ความล้มสลายของราชวงค์ละโว้-อโยธยา (ราชวงค์อู่ทอง) ตอนที่ 1
เมืองละโว้ เป็นศูนย์กลางอำนาจของ แคว้นละโว้-อโยธยา (คนเมืองละโว้ เรียกว่า ขอม (เชื้อสายมอญ+ขแมร์ = ขอม) กษัตริย์แคว้นละโว้-อโยธยาเป็นเครือญาติกับกษัตริย์เมืองพิมาย-เมืองพนมรุ้ง (พูดเขมร) กษัตริย์เมืองพิมายเป็นญาติใกล้ชิดกับกษัตริย์เมืองพระนครหลวง (นครธม) ราชวงค์มหิธรปุระ (วรมัน)
ต่อมาแคว้นละโว้-อโยธยา รวมกับแคว้นสุวรรณภูมิ แล้วย้ายศูนย์กลางการปกครองจาก เมืองละโว้ มาอยู่ เมืองอโยธยา (เมืองอโยธยาตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่วัด
มเหยงค์ จนถึง วัดพนัญเชิง ตรงข้ามกับเกาะเมือง-กรุงศรีอยุธยา) เมืองอโยธยามีกษัตริย์ 10 -19 พระองค์
ต่อมาย้ายเมืองจากเมืองอโยธยามาสร้างเมืองใหม่ บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสักในเกาะเมืองบริเวณหนองโสน (บึงพระราม) ตั้งชื่อเมืองว่า "กรุงศรีอยุธยา"
เหตุการณ์ในกรุงศรีอยุธยา
ราชวงศ์ละโว้-อโยธยา (อู่ทอง) เป็นราชวงศ์ปฐมซึ่งครองกรุงศรีอยุธยา มีกษัตริย์ 3 พระองค์ คือ
1. พระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
กรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่า พระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) "เป็นเชื้อสายขอม"
พระบิดาและพระมารดาของพระจ้าอู่ทอง คือ พระบรมราชา และพระนางสุนันทาเทวี กษัตริย์เมืองอโยธยา ผู้สร้างพระเจ้าพแนงเชิง (หลวงพ่อโต) วัดพนัญเชิง
พระเจ้าอู่ทองเป็นน้องเขยขุนหลวงพะงั่ว-เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เชื้อสายมอญ+ลาว (ราชวงค์สุวรรณภูมิ) พระเจ้าอู่ทองมีพระโอรส คือ พระราเมศวร
2. พระราเมศวร
ครองราชย์ครั้งแรกสืบต่อจากพระบิดา แต่สละราชสมบัติให้แก่ขุนหลวงพะงั่ว (ลุง) พระราเมศวรขึ้นครองราชย์อีกครั้งโดยการยึดอำนาจล้มล้างพระเจ้าทองลั่น พระโอรสของขุนหลวงพะงั่ว
3. พระรามราชา
เป็นพระโอรสของพระราเมศวร ครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา 15 ปี ถูกเจ้านครอินทร์ (หลานขุนหลวงพะงั่ว) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี ยึดอำนาจปลดออกจากฐานะกษัตริย์และบังคับให้ไปครองเมืองปทาคูจาม (เมืองปทาคูจามนักประวัติศาสตร์มีความเห็นต่างกันเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มแรก เมืองปทาคูจาม คือเมืองที่อยู่นอกกำแพงกรุงศรีอยุธยาทางทิศใต้ กลุ่มที่สอง Micheal Vickery เมืองปทาคูจาม คือเมืองพนมเปญ (เมืองจตุรมุข) กัมพูชา
เหตุการณ์ในเมืองพระนครหลวง (นครธม) กัมพูชา
ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ ได้ลำดับ "กษัตริย์ราชวงศ์มหิธรปุระ" โดยเริ่มต้นที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และสิ้นสุดที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีกษัตริย์รวม 5 พระองค์ ระยะเวลารวม 141 ปี
กษัตริย์กัมพูชาพระนามดังต่อไปนี้ ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตุว่าอาจจะไม่ใช่กษัตริย์ในราชวงค์มหิธรปุระ แต่เป็นกษัตริย์ราชวงค์ใหม่ (อ้างอิง: พงศาวดารเขมรฉบับนักองค์เอง กล่าวพระนามกษัตริย์เขมรโดยเริ่มต้นด้วยพระมหานิภาร)
1) พระมหานิภาร หรือ บรมนิพพานบท หรือ พระเจ้าบรมนิ
พันธบท ครองเมืองพระนครหลวง 5 ปี ในเวลานั้น พระเจ้าอู่ทองครอง
เมืองอโยธยา ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุทธยา พระเจ้าอู่ทองส่งเจ้าไส้เทวดา
เป็นทูตมาเจริญสัมพันธไมตรี แต่พระมหานิภารไม่ไว้ใจ จึงฆ่าเจ้าไส้เทวดา
2) พระศรีธาร (น้อง) ครองราชย์สืบต่อ 3 เดือน สวรรคต
3) พระบรมลำพงษ์ราชา (พระโอรส) ครองราชย์สืบต่อ
พ.ศ. 1915 พระเจ้าอู่ทอง ยกทัพมาล้อมเมืองพระนครหลวง [อ้างอิง: พงศาวดารเขมร-ภาษาไทย และพงศาวดารกรุงกัมพูชาแต่งในสมัยนักองค์ด้วง]
สงครามครั้งนี้ พงศาวดารฝ่ายสยามชำระในสมัยกรุงรัตน โกสินทร์เรียกว่า “ขอมแปรพักตร์” พระเจ้าอู่ทองให้พระราเมศวร ยกทัพไปแต่ถูกทัพเขมรตีจนพ่ายแพ้ พระเจ้าอู่ทองจึงให้ขุนหลวงพะงั่ว ยกทัพไปช่วยจึงสามารถตีเมืองพระนครหลวงแตก
พงศาวดารเขมรฉบับนักองค์เองกล่าวว่า ทัพอยุทธยาล้อมเมืองพระนครหลวง 1 ปี ยังไม่สามารถเข้าเมืองได้จนกระทั้งพระบรมลำพังราชาสวรรคต พระอนุชาครองราชย์สืบต่ออีก 3 เดือน สวรรคต นักพระลำพัง ครองราชย์สืบต่อ 1 เดือน สวรรคต พระเจ้าอู่ทองจึงสามารถตีเมืองพระนครหลวงได้สำเร็จ
พงศาวดารฉบับนักองค์ด้วงกล่าวว่า พระเจ้าอู่ทองให้กวาด ต้อนครัวเขมร ราว 90,000 คน แล้วยกกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา
พงศาวดารฉบับนักองค์เองกล่าวว่า พระเจ้าอู่ทองโปรดให้พระโอรสของพระองค์ คือ พระบากระษัตร อยู่ครองเมืองพระนครหลวง และให้น้องของพระบากระษัตร คือ พระบาอัฐ และ พระลำบองพิท อยู่ช่วยราชการ
4) พระบากระษัตร (พระเจ้าปาสัตร) ครองเมืองพระนครหลวง 3 ปี สวรรคต
5) พระบาอัฐ (พระเจ้าปาอัศ) ครองราชย์สืบต่อ 3 ปี สวรรคต
6) พระลำบองพิท (พระเจ้ากะดมบองที่ 4) ครองราชย์สืบต่อ 1 เดือน (ชะตา
กรรมของพระลำบองพิทไม่กล่าวไว้)
พงศาวดารเขมร-ภาษาไทย (ประชุมพงศาวดารภาคที่ 1) กล่าวต่างจากฉบับนักองค์เอง โดยกล่าวว่า พระบากระษัตร พระบาอัฐ พระลำบองพิท เป็นพระโอรสของพระบรมลำพงษ์ราชา
หลังจากพระลำบองพิท เมืองพระนครหลวงกลับตกเป็นของพระศรีสุริยโปวงษ์ หรือเจ้าพญากลเมฆ หรือนักโพรก หลานพระบรมถาเขมาราชา กษัตริย์เขมรราชวงศ์เดิม
สรุป: ตามพงศาวดารฉบับนักองค์เอง พระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ให้พระโอรสของพระองค์อยู่ครองเมืองพระนครหลวง แต่เชื้อสายของพระเจ้าอู่ทองต่างทะยอยตาย เชื้อสายกษัตริย์เขมรราชวงศ์เดิมจึงกลับมาครองเมืองพระนครหลวง ก่อนจะถูกปราบในสมัยเจ้าสามพระยา กษัตริยกรุงศรีอยุธยา (ราชวงค์สุวรรณภูมิ)
ภาพ: ชาวเมืองพระนครหลวง (นครธม) ถูกวาดต้อนกลับกรุงศรีอยุธยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น