PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ว่าด้วยข่าวขบวนการลาว

ล่าแก๊งหมิ่นฯในลาวไม่คืบ ระวัง “พี่ป้อม” จะเสียคนเอง
4ก.พ.2560
ป้อมพระสุเมรุ
                                             
     
       ไม่รู้พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำลังทำอะไรกันแน่ หลังล่าสุดมอบหมายให้ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่น

คงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปประเทศลาว เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหากรณีที่มีสถานีวิทยุเผยแพร่ข้อมูลกระทบสถาบันอีกระลอก
     
       ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ครั้งหนึ่งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ทางการลาวเอาจริงกับผู้ต้องหาคดีประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 ของไทย ด้วยการไล่ปิดคลื่นวิทยุที่คนกลุ่มดังกล่าวสื่อสาร ก่อนที่ “บิ๊ก

ป้อม” จะออกมาเชิดหน้าชูตาตัวเองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพราะตัวเองไปขอความร่วมมือเอาไว้ เมื่อครั้งบินไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาขอบอกขอบ

ใจประเทศลาวที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้
     
       ทว่าหลังจากออกมาโชว์ว่า เป็นฝีมือของ “บิ๊กป้อม” ที่อยู่เบื้องหลังการกวาดล้างกับลาวครั้งนั้น อีกไม่กี่วันต่อมาปรากฎว่า ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ประเทศลาวก็ออก

มาอาละวาดอีก จนประชาชนงงเป็นไก่ตาแตก ตกลงว่า “บิ๊กป้อม” ไปขอความร่วมมือจริงหรือไม่
     
       แถมยังมีข่าวลือกันให้แซ่ดว่า แท้จริงแล้วที่ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยอมสงบปากสงบคำตามคำขอของทางการลาวในครั้งนั้น ไม่ใช่เพราะการขอความร่วมมือจาก “บิ๊ก

ป้อม” เลย หากแต่เป็น “ตัวเป้ง” ที่คอยเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ส่งสัญญาณให้สงบปากสงบคำก่อนเพื่อต้องการต่อรองอะไรบางอย่าง
     
       ทว่าท่ามกลางความคลุมเครือในครั้งนั้นว่า ตกลงเป็นฝีมือใคร การออกมามอบหมายให้ เลขาฯสมช.ไปประสานขอความร่วมมือกับลาวอีกครั้งในครั้งนี้ มันก็ชวนสงสัยว่า ตกลงครั้งแรกตัวเอง

ไม่ได้ขอความร่วมมือแบบเป็นกิจลักษณะใช่หรือไม่ แต่พอมีอะไรที่เกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบก็เลยเด้งเอาไว้ก่อน
     
       แต่พอมาถึงครั้งนี้ที่เทกแอ็กชั่นแรงๆ มอบหมายให้ สมช.กุลีกุจอไปที่นู่น เพราะเพิ่งจะทำจริงจังใช่หรือไม่?
     
       ส่วนครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต้องรอติดตาม แต่ดูอาการออกตัวแรงๆ เที่ยวนี้มีลุ้นเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้กัน สถานการณ์ของ “บิ๊กป้อม” เองก็ยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ถึงได้มุ่งมั่นจริงจังกับการ

สร้างความปรองดองให้สำเร็จแบบขมีขมัน แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน
     
       แล้วก็อย่างที่รู้กันช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ต้องปั้มผลงานที่เป็นระดับเกรดเอออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อเซฟสถานะของตัวเอง การออกมากร้าวจะขอความร่วมมือกับลาวเพื่อสกัดกั้น

แถวนี้จึงน่าสนใจ แถมดูออกตัวยังเหมือนตอนออกตัวเรื่องการสร้างความปรองดองอีกด้วยว่า มั่นใจจะสำเร็จ
     
       “ทุก ๆ เรื่องที่เราร้องขอไปทางลาวตอบรับอย่างดี เพื่อให้ทั้งสองประเทศอยู่อย่างสงบ และแลกเปลี่ยนผู้ร้ายอย่างชัดเจน โดยผู้บุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของลาวที่อาศัยในประเทศไทย หาก

พบเราก็พร้อมดำเนินการให้ ขณะเดียวกันในส่วนกลุ่มคนที่หมิ่นสถาบันที่อาศัยในประเทศลาวเราได้ให้ข้อมูลไปแล้ว ซึ่งก็ต้องแลกเปลี่ยนงานด้านการข่าวต่อไป”
     
       งานนี้จึงต้องลุ้นดูผลงาน “พี่ป้อม” ของ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะช่วงนี้ทำอะไรต้องทำ

เต็มที่ โดยเฉพาะช่วงนี้งานใหญ่ งานเกรดเอที่ได้หน้า ต้องโยนให้พี่ใหญ่สร้างผลงานหมด
     
       ต้องรอดูฟีดแบ็ก แล้วไม่ได้ดูระยะสั้นๆ ต้องดูระยะยาวๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงเป็นแบบคราวที่แล้วที่ตอนแรกเหมือนจะได้ผล แต่สุดท้ายกลับมาเหมือนเดิม
     
       อย่าลืมว่า มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าจะทำจริงจัง เพราะงานนี้ทำดีกว่าไม่ทำ เนื่องจากถือเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องทำเพื่อปกป้องหัวใจคนไทยที่หวงแหนสิ่งที่เทิดทูน
     
       แล้วพวกที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศลาววันนี้ต้องยอมรับว่า ที่รู้ก็เยอะแล้ว แต่ที่ไม่รู้ยังมีอีกเยอะมาก เพราะถ้าไล่รายชื่อตามที่ปรากฎออกมาถือว่า เยอะเอาตัวทีเดียว
     
       เท่าที่ปรากฎๆ กันว่า แอบไปซุกลาวอยู่ก็ กลุ่มลุงสนามหลวง หรือ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นักธุรกิจที่หลบหนีคดี มาตรา 112 ไปอาศัยอยู่ประเทศจีน เมื่อหลายปีก่อน หลังรัฐประหาร 2557 และย้ายจาก

จีนมาเช่าอพาร์ทเมนต์ อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นคนวางแผนทำ “วิทยุออนไลน์ใต้ดิน” และมีกลุ่มไฟเย็นเป็นฐานกำลังสำคัญ นำโดย ไตรรงค์ สินสืบผล หรือ “ขุนทอง ไฟเย็น” รมย์ชลี สมบูรณ์

รัตนกูล หรือ “แยมมี่ ไฟเย็น” แล้วยังมี สหายร้อยสิบสอง ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดัง และสหายยังบลัด
     
       อีกกลุ่มที่ป่วนๆ เหมือนกัน ก็มีกลุ่มสหายหมาน้อย หรือ “โกตี๋ เรดการ์ด”แกนนำแดงวิทยุชุมชน ที่หนีคดี 112 หลังทำซ่าเมื่อหลายปีก่อน ไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่เมืองหลวงเก่า ซึ่งกลุ่มนี้มี

ความสนิทสนมกับกลุ่มลุงสนามหลวงของชูชีพ
     
       ส่วนอีกกลุ่มคุ้นชื่อเสียงเรียงนามกันดีคือ กลุ่มของ สุรชัย แซ่ด่าน ประธานกลุ่มแดงสยาม ที่ยังซ่าอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งหนีไปเปิดสถานีวิทยุออนไลน์ เพื่อออกอากาศรายการปฏิวัติประเทศ มาตั้งแต่

ปลายปี 2558
     
       กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า ทุกกลุ่มในลาวจะถูกกัน เพราะกลุ่มของ “สุรชัยด่านฯ” ก็ไม่ลงรอยกับกลุ่มลุงสนามหลวง และของกลุ่มของโกตี๋ หลังหักกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ไม่เข้าใครออกใคร
     
       แค่เห็นรายชื่อคนไทยทั้งประเทศก็อยากจะให้ภารกิจของ “บิ๊กป้อม” สำเร็จแล้วโดยเร็ววัน เพราะคนพวกนี้เหยียบหัวใจคนไทยทั้งประเทศมานานนมเกินไปแล้ว
                   
         ดังนั้น อย่าว่าจะกวาดให้หมดแล้วลากคอมาเลย ได้ตัวเป้งๆ ไม่กี่คนก็ยังดี หรือทำให้คนพวกนี้สงบปากสงบคำก็น่าจะพอใจได้
                 
            ขอแค่อย่าหายเงียบแล้วกัน ไม่ใช่อะไรหรอกกลัว “บิ๊กป้อม” จะเสียทรงเอา!!!
//////////
ถ้าพูดแบบนี้.."แก๊งแดง 112 ข้ามโขง" เดือดร้อนแน่..." พล.อ.ทวีป เนตรนิยม" เลขาฯ สมช. จ่อบุกลาว-รอการประสานนิดหน่อย ระบุหากได้รับแจ้งกลับมาตนก็จะเดินทางไปทันที ยันคนกลุ่มนี้ ผิด

ม.112 แม้ไทยกับลาวจะไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่เราก็จะทำในเชิงขอร้อง หรือต้องแลกผู้ต้องหาก็ยินดี


วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำเนียบรัฐบาลวานนี้ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ

รมว.กลาโหม สั่งการให้ประสานกับทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อติดตามคนไทยที่ทำผิดกฎหมายมาตรา 112 โดยใช้สถานีวิทยุออนไลน์ในลาวเผยแพร่ข้อมูลที่กระทบต่อสถาบัน

พระมหากษัตริย์ ของไทยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการประสานกับทางการลาว หากได้รับแจ้งกลับมาตนก็จะเดินทางไปทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ทางประชาคมข่าวกรองได้รายงานมาให้ทราบเป็น

ระยะ ๆ และตนได้รายงานให้พล.อ.ประวิตร ทราบทุกสัปดาห์ จนกระทั่งได้มอบหมายให้ตนเองเดินทางไปประสานกับทางรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบของลาวเพื่อติดตามคนกลุ่มนี้


เมื่อถามว่าทางการไทยมีข้อมูลที่จะส่งให้ทางการลาวด้วยหรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า ความจริงข้อมูลระหว่าง 2 ประเทศได้มีการประสานกันตลอดเวลา และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนจะนำข้อมูล

นี้ไปคุยกับทางรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบของลาวโดยตรง โดยจะเป็นข้อมูลของคนไทยที่มีหมายจับของเราแล้วไปอาศัยอยู่ที่ลาวและไปใช้โซเชียลฯดำเนินการในลักษณะที่หมิ่น

สถาบันฯของไทย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5-6 คน



"ความผิดของกลุ่มคนเหล่านี้คือการโจมตีสถาบันฯ ไม่ใช่การโจมตีรัฐบาล ซึ่งเป็นการทำผิดตามมาตรา 112 ของไทย แต่ไทยกับลาวไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นเราก็จะทำในเชิงขอร้อง ใน

ลักษณะต่างตอบแทนคือหากทางการลาวต้องการใครที่ทำผิดกฎหมายในลาวและหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ลาวก็อาจจะขอร้องไทยในลักษณะเดียวกันนี้ได้ เราก็จะส่งไปให้" เลขาฯ สมช. ระบุ



"คนคลองเดื่อ" สำนักข่าว Tnews

ไม่มีความคิดเห็น: