จำคุก ‘ปู’ 5 ปี บทเรียนการบริหาร ที่ต้อง’ศึกษา’
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558
ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลย
คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาทในโครงการจำนำข้าว
ศาลได้อ่านคำพิพากษา โดยให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา
และให้ออกหมายบังคับ เพื่อนำตัวมารับโทษ
การนัดฟังคำพิพากษาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯเคยนัด น.ส.ยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษาคดีแล้ว
แต่วันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มา ทนายความแจ้งว่า ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
ศาลพิเคราะห์เห็นว่าไม่น่าเชื่อ จึงออกหมายจับ
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ปรากฏตัว
มีเพียงแค่การสืบสวนสอบสวน และควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย
และให้การยอมรับว่า วันที่ 23 สิงหาคม ได้ขับรถนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ไปส่งห่างจากสถานีรถไฟอำเภออรัญประเทศ 1 กิโลเมตร และเห็นมีรถกระบะมารับช่วงต่อ
จากนั้นตำรวจที่ไปส่ง ได้ขับรถกลับกรุงเทพฯและไม่รู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ไหน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่ 2 ว่า รู้ที่อยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่ขออุบไว้ก่อน อาจจะบอกหลังวันที่ 27 กันยายน ซึ่งก็คือวันที่ศาลนัดฟังคำตัดสินอีกรอบ
และผลการตัดสินก็ออกมาแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดตามฟ้อง
ผลจากคำตัดสิน จะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง
หนึ่ง เกิดความชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยต้องพบกับปัญหาผู้นำพรรคแน่นอน
เพราะจุดขายแรก ทักษิณ ชินวัตร ต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
ผู้นำที่โดดเด่นอีกคนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องหนีคดี
พรรคเพื่อไทยจึงต้องทบทวน และควานหาผู้นำพรรค เพื่อเป็นจุดขายของพรรคก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้น
สอง ผลของคำตัดสินนี้มีความหมายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ชัดเจนว่านโยบายพรรคการเมืองอย่างเช่นนโยบายจำนำข้าวนั้นยังสามารถกระทำได้
และชัดเจนเช่นกันว่าการบริหารนโยบายอาจก่อเกิดความผิดขึ้นได้
และผู้ต้องรับผิดชอบอาจมีตำแหน่งสูงถึงระดับนายกรัฐมนตรี
ผลจากคดี แม้ยังไม่ถึงที่สุด แต่อาจกลายเป็นมาตรฐานในการบริหารนโยบายของรัฐบาล
โดยเฉพาะรัฐบาลปัจจุบันและในอนาคต
อย่าลืมว่า รัฐบาลชุดไหนๆ ก็ต้องบริหารประเทศ
ต้องมีนโยบาย ต้องบริหารนโยบาย และรับความเสี่ยงจากการบริหาร
ในเมื่อคดีนี้ นายกรัฐมนตรีบริหารงานและเกิดปัญหาในการบริหาร
จนเป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต
จึงเป็นคดีที่ผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารต้องศึกษา
เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินซ้ำรอยเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น