PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว9/2/60

"พิชัย" ย้ำ นายกฯ ยังเข้าใจผิดเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจ แนะเปิดใจรับฟังทุกคนที่ออกมาวิจารณ์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยระบุว่า "ยังมีคนไม่ดีที่มีความพยายามจะวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวหาเรื่องการทำงาน และเปิดหน้า
ออกมาต่อเนื่อง จึงอยากให้ทุกคนช่วยอธิบายเรื่องการลงทุน เพราะมีคนไม่ดีคอยโจมตีรัฐบาล" นั้น ชี้ให้เห็นว่านายกรัฐมนตรี
ยังมีความเข้าใจผิดในสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง

ทั้งนี้ อยากให้นายกรัฐมนตรีเปิดใจรับฟังทุกคนที่เปิดหน้าออกมาวิจารณ์ มากกว่าไปวิจารณ์ลับหลัง ซึ่งหากมีข้อมูลไม่ถูกต้อง
ก็สามารถให้ผู้รับผิดชอบออกมาชี้แจงได้ และหากผู้วิจารณ์ให้ข้อมูลผิดหรือบิดเบือน คนวิจารณ์ก็จะหมดความน่าเชื่อถือไปเอง
และส่วนตัวยินดีเสมอที่จะออกทีวีร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อาจจะมีความรู้และความชำนาญทาง
เศรษฐกิจทางฝั่งรัฐบาลมากกว่า แต่กลับไม่ออกมาอธิบายเอง ปล่อยให้นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดแทน และส่วนตัวเชื่อว่า
นายกรัฐมนตรี ทำงานหนักและมีความตั้งใจดีที่จะบริหารประเทศให้ไปได้ดี จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีเปิดใจรับฟังจะได้ทราบ
ข้อมูลและปัญหาทุกด้าน และอยากให้กำลังใจรัฐบาลให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

///////////
ปยป.

"สุวิทย์" ยัน ส่งชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ย.ป. ให้นายกฯ แล้ว ย้ำ ไม่ใช่อดีตนายทหารทั้งหมดเหมือนหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชแผ่นดินตามกรอบ
การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า
ได้มีการส่งรายชื่อคณะที่ปรึกษาให้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็ถือว่าเรียบร้อยประมาณ 95%
เนื่องจากมีบางคนอยู่ต่างประเทศ จึงยังไม่สามารถประสานงานยืนยันได้ และคาดว่าวันนี้ นายกรัฐมนตรี น่าจะลงนามคำสั่ง
แต่ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิได้

ทั้งนี้ นายสุวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่บางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีอดีตนายทหารจำนวนมากนั้น ไม่เป็น
ความจริงอย่างแน่นอน ต้องรอดูรายชื่ออย่างเป็นทางการแล้วจะเข้าใจ ว่าทุกคนเหมาะสมกับงาน ซึ่งส่วนตัวไม่สามารถ
เปิดเผยได้ และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ ป.ย.ป. เร่งดำเนินการเดินหน้างานในแต่ละฝ่ายให้เป็นรูปเป็นร่างโดยเร็วที่สุด
----------------
พล.อ.ประวิตร ประชุม คกก.ปรองดอง จับตาพิจารณาตั้งอนุ 4 ชุด บรรดา ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ความเคลื่อนไหวที่กระทรวงกลาโหม ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งเป็นการประชุม
นัดแรก ซึ่งจะมีการพิจารณาด้านคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ได้แก่ 1. อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคี
ปรองดอง โดยมี พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน 2. อนุกรรมการพัฒนาบูรณาการข้อคิดเห็น
ข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน 3. อนุกรรมการ
จัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน และ
4. อนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง โดยมี พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม
เป็นประธาน เพื่อรองรับการดำเนินงานของคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง และพิจารณาแนวทางการดำเนินการ
กรอบเวลา รวมถึงประเด็นการเชิญพรรคการเมืองและภาคส่วนต่าง ๆ ในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ มีผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการการประชุม
------------
พล.อ.ประวิตร มั่นใจ ผบ.เหล่าทัพเหมาะปธ.อนุกรรมการ4คณะ-รอชัดวันถกพรรคการเมืองเรื่องปรองดองขอไม่แตกแยก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อ
สร้างความสามัคคีปรองดอง นัดแรก ว่า การประชุมในวันนี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยทุกฝ่ายได้ให้ความมือเป็นอย่างดี รวมถึงภาคประชาชนด้วย
ทั้งนี้คณะกรรมการชุดใหญ่ จะเชิญนักการเมือง กลุ่มธุรกิจมาให้ความเห็น คู่ขนานไปกับคณะอนุกรรมการเล็ก ที่จะเชิญแม่ทัพภาค รวบรวมความคิดเห็น
ภาคประชาชน โดยในการทำงานต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ซึ่งไม่ห่วงเรื่องข้อเสนอของพรรคการเมืองที่อาจจะเกิน 10 กรอบที่วางไว้ เพราะทุกอย่าง
จะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมทั้งต้องเสนอสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และไม่ยืนยันว่า จะเชิญพรรคการเมืองเข้ามาหารือในวันที่ 14 ก.พ.

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังระบุถึงการตั้งแต่งผู้นำเหล่าทัพ เป็นประธานอนุกรรมการ ทั้ง 4 คณะ เนื่องจากเห็นว่ามีความเหมาะสมเพราะเป็นผู้นำหน่วย
-----------
พล.อ.ประวิตร ยัน ไม่บังคับฝ่ายการเมืองทำสัญญาประชาคม ชี้ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ย้ำไม่จำเป็นต้องเขียนว่าทหาร
จะไม่เข้ามาทำรัฐประหารอีก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรองประธานคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้าง
ความสามัคคีปรองดอง กล่าวถึงทำสัญญาประชาคมภายหลังการรวบความเห็นร่วม ว่า ไม่ได้บังคับให้ต้องลงนามร่วมกัน
เพราะสุดท้ายแล้ว เชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่า สิ่งที่พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองเสนอมา และได้ปฏิบัติตาม
ข้อตกลงหรือไม่  

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังระบุว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนในข้อตกลง ว่า ทหารจะไม่เข้ามาทำรัฐประหารอีกครั้ง เพราะทหาร
ไม่ได้อยากเข้ามาทำอยู่แล้ว เพียงแต่ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การปรองดองจะสำเร็จไม่ได้หากประชาชน
ไม่เห็นด้วย และสื่อมวลชนก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความปรองดองได้
-----------
ที่ประชุมเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ตั้งคณะอนุกรรมการเชิญนักวิชาการชื่อดังเข้าร่วมจำนวนมาก

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคี
ปรองดอง ว่า ได้เสนอตั้งคณะอนุกรรมการ ขึ้นมา 4 คณะ พร้อมเชิญนักวิชาการเข้าร่วมในคณะอนุกรรมการพิจารณา
บูรณาการรับฟังความคิดเห็น จำนวน 9 คน คือ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, นางสาวถวิลวดี บุรีกุล, นางผาสุข  พงษ์ไพจิตร,
นายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ์, นายทองอินทร์ วงศ์โสธร, นางสาวสุภางค์ จันทวานิช, นายจุลชีพ ชินวรรโณ, นายตระกูล มีชัย,
นางสาวปาริชาต สถาปิตานนท์ และคณะอนุกรรมการ จัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความความสามัคคีปรองดอง
โดยมี นายสมคิด เลิศไพฑูรย์, นายนันทวัฒน์ บรมานันท์ เป็นที่ปรึกษา และมีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 9 คน คือ นายศุภชัย
ยาวะประภาษ, นางสาวถวิลวดี บุรีกุล, นายบรรเจิด สิงคะเนติ, นางสาวจุฑารัตน์ เอื้ออำนวย, นายธนวรรธน์  พลวิชัย,
นายจรัญ มะลูลีม, นางอมรา พงศาพิชญ์, นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ และ นางปาริชาต สถาปิตานนท์
-----------
อนุฯ ปรองดอง คณะที่ 1 เตรียมเชิญพรรคการเมืองเข้าพูดคุย 14 ก.พ. นี้ ยันรับฟังทุกเรื่อง รวมนิรโทษกรรม คาดแล้วเสร็จ
ภายใน เม.ย.

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคี
ปรองดอง ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4 คณะ แล้ว คณะอนุกรรมการทั้ง 4 คณะ จะเริ่มทำงาน โดยคณะอนุกรรมการรับฟัง
ความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล เป็นประธาน จะจัดประชุมกลุ่มย่อย พร้อมเชิญ
ตัวแทนพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองมาให้ข้อเสนอแนะ และรวบรวมส่งข้อมูลให้คณะกรรมการชุดที่ 2 เพื่อรวบรวมข้อเสนอ
แนะให้ตกผลึก และส่งให้คณะกรรมการชุดที่ 3 ปรับปรุงร่างความเห็น พร้อมกับการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นจากทุก
ฝ่ายเพื่อจัดทำร่าง ความเห็นครั้งสุดท้ายเป็นร่างสัญญาประชาคมเพื่อเสนอให้คณะกรรมการ ป.ย.ป. ต่อไป

ทั้งนี้ ในการเชิญฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาพูดคุยและรับฟังความเห็น จะครอบคลุมทั้ง 10 ประเด็น อาทิ การเมือง, ความเหลื่อมล้ำ,
กฎหมาย และข้อเสนอแนะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นต้น โดยจะเริ่มเชิญพรรคการเมือง เรียงตามตัวอักษรมาให้ความเห็นที่
กระทรวงกลาโหม ในวันที่ 14 ก.พ. นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน ยืนยันว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกเรื่องรวม
ถึงเรื่องนิรโทษกรรมแต่อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและขอทุกภาคส่วนเข้าร่วม เพราะกระบวนการสร้างความ
ปรองดองสามัคคี เป็นของประชาชนทุกคน และขอให้เชื่อมั่นไว้ใจคณะทำงาน ว่าเป็นการทำเพื่อประเทศชาติไม่ได้เป็นการเลือก
ปฏิบัติต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
--------------
"สุเทพ" พร้อมร่วมมือ ป.ย.ป. บอกยังไม่มีการติดต่อเชิญ กปปส. ให้ข้อเสนอแนะ แต่ต้องรอให้มีการประสานมาก่อน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เดินทางมายังศาลอาญา ในฐานะจำเลย
คดีที่ นพ.เหวง โตจิราการ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ
แห่งชาติ (นปช.) ฟ้องกล่าวหาว่า หมิ่นประมาท

พร้อมกันนี้ นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) จะเชิญกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองไปให้ความเห็นเรื่องการสร้างความ
ปรองดองว่า ทาง กปปส. ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานใด ต้องรอให้มีการประสานงานมาก่อน หากได้รับการติดต่อมา
ก็จะพิจารณาว่าจะส่งบุคคลหรือส่งความเห็นเป็นเอกสารให้ ป.ย.ป.
--------------
"วิษณุ" เตรียมสร้างความรับรู้ความเข้าใจประชาชนจริงจัง 14 ก.พ. นี้ หวังร่วมพัฒนาประเทศไปกับรัฐบาล

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นประธาน เปิดงานการสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก้ประชาชน
โดยมีผู้บริหารส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ และโฆษกกระทรวง เข้าร่วมโดย นายวิษณุ กล่าวเปิดงาน
ตอนหนึ่งว่า วันที่ 11 ต.ค. 2559 มีมติคณะรัฐมนตรี ให้ความสำคัญการสร้างความรับรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้
ประชาชนเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ซึ่งวันที่ 14 ก.พ. นี้ จะเริ่มดำเนินการเรื่อง
ดังกล่าวอย่างจริงจัง มีคณะทำงานของรัฐบาลคอยแจ้งไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนในส่วนที่
รับผิดชอบ เพื่อความเข้าใจเรื่องนั้น ๆ อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการให้ทำ คือ การแจ้งข่าวบอกประชาชนว่ามีอะไรเกิดขึ้น ให้ข่าวในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง
ครบถ้วน แก้ข่าวในสิ่งที่เกิดความเข้าใจผิดในสิ่งที่เป็นเรื่องซุบซิบนินทาให้เกิดความกระจ่าง และสุดท้ายคือ การขยายข่าว
ในบางเรื่องที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เมื่อประชาชนรับทราบสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างถูกต้องครบถ้วน จะได้มี
ส่วนร่วมพัฒนาไปกับรัฐบาลซึ่งตรงนี้จะมีการประเมินผลด้วย
--------------
รัฐบาล กำชับทุกหน่วยงานติดตามข่าวสาร เร่งแจง ปชช. ทำความเข้าใจสังคมหากพบข้อมูลคลาดเคลื่อนบิดเบือน

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ
กรมประชาสัมพันธ์จะมีการติดตามข่าวสารในช่องทางต่าง ๆ หากพบว่ามีเรื่องใดต้องชี้แจงสังคมจะแจ้งให้หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องดำเนินการชี้แจงอย่างรวดเร็วภายใน 1 วัน แบบตรงประเด็นเพื่อให้ประชาชนเข้าใจที่ถูกต้องและกำชับ
แต่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย และให้แจ้งสิ่งที่ได้ชี้แจงไปให้คณะทำงานของ
รัฐบาลรับทราบ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ต้องการเพียงแต่คนที่ทำงานแต่ต้องการคนที่สร้างการรับรู้ด้วย
/////////
การทุจริต

ประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสินบน CCTV เผย พบโครงการปี 2548 ไม่อยู่ในแผนงาน ยัน พบการจ่ายสินบน
ให้เจ้าหน้าที่รัฐ

พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสินบนกล้องวงจรปิดรัฐสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้า
การตรวจสอบ พบว่าการติดตั้งกล้องวงจรปิดในปี 2548 ไม่ได้อยู่ในแผนงาน แต่เป็นการใช้งบประมาณของปลาย
ปี 2547 ผูกพันข้ามปี 2548 - 2549 ซึ่งเป็นความประสงค์ของประธานรัฐสภาในขณะนั้นที่ต้องการให้มีการติดตั้ง
กล้องวงจรปิดให้กรรมาธิการเพื่อถ่ายทอดการประชุม ส่วนโครงการในปี 2552 ดำเนินการตามแผนงานประจำปี

นอกจากนี้ พล.อ.อ.วีรวิท ยังเปิดเผยอีกว่า พบการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐในไทย จำนวน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ ซึ่ง
ในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมร่วมกับผู้แทน ป.ป.ช. สตง. และ ป.ป.ง. เพื่อขอทราบเจ้าหน้าที่ที่รับเงินจากสหรัฐฯ เพราะ
ทางสภาไม่สามารถขอข้อมูลโดยตรงจากสหรัฐฯ ได้ พร้อมกันนี้ จะประสานไปยัง ป.ป.ช. เพื่อขอดูความเคลื่อนไหว
ทางการเงินผ่านการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ในปี 2547 นายอุทัย พิมพ์ใจชน และ ในปี 2548 นายโภคิน พลกุล เป็นประธานรัฐสภา
ในขณะนั้น

///////////
ขบวนการหมิ่น

พล.อ.อ.ประจิน ยืนยันฝ่ายความมั่นคงประสาน สปป.ลาว ขอตัวคนโพสต์โจมตีสถาบันแล้ว เร่งปิดเว็บไซต์ เตรียมให้ รมต.
ที่เกี่ยวข้องชี้แจง

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการประสานงานขอกลุ่มบุคคลที่โพสต์โซเชียลหมิ่นสถาบัน
ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า ขณะนี้มีหลายกระทรวงร่วมกันทำงานเป็นทีมเพื่อคอยติดตามข่าว
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานสถานการณ์ล่าสุด แต่จะให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลแจ้งให้สื่อมวลชน
รับทราบภายในสัปดาห์หน้าต่อไป

ส่วนมาตรการควบคุมเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน พล.อ.อ.ประจิน ระบุว่า เชื่อว่าทุกประเทศรวมถึงประเทศไทยมีมาตรการควบคุมที่ดี
อยู่แล้ว เพียงแต่กฎหมายที่บังคับใช้อาจมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงจะติดตามประสานงานกับ สปป.ลาว
อย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันต่อไป ส่วนกลุ่มที่โพสต์หมิ่นสถาบันจะเป็นกลุ่มคนไทยหรือคนลาวนั้น หากเป็น
โพสต์ที่เคยติดแท็กไว้แล้วก็จะทราบ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบ ต้องรอความชัดเจนก่อนว่ามีการใช้ชื่อปลอมหรือไม่ จึงต้องให้ฝ่าย
เทคนิคเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
-----------
/////////////
ไซซะนะ

รอง ผบช.ปส. ระบุ เลขาฯ ป.ป.ส. สั่งตรวจสอบทรัพย์สิน "บอย" แก๊งไซซะนะ 12 รายการ พร้อมประสาน บช.น. แจง
3 รถหรูจอดใต้คอนโดฯ ย่านประชาชื่นเอี่ยวคดีหรือไม่

พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการ
ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการตรวจสอบเครือข่ายยาเสพติด นายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหา
คดียาเสพติดชาวลาว ว่าในวันนี้มีเพียงคำสั่งของเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่ม นายณัฐพล นาคคำ หรือ
บอย ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 12 รายการ โดยหนึ่งในนั้น คือ รถลัมโบร์กินี สีเทา ของ นายเบนซ์ ส่วนที่มาของรถจะต้องใช้เวลา
ในการตรวจสอบ เนื่องจากต้องส่งหนังสือไปหลายหน่วยงาน ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะและรอเอกสารส่งกลับมาที่พนักงาน
สอบสวนอีกครั้งด้วย

ส่วนหลังจากนี้จะมีการเรียกบุคคลอื่นเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องดูข้อมูลและประชุมร่วมกันอีกครั้ง ถึงจะสามารถ
สรุปได้

ขณะเดียวกัน รถหรู 3 คัน ที่จอดอยู่ในเขตพื้นที่ สน.ประชาชื่น ที่มีคนแจ้งเบาะแสมาว่าพบรถทั้ง 3 จอดอยู่ใต้คอนโดฯ แห่ง
หนึ่ง สภาพไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องประสานกับ บช.น. ให้ตรวจสอบอีกครั้ง ว่าเกี่ยวข้องกับคดีรถเถื่อน
ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บช.น. หรือไม่
---------
รอง ผบช.น. ระบุ รถหรูที่ย่านประชาชื่นเป็นของกลางคดีเลี่ยงภาษี ไม่เกี่ยวเครือข่ายไซซะนะ

พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์
เปิดเผย ผลการตรวจสอบรถหรู ที่ตรวจพบในลานจอดรถคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านประชาชื่น โดยยืนยันว่า รถที่ตำรวจ
ปราบปรามยาเสพติด ประสานขอตรวจสอบมีทั้งหมด 2 คัน ซึ่งเป็นรถที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี และมีปัญหาเรื่องสถานที่จัดเก็บ จึง
ไปเช่าพื้นที่อาคารดังกล่าวชั่วคราว

ส่วนผลตรวจสอบรถทั้ง 2 คัน พบว่า รถลัมโบร์กินี สีส้ม เป็นรถที่ สน.บางชัน ยึดไว้ตรวจสอบคดีหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร เมื่อ
วันที่ 20 ตุลาคม 2557 ซึ่งปัจจุบันคดียังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากมีความเห็นแย้งระหว่างตำรวจและอัยการ และอยู่ระหว่าง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา ส่วนอีกคันเป็นรถหรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ ที่ถูกจับกุมในคดีหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรเช่นเดียวกัน
โดยพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เป็นผู้นำไปฝากไว้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 เมษายนปีที่แล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่ารถทั้ง 2 คัน ยังไม่พบ
มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเครือข่ายนายไซซะนะ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้นำรถทั้ง 2 คัน ไปส่งยังกรมศุลกากร เพื่อรอการพิจารณาเปิดประมูลขายทอดตลาด
ต่อไป
////////////
ผู้การ 191 นำกำลังสายตรวจ พิสูจน์สาเหตุไฟไหม้ซุ้มประตูโบสถ์ อายุกว่า 150 ปี ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ได้นำกำลัง ไปตรวจสอบเหตุ
ไฟไหม้ประตูโบสถ์ อายุเก่าแก่กว่า 150 ปี ที่ทำจากไม้สัก ภายในวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เบื้องต้นพบความเสียหาย
เพียงเล็กน้อย ซึ่งทางวัดได้ทำการดับกันเองแล้ว จากการสอบถามผู้ดูแลวัด บอกว่าอุโบสถหลังดังกล่าวอยู่ระหว่าง
การบูรณปฏิสังขรณ์ โดยเริ่มทำงานมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐาน
ที่เกิดเหตุเพื่อตรวจหาสาเหตุของไฟไหม้ในครั้งนี้ พร้อมกับระบุว่า จากนี้ไปจัดส่งกำลังรถสายตรวจและชุดสายตรวจ
เดินเท้าอย่างละหนึ่งชุด มาประจำที่วัดเพิ่ม เพื่อคอยดูแลความปลอดภัย

ไม่มีความคิดเห็น: