PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จริงๆแค่เถียงแก้เขิน

จริงๆแค่เถียงแก้เขิน

แค่อาการ “แก้เขิน” กันพอเป็นพิธี

กับลีลาที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ออกมาโต้แย้ง นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ฟันธงเลยว่า รัฐบาลทหาร คสช. ทีมงานคนดี จะเป็นนอมินีของ “ชนชั้นนำ” คุมเกมอำนาจบริหารประเทศไทยต่อไปอีกอย่างน้อยเป็น 10 ปี
แต่สังเกตว่า “บิ๊กตู่” ก็ไม่ได้เถียงแบบหัวชนฝา

นั่นก็เพราะด้วยสถานะ นายเสกสรรค์ไม่ใช่ประเภท “ขาประจำ” นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวที่ฝักใฝ่ขั้วการเมือง แต่เป็นต้นแบบของ “คนเดือนตุลา” อย่างแท้จริงที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ที่คิดโดยอิงกับผลประโยชน์มวลมหาประชาชนเป็นหลัก

การคิดการพูดมาจากพื้นฐานการมองด้วยความเป็นกลาง

และก็ไม่ใช่แค่นักวิชาการระดับเสกสรรค์ที่มองเห็นมุมการต่อโปรโมชั่นอำนาจของ คสช.

ตามสภาพการณ์ที่ประชาชน คอการเมืองสภากาแฟก็รู้คำตอบมาตั้งแต่ตามแกะรอยคำถามพ่วงประชามตินำมาสู่บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ ที่เปิดทางให้สมาชิกวุฒิสภา สรรหาจำนวน 250 คน มีสิทธิร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยน ผ่าน 5 ปี

นั่นหมายถึงโอกาส ส.ว.สรรหาได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งอย่างน้อย 2 สมัย คือเทอม 4 ปีรัฐบาล บวกอีก 1 ปี

นี่ก็ชัดเจนว่า คสช.วางหมากเผื่อไว้ ไม่ใช่จบแค่เทอมนี้เทอมเดียวแน่

ที่สำคัญกว่านั้น หากฟังให้จบครบถ้วนกระบวนความ โดยปรากฏการณ์ที่นายเสกสรรค์วิเคราะห์โดยอ้างอิงปัจจัยสนับสนุนการอยู่คุมเกมยาวของรัฐบาล

ไม่ใช่แค่ลำพังการใช้อำนาจทางการทหารมายึดกันตามฟอร์มคนมีปืน

แต่มันโยงถึงความพยายามของรัฐบาล คสช.ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 และกลไกประชารัฐ ที่แม้ภายนอกจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ แต่ลึกๆแฝงเหลี่ยมการช่วงชิงมวลชน ที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
และเชื่อว่ามีจุดหมายที่ดี ที่จะสามารถพาประเทศพ้นกับดักปานกลาง โดยอาศัยนวัตกรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในการสร้างรายได้ให้กับคนไทย

ซึ่งสิ่งที่นายเสกสรรค์วิเคราะห์มันก็อิงกับสถานการณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” ใช้ดาบมาตรา 44 เปิดทางให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินหน้าเมกะโปรเจกต์ วางระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตระยะยาว

ทั้งการเร่งเครื่องโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) ต่อเนื่องกับการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ เมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคม ที่กระจายเส้นทางออกต่างจังหวัด

เป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรของคนชนบท

จากที่คนกรุงเทพฯมีรถไฟฟ้าผุดขึ้นสารพัดสาย สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีน้ำเงิน ฯลฯ วันนี้ก็ถึงคิวของคนต่างจังหวัดจะได้รับความสะดวกด้านการคมนาคมจากรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่

เป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระหว่างคนเมืองกับคนชนบท แก้ปมแตกต่างระหว่างชนชั้นนำ ชนชั้นกลาง ชนชั้นฐานราก

ที่เป็นหัวเชื้อชนวนวิกฤติความขัดแย้งอย่างแท้จริง

เอาเป็นว่า ถ้าสารพัดโครงการไทยแลนด์ 4.0 คืบหน้าไปได้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้เห็นความตั้งใจของรัฐบาล คสช.ในการวางแผนปฏิรูปประเทศระยะยาว

แค่นี้นักการเมืองอาชีพก็หนาวแล้ว

ตามรูปการณ์มาถึงตรงนี้ โจทย์สำคัญของรัฐบาลทหาร คสช.ต้องเคลียร์ ก็เหลือแค่การบริหารกระแสเฉพาะหน้าที่นำมาซึ่งแรงเสียดทาน

อย่างที่เห็นปรากฏการณ์ป่วนๆจากปมล้มบัตรทอง โครงการประกันสุขภาพ ที่เจอเหลี่ยมแฝงทางการเมืองปลุกระดมมวลชนออกมาต่อต้าน โดยที่รัฐบาลลนลานอธิบายไม่เคลียร์

หรือปัญหาสินค้าพืชผลทางการเกษตร ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้การบริหารของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯยังมะงุมมะงาหราไปไม่เป็น

และอารมณ์ดราม่าแบบที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดน้ำตานองหน้า ในวันเกิด แทนที่จะอธิษฐานขอให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับชีวิต

แต่กลับต้องอธิษฐานให้รอดบ่วงกรรมคดีทางการเมือง

นี่คือเรื่องอันตรายที่ทำให้รัฐบาลหงายท้องได้ทุกขณะ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: