PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สลัด‘ระแวง’ไม่หลุด

เพื่อความเป็นธรรม ในมุมที่ได้จากการสัมผัสจริง ไม่ได้ “มโน”

อย่างน้อยก็เป็นช็อตเบื้องหลังที่มีการเดินสายพูดคุยวงนอกวงในหลายๆเวที โดยความตั้งใจที่สะท้อนผ่านท่าทีของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม

จะใส่ใจกับรายละเอียดปรองดองรอบนี้มากเป็นพิเศษ

แม้แต่บทสัมภาษณ์แบบคำต่อคำที่ออกสื่อ เจ้าตัวจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีถ้อยคำแรงๆลักษณะเสียดแทงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกจากปากตัวเอง

อันจะก่อให้เกิดแรงเสียดทาน กระตุกอารมณ์เขม่นจากหัวขั้วขัดแย้งต่างๆ

สร้างบรรยากาศเข้าโหมดปรองดองเต็มที่

อุตส่าห์กลั้นใจลุ้นซะขนาดนี้ มันก็ไม่แปลกที่ “พี่ใหญ่” จะหลุดอาการหงุดหงิด ในจังหวะบอกปัดปมร้อน “รัฐบาลแห่งชาติ” กระแสข่าวการส่งนายหน้าไปเปิดดีลกับพรรคการเมือง

ตามสูตร “ฮั้ว” ปรองดองแบบขอไปที

ซัดพวกมโนเขียนข่าว อย่าทำให้คนทำงานปรองดองต้องเสียกำลังใจ

เรื่องของเรื่อง โดยพื้นฐานจากความไม่ไว้วางใจในฟอร์มของ “พี่ใหญ่” ผู้กว้างขวาง

ครบเครื่องทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง

แทนที่จะเป็นผลบวกกับงานสานสัมพันธ์ มันกลับกลายเป็นเงื่อนไขที่ขัดกับบท “คนกลาง” ของ พล.อ.ประวิตร ที่หวังจะสร้างผลงานประวัติศาสตร์ เป็นเครดิตก่อนลงหลังเสือ

โดนตั้งแง่ เตะตัดขา เจาะยางตั้งแต่เริ่มต้นออกตัว

และประเมินตามรูปการณ์ หยั่งแรงเสียดทานการนั่งเป็นคนกลางปรองดองของ พล.อ.ประวิตร หนักสุดก็เกิดจากขั้วอำนาจฝ่ายต้าน “ทักษิณ” นั่นเอง ที่พยายามตีกัน

ตามอาการระแวง “พี่ใหญ่” จะเดินหมากปรองดองไปเข้าทางฝ่าย “นายใหญ่”

ภายใต้เงื่อนสถานการณ์แบบที่มีข้อมูลกระเส็นกระสายมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสายกับ “นายหญิง” บ้านจันทร์ส่องหล้า หรือการประสานผ่านเจ้าแม่เมืองหลวงอย่าง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย

“บิ๊กป้อม” ถูกโยงติดอยู่กับฝ่าย “ทักษิณ” ตัดใยไม่ขาด

ไม่ว่าจะออกตัวแก้ต่างว่าสนิทกับทุกฝ่ายยังไง หรือเทียบกันด้วยสายตาคนนอก “พี่ใหญ่” น่าจะสนิทกับฝ่าย “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวขั้ว กปปส. มากกว่าด้วยซ้ำ

เพราะร่วมตั้งรัฐบาลในค่ายทหารด้วยกันมา

สรุปกลายเป็นว่า “บิ๊กป้อม” โดนระแวงจากทุกค่าย

และก็ตามฟอร์มพระเอกอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้เสียงเชียร์ให้คุมวงปรองดองด้วยตัวเอง

เพราะได้รับความไว้วางใจ จะไม่เข้าใครออกใคร

โดยเฉพาะจากบทที่แสดงออกถึงความเกลียดกลัวนักการเมืองเข้าไส้

แต่นั่นก็เป็นอะไรที่เดาทางได้ ด้วยสไตล์แบบ “นายกฯลุงตู่” ผู้มาคนเดียว โอกาสจะคุยกับหัวขั้วขัดแย้งในเรื่องปรองดอง น่าจะเป็นงานยาก

ที่แน่ๆจากสถานการณ์ที่ไม่ได้มีพัฒนาการคืบหน้าไปไหนเลย

พรรคประชาธิปัตย์ยัง “แผ่นเสียงตกร่อง” ปรองดองต้องไม่นิรโทษกรรม

พรรคเพื่อไทยก็รำอยู่กับมุกเก่า ปรองดองต้องเคลียร์ 2 มาตรฐาน

ขณะที่ล่าสุดนักวิชาการนำทีมโดยนายอนุสรณ์ อุณโน คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำคณาจารย์นับสิบคน เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกต่อประธานศาลฎีกา พร้อมรายชื่อนักวิชาการและนักศึกษาทั่วประเทศ 350 กว่ารายชื่อ

เพื่อขอให้ประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษาทั่วประเทศพิจารณาเรื่องความเสื่อมถอยของระบบนิติรัฐและการละเมิดสิทธิ

สืบเนื่องจากกรณีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ผู้ต้องหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน หลังยื่นประกันตัวมาแล้ว 5 ครั้ง

เงื่อนไขความขัดแย้งยังวนเป็นวัวพันหลัก แถมมีแต่จะขยายวงลงลึก

ณ ห้วงนี้ยังนึกภาพ มโนฉากการจับมือปรองดองไม่ออกเลย.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: