่งหมายนี่ไว้ให้ได้ ว่าเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยมีความสุข
"ตู่ ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึง ความปรารถนาดีที่มีต่อชนชาวไทย กองหนุนจะมาเอง
ขอให้ดำรงความมุ่งหมาย และเพิ่มกองหนุนให้มากขึ้นให้ได้ เขื่อว่า ตู่ทำได้ พวกเราก็ทำได้ และกำลังทำอยู่ และ ขอให้ตู่นำพาขาติบ้านเมืองของเรา ทำให้คนไทยมีความสุขให้จงได้ นะตู่นะ”

ภูมิธรรม ตั้ง 6 ข้อถามคสช. จี้ หากอยากกลับมามีอำนาจ ควรสู้บนเวทีที่ยุติธรรม

ภูมิธรรม ตั้ง 6 ข้อถามคสช. จี้ หากอยากกลับมามีอำนาจ ควรสู้บนเวทีที่ยุติธรรม


วันนี้ (28 ธันวาคม) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็นทางการเมือง ระบุว่า คำถาม ถึงผู้มีอำนาจในสังคม

1. ที่กล่าวว่า…ไม่อยากยึดถือประชาธิปไตยตามหลักสากล แต่ขอเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ของเราเองหมายความว่าต้องการประชาธิปไตยที่ไม่ต้องยึดหลักนิติธรรม แต่ให้ยึดดุลพินิจของผู้มีอำนาจเป็นสำคัญ ใช่หรือไม่ และ ดุลพินิจแปลว่าอำเภอใจของผู้มีอำนาจใช่หรือไม่

2. ถ้าบุคคลใดยึด “หลักตน เหนือหลักการในรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย”…ใช้อำนาจของตนอย่างไม่มีขอบเขต ทั้งที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดกำกับและควบคุมอยู่ ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่

3. เมื่อตอนเข้ามาสู่อำนาจใหม่ๆ ผู้มีอำนาจทั้งหลายสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” จะเร่งรีบเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม และจะรีบคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว นี่เกือบ 4 ปีมาแล้วนานพอหรือยัง…แล้วที่มีการวางกฎกติกาต่างๆ ไม่ว่าจะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, กลไก ส.ว. 250 คน หรือการจัดวางคนลงไปในองค์กรอิสระต่างๆ และต่ออายุหลายองค์กร แต่กลับพบว่าคุณสมบัติของคนเหล่านั้นขัดต่อหลักกฎหมายที่บัญญัติขึ้น หลายคนเข้าใจว่า เป็นการจัดวางพวกพ้อง เพื่อคอยเอื้อต่อเป้าหมายที่ต้องการใช่หรือไม่


4. การดำเนินการเพื่อผลักดันให้เกิดสิ่งต่างๆ โดยขัดหรือละเมิดหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จนหลายคนรู้สึกได้ว่าเกิดความเสียหายต่อประเทศมากมาย มีการทำลายหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ทำลายหลักนิติธรรมของประเทศ ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่เคารพสิทธิ เสรีภาพของสมาชิกพรรคการเมือง ถือเป็นการกระทำที่มุ่งทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องของตน เพื่อสร้างอุปสรรคและวางกับดักในการขจัดคู่แข่งขันทางการเมืองในอนาคต ใช่หรือไม่ ผลเสียหายที่เกิดขึ้นในระยะยาวใครจะรับผิดชอบ และบรรดาเนติบริกรและผู้สนับสนุนทุกคน จะมีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างไร

5. หากคาดหวังหรือมีความประสงค์ที่อยากจะกลับมามีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง ควรแสดงความชัดเจนให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า “พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนพิจารณา” พวกเราพร้อมต้อนรับเข้าสู่เวทีการต่อสู้ทางการเมืองที่ยุติธรรมและเสมอภาคชัยชนะที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใด จะมีความสง่างาม เพราะเป็นที่ยอมรับของคนทั้งสังคม…ท่านพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองหรือไม่

6. ถ้าทุกฝ่ายอยากเห็นสังคมมีอนาคต มีความหวัง ก็ต้องช่วยกันสร้างความชัดเจนและความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องสร้างกติกาที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและพร้อมจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนอย่างจริงใจ และจริงจัง …ท่านพร้อมจะคืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อใด

ขัดกันเอง

ขัดกันเอง


กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันน้ำลายแตกฟอง

กรณีที่ประชุม สนช.ลงมติ “ปล่อยผี” ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญถึง 7 คน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ 9 ปี

อ้างเหตุผลชวนมึนงง เพื่อให้ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามทุจริตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในระยะยาว

หากจะมีการสรรหา ป.ป.ช.ใหม่ อาจจะทำให้การปราบคอร์รัปชันชะงักงัน??

จึงเห็นสมควรแก้ไขหลักการให้ประธาน ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครบวาระ 9 ปีเสียก่อน

แล้วจึงเริ่มกระบวนการสรรหา ป.ป.ช.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญต่อไป

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ามี สนช.ลากตั้งลงมติเห็นชอบให้ประธาน ป.ป.ช.และกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญสามารถต่อวีซ่าไปยาวๆ 9 ปี

โดยมีคะแนนโหวตสนับสนุน 197 เสียง

แต่มีคะแนนโหวตคัดค้านเพียงเสียงเดียว

อย่างไรก็ดี แม้ผลจากการลงมติของที่ประชุม สนช.จะเอื้อประโยชน์ให้กรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญทั้ง 7 คนให้ดำรงตำแหน่งต่อไปพร้อมหน้าพร้อมตา

แต่เชื่อว่าเป้าหมายที่ต้องการอุ้มจริงๆ น่าจะอยู่ที่คนคนเดียว...

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบันที่เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

ลูกน้องสายตรงของรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เหตุผลที่ต้องอุ้ม “พล.ต.อ.วัชรพล” นั่งเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.ต่อไปยาวๆ คงไม่จำป็นต้องอธิบายให้มากเรื่องมากความ

แต่ประเด็นที่ “แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหย็มเพิ่มเติมคือแม้ที่ประชุม สนช.จะเห็นชอบให้ยกเว้นไม่ต้องนำประเด็นคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ป.ป.ช.ที่กำหนดในร่าง พ.ร.บ. ป.ป.ช.ฉบับใหม่ไปใช้บังคับกับประธานและกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน

แต่...ยังมีรัฐธรรมนูญอีก 2 มาตรา ยังคาอยู่เป็นก้างขวางคอ

รัฐธรรมนูญมาตรา 202 ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระ

และรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ที่กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.โดยตรง

ถึงแม้เสียงข้างมากของ สนช.ลากตั้งจะลงมติยกเว้นพิเศษให้กรรมการ ปปช.ชุดนี้อยู่ยาวจนครบวาระ 9 ปี
แต่เมื่อรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตราข้างต้นยังมีผลบังคับใช้ประธาน ป.ป.ช.และกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 7 คน จึงยังมีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม

ดังนั้น การที่ สนช.แก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. (ซึ่งเป็น ก.ม.ลูก) ไปขัดแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ (ซึ่งเป็น ก.ม.แม่) จึงเกิดปัญหาตามมา

สุดท้ายปัญหาคุณสมบัติ ป.ป.ช.คงต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับตีความประเด็นนี้หรือไม่ “แม่ลูกจันทร์” ยังไม่ค่อยแน่ใจ

เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนก็มีปัญหาคุณสมบัติเหมือนกัน

เฮ้อ...เรื่องมันยุ่งตรงนี้แหละโยม.

"แม่ลูกจันทร์"

สถานการณ์ลุ้นกันปีหน้า

สถานการณ์ลุ้นกันปีหน้า


นับถอยหลัง “เคาต์ดาวน์” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ก่อนอื่นเลย “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอใช้พื้นที่หน้า 3 วิเคราะห์การเมืองรายวันฉบับสุดท้ายปี 2560 อวยพรให้แฟนๆคอลัมน์ ผู้อ่านทุกท่านโชคดี มีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ

ดื่มด่ำกับเทศกาลแห่งความสุขอย่างชุ่มฉ่ำหัวใจสมกับที่เหนื่อยมาตลอดทั้งปี

ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวังกับสัญญาณบวกที่รออยู่ปีหน้า

ว่ากันตามที่ผู้นำ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศหลังประชุม ครม.นัดส่งท้ายปี 2560 วาดฝันปีหน้า 2561 สถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้น การเมืองจะชัดเจน
เป็นปีแห่งความสำเร็จ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ปีแห่งการเตรียมการไปสู่ประชาธิปไตย

ทิศทางเดียวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ รัฐบาล ประกาศบนเวทีปาฐกถาพิเศษ “โอกาสประเทศไทย 2018” ช่วงท้ายปีตีธงอย่างมั่นใจเลยว่า ปี 2561 จะเป็นปีที่ดีทางเศรษฐกิจที่เราสามารถเทกออฟ โดยเฉพาะไตรมาส 1 จะเห็นชัดที่สุด

สำทับด้วยนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประกาศประเทศไทยจะหลุดพ้นความยากจนในปีหน้า 2561 จากมาตรการอัดฉีดช่วยผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี

ผู้มีรายได้น้อยจำนวน 5.3 ล้านคน จะลืมตาอ้าปากได้ทั้งหมด

ไม่นับการวิเคราะห์คาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญตลาดเงินตลาดทุนที่คล้อยไปในทิศทางเดียวกัน กูรูตลาดหลักทรัพย์ลุ้นหุ้นไทยดีดทะลุ 2,000 จุด

ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่เดินไปสู่การเลือกตั้ง

เริ่มเห็นแสงสว่างลิบๆที่ปลายอุโมงค์

ที่แน่ๆตามสถานการณ์ที่โยงเป็นเงื่อนไขกัน เมื่อการเมือง เรื่องสถานภาพของรัฐบาลแปรผันตรงกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ

กระแสความพึงพอใจฝ่ายบริหารผูกติดอยู่กับภาวะปากท้องของชาวบ้านฐานราก

จากทิศทางที่ทุกฝ่ายสะท้อนความมั่นใจทิศทางเศรษฐกิจเชิงบวกในปีหน้า

นั่นหมายถึงผลบวกต่อสถานะของทีมงาน “นายกฯลุงตู่” ที่จะมีภูมิคุ้มกันในการปะทะกับแนวรบแรงเสียดทานของนักการเมืองอาชีพที่แปรรูปขบวนเข้าใส่ผู้นำอำนาจพิเศษ

สถานการณ์ที่ต้องเจอแน่กับสงครามระหว่างนักเลือกตั้งอาชีพกับทหาร

ตามรูปการณ์ประชาธิปัตย์และเพื่อไทย จะปรองดองอัตโนมัติ ไฟต์บังคับต้องเตะตัดขา “ลุงตู่” ไม่ให้ลากยาวเกมอำนาจตามหมากที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ

เพราะจะทำให้นักการเมืองอาชีพรุ่นเก่าเฉาตาย สูญพันธุ์หมด

และโดยปรากฏการณ์อย่างที่เห็นๆกัน ตั้งแต่นักการเมืองเริ่มขยับแข้งขยับขาตามเงื่อนเวลาท้ายโรดแม็ป และการโยน 6 คำถามของ “ลุงตู่” หยั่งกระแสไปต่อหลังเลือกตั้ง เป้าโฟกัสก็กระแทกไปที่ “นายกฯลุงตู่-กัปตันสมคิด” และ “พี่ใหญ่” อย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม
3 จุดยุทธศาสตร์ “นั่งร้าน” รัฐบาล คสช.

ส่อเค้าปีหน้า 2561 คงจะโดนถล่มหนักขึ้นตามเงื่อนไขสถานการณ์บังคับ

ที่แน่ๆต้องขยับสร้างเกราะกำบัง กลบจุดอ่อนไว้ก่อนตั้งแต่หัววัน

กับมุกของ “นายกฯลุงตู่” ที่ประกาศให้สัญญากับตัวเองไว้ ปีหน้าจะเป็นนายกฯที่อารมณ์ดีตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามทำให้ตนเองหงุดหงิด

ปิด “จุดบอด” ที่ถูกสะกิดต่อมฉุนให้เสียอาการทรงตัวมาตลอด

โดยเฉพาะปีนี้โดนด่าเยอะกับฉากตะคอกใส่ตัวแทนชาวประมงที่บุกเข้าร้องเรียนปัญหา

แต่นั่นก็ยังเบากว่าเยอะ ถ้าเทียบกับคนที่จะโดนอ่วมกว่าใคร ตามฟอร์มหนีไม่พ้น “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตรที่โดนเขี่ยแผล ขยี้ซ้ำช้ำแล้วช้ำอีก

ปีหน้า ยกสุดท้าย ฝ่ายไล่ล่าคงต้องปิดบัญชีให้ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะเบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง “บิ๊กป้อม” ถือโอกาสโชว์บทถนัด สั่งการผ่านที่ประชุมสภากลาโหม ให้หน่วยงานความมั่นคงดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ท่องเที่ยวอย่างสนุก กลับบ้านอย่างปลอดภัย

กระตุก “บทเขี้ยว” ด้านความมั่นคง เน้น “จุดขาย” ของทีม “บูรพาพยัคฆ์”

“จุดแข็ง” ของ “บิ๊กป้อม” กลบ “จุดอ่อน” ของ “เสี่ยป้อม”.

ทีมข่าวการเมือง

ป๋า แนะสู้ต่อ แม้กองหนุนคสช.แทบไม่เหลือ แซวบิ๊กป้อมนิ้วล็อก นายกฯฟ้อง’3ป.’โดนหนัก

ป๋า แนะสู้ต่อ แม้กองหนุนคสช.แทบไม่เหลือ แซวบิ๊กป้อมนิ้วล็อก นายกฯฟ้อง’3ป.’โดนหนัก


“ป๋าเปรม” เปิดบ้าน ให้ครม.-คสช.-เหล่าทัพ อวยพรปีใหม่ เปรย ตู่ใช้กองหนุนหมดแล้ว เชื่อถ้าปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง กองหนุนก็จะมาเอง พร้อมแซว เล่น บิ๊กป้อม นิ้วล็อก เจ้าตัวตอบ ชกตัวเอง นายกฯเปรย สามป.โดนหนัก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านพักต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตลอดจนข้าราชการทหาร ตำรวจ ที่เข้าขอรับพรและอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้เข้ามาอวยพรท่าน และหวังว่าปี 2561 จะเป็นปีแห่งความสำเร็จเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบ สันติอย่างยั่งยืนและเกิดการพัฒนาในทุกๆ ด้าน ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมถือเป็นแบบอย่างให้กับทุกคน ซึ่งทุกคนมีความมุ่งมั่นทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองตามที่พล.อ.เปรมได้กล่าวไว้ว่า เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตามจะต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน รักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงจะต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนด้วย ดังนั้นส่วนตัวจึงขอขอบคุณ พล.อ.เปรมที่ให้กำลังใจเสมอมา และมีความผูกพันกันมาโดยตลอด

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายกฯ และพวกเราทุกคนกรุณารักษาประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมเดิมของเราการมาอวยพรวันปีใหม่ที่ จะมาถึงอีกสามวัน ทั้งนี้คนไทยทุกคนทราบ ได้ยินได้อ่านว่ารัฐบาลของตู่ กองทัพต่างๆตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำลังทำอะไรกันอยู่เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ตู่ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยเท่าที่สามารถจะทำได้ ดังนั้นตู่จะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ไว้ให้ได้ว่าเราจะทำทุกอย่างขอให้คนไทยมีความสุขมากขึ้นโดยเฉพาะโดยเฉพาะคนจากคนจน

พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทยกองหนุนก็จะมาเองเพราะฉะนั้นขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่ อย่างไรก็ตามข้อสำคัญที่สุดก็คือขอให้ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับชาวไทยว่าคนไทยที่ดีคืออย่างไร

ก็ขอแสดงความชมเชยและภูมิใจในการกระทำของคณะรัฐบาลลุงตู่และขอย้ำอีกทีว่าที่ตู่พูดว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยจะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ให้ได้ให้ได้แม้จะเหนื่อยยากก็ตาม

“โอกาสวันปีใหม่นี้ผมขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พวกเราเคารพนับถือทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามุ่งมั่นปรารถนาขอให้ประสบความสำเร็จในส่วนตัวผมขอให้ทุกคนมีความสุขครอบครัวมีความสุขประเทศชาติจะได้ความสุขไปด้วยและขอให้ตู่มีความสำเร็จนำพาชาติบ้านเมืองความสุขมอบความสุขให้คนไทยให้จงได้นะตู่นะขอบคุณมากขอบคุณมากโอเค” ประธานองคมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่พล.อ.เปรมให้โอวาทเสร็จ ทางนายกฯได้แนะนำครม.ใหม่ และผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะพล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส) เหล่าทหารม้าเหมือนพล.อ.เปรม จากนั้นได้ถามหาพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ รองผู้บัญชาการทหารเรือ น้องชายของพล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี พร้อมกล่าวว่า “ไม่ค่อยเหมือนกัน ลมโชยตัวโตกว่า”

ต่อมา ได้ถามพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปีนี้เหนื่อยกว่าปีที่แล้วไหม โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เหนื่อยกว่าปีที่แล้วครับ จากนั้นพล.อ.เปรม ตอบกลับว่า หนักกว่า แต่คุณเอาอยู่ไหม ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตำรวจต้องพึ่งได้ สร้างความไว้วางใจขึ้นมาให้ได้ ทุกคนช่วยกันอยู่


จากนั้นพล.อ.เปรม ถามพล.อ.ประวิตร ว่า ตำรวจนี้ไม่มีวันหยุดใช่ไหมคุณป้อม เพราะใครๆก็ไปเที่ยวกัน แต่ตำรวจต้องมาทำงาน

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งดีๆก็เกิดขึ้นเยอะ ช่วงนี้ฝ่ายความมั่นคงทำงานเต็มที่ หลายอย่างดีขึ้น ขาวขึ้น เพราะทำมาตลอด แต่ยังมีส่วนน้อยที่มีปัญหา ไม่ใช่ทั้งองค์กร ทั้งหมด

จากนั้น พล.อ.เปรม ได้ถามถึงครม.ใหม่ โดยเฉพาะรองนายกฯทั้ง4 คน โดยนายกฯ ตอบกลับว่า นายวิษณุ เครืองาม และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ติดภารกิจ จึงไม่มา ส่วนพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็ขึ้นมาเป็นรองนายกฯ แล้วตั้งรมช.ช่วยเกษตร เพิ่ม เพราะมางานเยอะ

ผู้สื่อข่าวรายงาน อีกว่า จากนั้น พล.อ.เปรม ได้สอบถาม รองนายกฯประวิตร ว่า ยังเล่นกอลฟ์อยู่ หรือเปล่า

พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า ไม่ได้เล่นแล้ว ขาเจ็บ นอกจากนี้ นายกฯ ได้กล่าวกับ พล.อ.เปรม ว่า พล.อ.ประวิตรนิ้วล็อค ซึ่งพล.อ.เปรม แซว พล.อ.ประวิตร ว่าไปต่อยใครมา โดยพล.อ.ประวิตร ตอบไปว่า ต่อยตัวเอง

จนสร้างเสียงหัวเราะในวงพูดคุย ขณะเดียวกันนายกฯ ได้แนะนำ พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษา ในฐานะหัวหน้า คปต.ส่วนหน้า ว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้นในปีหน้า เพราะหลายอย่างทำมาสามปี ผลงานก็ออกมา จะใจร้อนไม่ได้หรอกครับ ทำวันนี้ไม่เสร็จวันนี้ พรุ่งนี้ จะเสร็จวันมะรือ หรืออีกปีก็ได้ เพราะเราจะแก้ปัญหาไปเรื่อยๆหลายคนเขาท้อแท้ เพราะรัฐมนตรีทุกคนเหนื่อย อายุเยอะแล้ว ผมก็อยากให้แข็งแรง แต่อายุ50-60 กว่าปีแล้ว ยังจำได้ทุกอย่าง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมบอกพล.อ.เปรม ว่า “สามป.ผมเนี่ย หนักครับ โดนอยู่ทุกวัน เพราะคนไม่เข้าใจ และยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และสิ่งที่ผมสัญญากับป๋าไว้ ผมก็จะทำให้ได้ และจะไม่โมโห ยิ้มอย่างเดียว ประชาชนอยากให้ผมยิ้มเยอะๆ แม้ว่าใครจะทำให้ผมหงุดงิดก็ตาม”




การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล:พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล

การใช้อำนาจของผู้ถืออำนาจในช่วงปลายปีประเทศ เป็นอะไรที่เกินกว่าจะรับได้ เพราะขัดแย้งกับหลักธรรมาภิบาลอย่างสิ้นเชิง และส่อไปทางที่ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และนำมาสู่การเอื้อประโยชน์แก่ตนเองในภายหลัง

เรื่องที่เข้าลักษณะเช่นนี้อย่างชัดเจน ขณะนี้มีอยู่สองเรื่องหลัก และต่อไปคาดว่าอาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องแรก คือ การใช้มาตรา ๔๔ แก้ พรป. พรรคการเมือง ซึ่งอ้างความเท่าเทียมระหว่างพรรคการเมือง แต่เนื้อหานั้นกลับเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ที่มีจุดยืนสนับสนุนพลเอประยุทธ เป็นนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง

แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือการสร้างเงื่อนไขให้มีการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองโดยให้เวลาเพียงเดือนเดียว ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นแสนหรือเป็นล้าน ที่สมาชิกทุกคนจะยืนยันได้หมด คำสั่งนี้จึงเท่ากับเป็นการยกเลิกการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของประชาชนทางอ้อมนั่นเอง อันเป็นการทำลายสิทธิและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

เรื่องที่สองคือ การออกกฎหมาย ปปช. ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ให้สามารถเป็น กรรมการ ปปช.ต่อไปได้ ซึ่งส่อเจตนาเข้าไปแทรกแซงองค์การอิสระ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง โดยเฉพาะขณะนี้มีหลักฐานอย่างชัดเจนเป็นที่รับรู้ของสาธารณะว่ารัฐมนตรีบางคนอาจจะทำผิดกฎหมาย ปปช. ฐานเจตนาปกปิดทรัพย์สิน โดยไม่แจ้งทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเกินสองแสนบาทแก่ ปปช.

การออกกฎหมาย ปปช. ครั้งนี้จังเป็น การทำลายหลักธรรมาภิบาล ทำลายหลักการการขัดกันของผลประโยชน์ และทำลายหลักการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

นี่ยังไม่นับความไร้สมรรถนะในการจัดการกับปัญหาการทุจริตในระบบราชการได้อย่างมีประสิทธิผล
ไร้สมรรถนะในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไร้สมรรถนะในการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะการปฏฺรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรม

และแม้กระทั่งปัญหาสังคมอย่าง การตายจากอุบัติเหตุบบท้องถนน ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ มาตราการต่างๆที่ออกมา ก็ใช้เพียงการออกกฎหมายที่ให้รุนแรงขึ้น แต่ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ เพราะแก้ไม่ถูกจุด ถูกประเด็น ในปัจจุบันคนตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยจึงติดอันดับหนึ่งของโลก

ส่วนวาทกรรมที่นายกฯ พร่ำออกมาว่า ปีหน้าจะใช้หลักธรรมาภิบาล และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมนั้น
ดูจากพฤติกรรมการตัดสินใจ และการทำงานที่ผ่านมา รวมทั้งเจตนาที่จะสืบทอดอำนาจในอนาคต จากการใช้อำนาจแก้กฎหมายพรรคการเมือง สร้างเงื่อนไขบั่นทอนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสมาชิกพรรคการเมือง ฯลฯ และการออกกฏหมาย ปปช. ที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องแล้ว ทั้งหมดที่พูดออกมา เกรงว่า จะเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า และตกลงมาที่หน้าตนเองเสียมากกว่า

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ไม่ได้เซ็นซีโร่พรรค

ไม่ได้ช่วยพรรคใหม่ ไม่ได้set zero

"บิ๊กป้อม" ยัน คำสั่ง คสช. ไม่ได้set zero พรรคการเมือง ไม่ได้ช่วยพรรคใหม่ แค่ให้เริ่มต้น พร้อมกัน พรรคใหม่-เก่า ยัน ไม่เลิ่อนเลือกตั้ง ยึดตามโรดแมพ  เผย คสช.ยังไม่เคยคุยกันเริ่องเลื่อนเลือกตั้ง

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคการเมือง ระบุว่าคำสั่งคสช.ที่ 53 / 2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นการเซ็ตซีโร่พรรคการเมือง นั้นว่า ไม่ได้เป็นการเซ็ตซีโร่ พรรคการเมืองยังอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นการให้พรรคใหม่และพรรคเก่าเริ่มพร้อมๆกัน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคใหม่ เพราะพรรคใหม่ได้เริ่มก่อนเพียงแค่ 1 เดือน 

ส่วนพรรคเก่านั้น สมาชิกพรรคก็ยังอยู่กันเหมือนเดิม รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคเช่นกัน 

หลังวันที่ 1 เมษายน 2561 จะมีการปลดล็อคพรรคการเมืองใน 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือ ทางด้านธุรการ ส่วนขั้นตอนที่ 2 คือการหาเสียง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมพที่ตั้งไว้ 

ซึ่งการออกคำสั่ง นึ้ จะทำให้พรรคใหม่ และเก่าเริ่มต้นพร้อมๆกัน และขอย้ำว่าเราไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหม่เลย เพราะพรรคใหม่ก็เริ่มต้นได้เดือนเดียว

ไม่ได้เซตซีโรพรรค เพราะพรรคการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังอยู่ เพียงแค่ไปหาสมาชิกพรรคทั้ง4 ภาค จังหวัดละ100 คน และจ่ายตังค์ ให้พรรคการเมืองเท่านั้นเอง

เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าคำสั่ง นี้มีเหตุผลต้องการเลื่อนการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯในฐานะหัวหน้าคสช.ชี้แจงแล้ว

"คำสั่งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะที่ประชุม คสช.ไม่ได้หารือแบบนั้นเลย"

ยืนยันว่า ไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ยังยึดตามโรดแมพ เพราะในที่ประชุมที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย

"นักการเมืองมืออาชีพ"??

"นักการเมืองมืออาชีพ"??
ผบ.ทบ. สอนมวย นักการเมือง ระบุ "นักการเมืองมืออาชีพ"จะรู้ว่า ไม่ทำอะไรนอกกรอบ เป็นแค่การแสดงความเห็น เท่านั้น เพราะนักการเมืองมืออาชีพ จะไม่ทำอะไรนอกกรอบ ยันไม่เลื่อนเลือกตั้ง
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. /เลขาฯคสช. กล่าวว่า ทั้ง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ยืนยันว่า บึดตามโรดแมพ ไม่มีเลื่อนเลือกตั้ง หลังมีเสียงวิจารณ์ คำสั่ง 53/2560 ว่าทำให้เลือกตั้งเลื่อนออกไป จาก พย.61
ส่วน การแสดงความคิดเห็นของนักการเมือง ที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ในกรอบ เพราะเป็น นักการเมือง อยู่แล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่า จะเป็นไปตามกรอบ หรือไม่
"ส่วนใหญ่เป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งถ่าเป็น "นักการเมืองมืออาชีพ"จะรู้ว่า จะไม่ทำอะไรนอกกรอบ เป็นแค่การแสดงความเห็น เท่านั้น"

อารมณ์ การเมือง ภายใน ‘ประชาธิปัตย์’ อ่อนไหว ประณีต



อาการขวัญเสียของพรรคประชาธิปัตย์อย่างที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ออกมายอมรับและปลอบประโลมดำเนินไปในลักษณะ 2 ด้าน

ด้าน 1 มาจากผลสะเทือนของคำคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560

ขณะเดียวกัน ด้าน 1 ผลสะเทือนในลักษณะเช่นนี้เมื่อผ่านการทำความเข้าใจตามความเป็นจริงน่าจะส่งผลดี มากกว่าผลเสีย

นั่นก็คือ รู้ว่าใครเป็น “มิตร” ใครเป็น “ศัตรู”

นั่นก็คือ รู้ด้วยว่ามิตรที่อยู่ภายใน แสดงว่าเป็นพวกเดียวกัน นั่นแหละมีโอกาสแปรเปลี่ยนและกลับกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ เลือดเย็นอย่างที่สุด

ใครกันเล่าที่เสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ใครกันเล่าที่มีอิทธิพลอย่างเป็นจริง กระทั่งไม่จำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากแต่ออกมาเป็นคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560

กระเทือนถึง 2.8 ล้านคนโดยพลัน

ไม่เพียงแต่จะต้องทบทวนจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เท่านั้นหรอก หากแต่จำเป็นต้องย้อนไปยังก่อนสถานการณ์รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ด้วยซ้ำ

ตอนนั้น บทบาทพรรคประชาธิปัตย์อาจยังไม่โดดเด่น

เพราะด้านหลักก็ยังเป็นการร่วมกับพันธมิตรในแนวร่วมบางพรรคการเมืองเพื่อร่วมกัน “บอยคอต” การเลือกตั้ง

กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เพียงแตะเบาๆ

การจัดวางบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 อาจส่งผลให้ได้เป็นรัฐบาลหลังพรรคพลังประชาชนระส่ำระสายนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2551

แต่ก็ต้องประสบเข้ากับความพ่ายแพ้ในเดือนกรกฎาคม 2554 อีก

สถานการณ์นี้ผลักรุนให้ภายในพรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะเล่นบทเหมือนกับที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเล่นผ่าน “กปปส.”


และนำไปสู่รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ในที่สุด

หากเปรียบเทียบระหว่างรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กับ รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อพรรคประชาธิปัตย์

เหมือนกับเมื่อเดือนกันยายน 2549 จะเป็นคุณ

อย่างน้อยก็ส่งผลให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

แต่พอมาถึงรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเข้าข่ายเป็น “รัฐบาลของเรา” ตามการนิยามของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์

ยิ่งเมื่อคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ประกาศและบังคับใช้ ยิ่งแจ่มชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์ถูกกวาดไปรวมอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้วอย่างบริบูรณ์

นั่นก็คือ เป็นเป้าหมายที่จะต้องถูก “จัดระบบ”

ผลสะเทือนจะทำให้จำนวนสมาชิกพรรค 2.8 ล้านคน อันสะสมมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2489 แตกกระจายหรือไม่น่าพิจารณาอย่างจริงจัง

สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องปลอบขวัญสมาชิกของตน หากแต่ข้อเสนอของอดีตหัวหน้าพรรคท่านหนึ่งก็ดังก้องขึ้น

รู้แล้วหรือยังว่าใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู

รู้แล้วหรือยังว่าใครขยายผลแห่งความขัดแย้ง แตกแยกในสังคม และอาศัยความขัดแย้ง แตกแยกนั้นมาเป็นภักษาหารอันโอชะ

หากป่านนี้ยังตอบไม่ได้ก็เหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง

ถึงขั้นดวงแตกเลยหรือ

ถึงขั้นดวงแตกเลยหรือ


แว้นมอเตอร์ไซค์ ซิ่งตุ๊กตุ๊ก
ตามอารมณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.สนุกสนานกับกิจกรรมอีเวนต์ก่อนประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสุโขทัย
จัดช็อตเด็ดๆให้ช่างภาพสื่อมวลชนกดชัตเตอร์แทบไม่ทัน
เป็นฉากต่อเนื่องกับวันสุกดิบก่อนหน้าที่จังหวัดพิษณุโลก “นายกฯลุงตู่” คุยกับไก่ชนพันธุ์เหลืองหางขาว พูดดังให้เป็นข่าวขำๆเลยว่า ไม่ต้องกลัว คสช. คสช.ไม่ดุ
แถมยังรับมุกเสียงเชียร์ชาวบ้านที่บอกให้นายกฯอยู่ต่อยาวๆ “ยังไม่ถึงเวลาพูด”
มาสูตรเดียวกัน แต่ทำได้เนียนกว่านักการเมืองอาชีพ
“ลุงตู่” เป็นพระเอกเล่นบทเด่นตลอดเวลา ยึดพื้นที่ข่าว ครองสื่อกระแสหลัก
นี่คือคำตอบ ไม่ว่ารัฐบาลจะตกอยู่ในสภาวะไหน ขาขึ้นขาลง แต่ชื่อของ
พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังรั้งเบอร์ต้นๆของตำแหน่งบุคคลแห่งปีที่ประชาชนคนไทยชื่นชอบ
เบียดนักการเมืองตกขอบ ตกเวทีไปหมด
ถึงตรงนี้ชื่อของ “นายกฯลุงตู่” คือ “เต็งหนึ่ง” ทั้งปัจจุบันและในอนาคต วางยาวช่วงเปลี่ยนผ่านหลังเลือกตั้งอีก 5 ปี ตามเงื่อนไขที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งกระแส ทั้งหมากเกมอำนาจ ต้นทุนหน้าตักหนากว่าคู่แข่งเยอะ
และในการประชุม ครม.สัญจรสุโขทัยราชธานีเก่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ โฟกัสจากการเปิดโอกาสให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกฯ แกนนำกลุ่มมัชฌิมา
ในฐานะนักการเมืองจอมเก๋าเจ้าของพื้นที่ นำทีมนักการเมืองท้องถิ่นเข้าพูดคุยกับนายกฯและ ครม.
ชงโครงการพัฒนาจังหวัด ของบประมาณจากรัฐบาล 5-6 พันล้าน
ตามจังหวะก่อนหน้าที่นายสมศักดิ์ออกมา “ชง” สูตร ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อ “ตัดตอน” ปัญหาป่วนระหว่างมวลชนกับพรรคการเมือง
ยุติเกมระดมม็อบมาล้มล้างขั้วตรงข้ามจนบ้านเมืองวิกฤติ
ตามรูปการณ์แม้จะโดนป้อมค่ายการเมืองใหญ่รุมด่า แต่อย่าคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในมุมที่จับทางจากสิ่งที่นายสมศักดิ์เสนอ มันก็ตรงกับพิมพ์เขียวของฝ่ายคุมเกมอำนาจที่วางธงรีเซตการเมืองมาตั้งแต่ต้นของการยึดอำนาจ ล็อกธงอยู่ที่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
นั่นหมายถึงทุกอย่างต้องนับหนึ่งใหม่ รีเซตสมาชิก เซ็ตซีโร่พรรคการเมือง
ว่ากันตามเหลี่ยมเกม “สมศักดิ์” ก็แค่เขี่ยลูกเข้าทาง ท่ามกลางสถานการณ์
ฝุ่นตลบเป๋ไปเป๋มา แต่จะเห็นได้ว่า หมากกลของ คสช.ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือการล้างบางนักการเมืองพันธุ์เก่าให้เหลือน้อยที่สุด
ถึงจุดนี้แรงต้านของพวกดิ้นสู้สถานการณ์ “สูญพันธุ์” จึงดุเดือดขึ้นตามเงื่อนไขสถานการณ์
ตามท้องเรื่องล่าสุด “เจ๊ฟอง” ฟองสนาน จามรจันทร์ นักจัดรายการวิทยุ อดีตนักข่าวรุ่นใหญ่ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ผันตัวเองไปเป็นนักโหราศาสตร์ชื่อดัง
เปิดตำราฟันธงเลยว่า “นายกฯลุงตู่” ดวงแตก
เพราะปมปัญหาเรื่องหุ้นส่วนชีวิตที่ร่วมสู้กันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 และจะเป็นไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พวกที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิต มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมปฏิวัติด้วยกันมา
น้องแท้พี่เทียมจะทำให้ “นายกฯลุงตู่” มีปัญหาชะตาแตก
โหรการเมืองเขย่าขวัญ ล้อตามกระแสขาลงรัฐบาล
ในจังหวะแนวรบด้านประชาธิปัตย์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลัง “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งค่ายประชาธิปัตย์ ต้องขยับออกจากมุมมาสกัดเกมของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.
ไม่ให้แยกป้อมค่ายประชาธิปัตย์ไปสนับสนุน “นายกฯลุงตู่”
ตามอาการเฮี้ยวของ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยกระดับเกมบู๊ เปิดฉากซัดเหลี่ยมผู้นำ คสช.ใช้มาตรา 44 ปลดล็อกพรรคการเมืองแบบมีเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองป้อมค่ายใหม่ แต่จงใจเตะสกัด
พรรคการเมืองเก่าแก่ให้ตั้งหลักไม่ทัน
ยี่ห้อประชาธิปัตย์หันปลายกระบอกปืนใหญ่ ล็อกเป้าถล่มรัฐบาล คสช.
แต่ก็อีกนั่นแหละ ยิ่งออกอาการมาก ก็ยิ่งกระตุกอาการสะใจพวกหมั่นไส้ สุดท้ายประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นโดนย้อนคอหอย เล่นการเมืองในสภาแบบแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ ปลุกม็อบ ลากทหารเข้ามาเอง
ถึงตรงนี้จะร้องแรกแหกกระเชอให้คนหัวเราะทำไม.

ทีมข่าวการเมือง

เอ๊ะ! ยังไง สุโขทัย..ไม่ระทม แต่ กปปส.ระทวย?

เอ๊ะ! ยังไง สุโขทัย..ไม่ระทม แต่ กปปส.ระทวย?

ว่ากันว่า บรรยากาศ การพบกันของผู้มาเยือน "ลุงตู่"กับเจ้าบ้าน สมศักดิ์เจ้าค่ายมวย ท.เทพสุทิน ชื่นมื่น จนต้องร้องเพลงใหม่ สุโขทัยไม่ระทม" เสียแล้ว!
               เป็นข่าวใหญ่โตไปตามความคาดหมาย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีไปเปิดประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสุโขทัย โดยเจ้าบ้าน “แม่ทัพค้างคาวไฟสมศักดิ์ เทพสุทิน นำทีมนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น เข้าหารือกับ นายกฯ ลุงตู่ แถมชง 134 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแผ่นดินพ่อขุนรามคำแหง
               ในรายงานข่าว ไม่ปรากฏว่า มีสองอดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ อย่าง วิรัตน์ วิริยะพงษ์ และ สัมพันธ์ ตั้งเบญจผล เข้าพบนายกฯด้วยหรือไม่?
               ว่ากันว่า บรรยากาศการพบกันของผู้มาเยือนกับเจ้าบ้านเป็นไปอย่างชื่นมื่น หลังงานนี้ สมศักดิ์เจ้าค่ายมวย ท.เทพสุทิน คงต้องร้องเพลงใหม่ สุโขทัยไม่ระทมเสียแล้ว
               ตรงกันข้าม ฟากฝ่ายแนวร่วม กปปส. ดูจะไม่พออกพอใจที่เห็นภาพลุงตู่จ้อกับสมศักดิ์ อย่างเฟซบุ๊ค Kanjanee Valyasevi ของติ๊งต่างกาญจนี วัลยเสวี ไฮโซสปอร์ตคลับ และผู้มั่นคงในอุดมการณ์ต้านระบอบทักษิณ ได้แปะเพลทที่มีข้อความทำนองตัดพ้อว่า 
               “เห็นข่าวนี้แล้วหนักใจมาก อุต๊ะ! ก็นายกด่านักการเมืองมาตลอด นายสมศักดิ์ มีอะไรดีจนท่านต้องให้เข้าพบ
               ที่น่าสนใจ อิสสระ สมชัย อดีตแกนนำ กปปส. ได้เข้ามาเมนท์สเตตัสนี้ของ ติ๊งต่างว่า 
               “บทบาทที่นายกประยุทธ์แสดงอยู่เวลานี้ คือนักการเมืองเต็มตัว ลืมหมดแล้วที่ว่าจะล้างระบอบทักษิณ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเอาคนของฝ่ายทักษิณเข้ามาทำงานในทีมมากขึ้นและถึงขนาดปิดห้องคุยกับสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ไม่เหยียบย่ำหัวใจพวก กปปส. และมวลมหาประชาชนมากไปหน่อยหรือ ขอถามหน่อยถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ท่านจะมาอยู่จุดนี้ได้หรือ
               จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่แรกที่นายกฯ ลุงตู่ ได้พบกับนักการเมือง ระหว่างการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่ไปสุพรรณบุรี เสี่ยท็อปวราวุธ ศิลปอาชา ก็ทำทีมอดีต ส.ส.สุพรรณบุรี และอ่างทอง เข้าพูดคุยกับนายกฯอย่างเป็นกันเอง
               บังเอิญว่า หนนี้นักการเมืองชื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน นั้น สนิทชิดเชื้อกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นแม่ทัพประชารัฐของรัฐบาลลุงตู่ ก็เลยมีปฏิกิริยาเชิงลบออกมาจากฟากฝ่าย ปชป. และ กปปส.(บางคน) ชัดเจน
               ถ้ายังไม่ลืมกัน หลังอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภา และเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2556 สมศักดิ์ เทพสุทินได้นำสมาชิก กลุ่มมัชฌิมา ประกอบด้วย อนงค์วรรณ เทพสุทิน, เรืองศักดิ์ งามสมภาค, มนู พุกประเสริฐ อดีต ส.ส.สุโขทัย , จักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล อดีต ส.ส.สุโขทัย ,มานิต นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี, บุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี, วิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี , อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท และนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยมีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ให้การต้อนรับ
               เมื่อเกิดรัฐประหาร 2557 กลุ่มสมศักดิ์ก็ถอยทัพออกมาจากเพื่อไทย และดำรงความเป็นกลุ่มมัชฌิมาไว้ดังเดิม โดยกลุ่มก้อนของสมศักดิ์ ยังยึดพื้นที่สุโขทัย ,ชัยนาท และราชบุรี ด้วยการสร้างสโมสรฟุตบอล และใช้เกมลูกหนังเป็นเครื่องมือสร้างแบรนด์การเมืองในท้องถิ่น
               วันนี้ สุโขทัย เอฟซี ของตระกูลเทพสุทิน, ราชบุรี มิตรผล ของตระกูลนิติกาญจนา และชัยนาท ฮอร์นบิล ของตระกูลนาคาศัย ล้วนโลดแล่นอยู่ในไทยลีก 1
               ถามใจดรีมทีมของสมศักดิ์ คงไม่ฟันธงว่า จะไปสังกัดพรรคไหนหรือตั้งพรรคใหม่..ต้องวางตัวให้สมกับเป็นกลุ่มมัชฌิมาคือทางสายกลางเอาไว้ให้นานๆหน่อย ว่างั้นเถอะ!!



วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สนช.เห็นชอบกม.ป.ป.ช.

สนช.เห็นชอบกม.ต่ออายุปปช.หลังใช้เวลาพิจารณา 3 วัน เผย 29 สนช.ใช้สิทธิ์งดออกเสียงการต่อายุป.ป.ช.พร้อมตั้งกมธ.สอบประวัติ ฯ7ว่าที่ กกต.
      25 ธ.ค.60 มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่ประธาน เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ...ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิกสนช.เป็นประธาน ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสนช.เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.โดยเป็นขั้นตอนของการลงมติในวาระ 2 ที่ละมาตรา จนครบ 193 มาตราโดยใช้เวลาการลงมติกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 3 ด้วยคะแนน 197 ต่อ 1 เสียงงดออกเสียงจำนวน 7 เสียง เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ...

       ทั้งนี้ตามขั้นตอนจะต้องมีการส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯที่ผ่านความเห็นชอบจากสนช.ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อพิจารณาว่าการแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายของสนช.ขัดต่อเจตนารมณ์หรือไม่ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่ายระหว่างป.ป.ช. กรธ. และสนช. อย่างไรก็ตามหากทั้งป.ป.ช.และกรธ.ไม่เสนอให้ประธานสนช.ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะมีผลให้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

       สำหรับประเด็นสำคัญที่ได้มีการแก้ไข คือ การตัดเนื้อหามาตรา  37/1 ออกไปทั้งหมด ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยการให้ป.ป.ช.สามารถขออนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดได้ จากเดิมที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้บัญญัติขึ้นมาใหม่ ภายหลังสมาชิกสนช.หลายคนได้อภิปรายคัดค้านจนพล.ต.อ.ชัชวาลย์ต้องประกาศขอถอนมาตรา 37/1 กลางที่ประชุมสนช.เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา

       ขณะที่มาตรา 178 ซึ่งบัญญัติว่า"ให้ประธานกรรมการป.ป.ช.และกรรมการป.ป.ช.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามที่กำหนดในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 หรือพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 19 เว้นแต่กรณีตามมาตรา 19 (3) ในส่วนที่เกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติตามมาตรา 9 และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 (1) และ 18 มิให้นำมาใช้บังคับ" อันเป็นการกำหนดให้ประธานป.ป.ช.และกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบันยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมสนช.มีมติเสียงข้างมาก 157 ต่อ 26 คะแนนเห็นชอบกับมาตรา 178 โดยมีสมาชิกสนช.ใช้สิทธิ์งดออกเสียง 29 คน

      จากนั้นที่ประชุมสนช.ได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คน หลังศาลฎีกาได้มีหนังสื่อยืนยันมาถึงสนช.แล้วว่า กระบวนการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งกกต.นั้นกระทำโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยตั้งกมธ.จำนวน 17 คน พิจารณาภายใน 60 วัน

ว่าด้วย หลักนิติธรรม กรณี สนช.ลงมติในการต่ออายุปปช.

ในที่สุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็ทำให้คนไทยผิดหวังทั้งประเทศ ด้วยการลงมติในการต่ออายุประธาน และกรรมการปปช.ที่เคยเป็นข้าราชการการเมืองและเป็นกรรมการองค์กรอิสระมาก่อน และยังพ้นจากตำแหน่งไม่ถึง10ปี ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ 2560
หลักนิติธรรม (Rule of Law) ของประเทศไทยนั้นยึดถือหลักรัฐธรรมนูญเป็นใหญ่ (Supremacy of Constitution) ไม่ใช่สภาผู้แทนราษฎรเป็นใหญ่
(Supremacy of Parliament) และสนช.ก็ไม่มีผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งแม้สักคนเดียวแต่กลับใช้อำนาจแบบหักดิบผ่านกฎหมายลูกที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันเป็นแม่บทสูงสุดของประเทศ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ผ่านประชามติภายใต้พระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ขอถามว่าพวกท่านผ่านกฎหมายนี้ด้วยสำนึกทางการเมืองเยี่ยงไร???
ท่านทำเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของใคร???
และท้ายสุดประชาชน
ได้ประโยชน์อะไร???
รสนา โตสิตระกูล
25 ธ.ค 2560
..........

"บิ๊กตู่" ทำท่า ขอเพลง ที่มันมีงูออกมา

"บิ๊กตู่" ทำท่า ขอเพลง ที่มันมีงูออกมา 55555
เมืองสุโขทัย รุ่งอรุณแห่งความสุข ทำให้ นายกฯบิ๊กตู่ มีความสุข และอารมณ์ดี๊ดี....จริงจิ้ง!! ..พอเห็นเด็กๆเต้น แอโรบิค...ก็เลยขอให้เต้น เพลง "ปานามา" กับ เพลงที่มันมีงูออกมา พร้อมทำท่า งู แบบเนี้ยะ!!!
ก่อน แนะ เด็กๆ ไปซ้อมเต้น เพลง "ตะ ตุง ตวง" ด้วย
โอ้โห!! นายกฯ นี่ นักท่อง โซเชี่ยลฯ ท่องเน็ต ทันสมัย จิงจิ้งงงงง !!!
ดู...บิ๊กเต่า พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ เพื่อนรักตท.12 ยังยืนยิ้ม
คาด คงอดคิดในใจ ไม่ได้ว่า เพื่อนตรู นี่ ทำได้ขนาดนี้ เลยรึเนี่ย!!!