บทใหม่ การเมือง บทเรียน “รัฐประหาร” จำคุก “ยิ่งลักษณ์”
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
1 คือ การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ขณะเดียวกัน 1 คือ คำพิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สารผล ตามมาด้วยคำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ สัญญาณ
หากสอบลึกลงไปใน “รายละเอียด” ของการหายตัวซึ่งมีจุดเริ่มตั้งแต่ตอนค่ำของคืนวันที่ 23 สิงหาคม ก็จะมองเห็น
มองเห็นว่าเป็นการตัดสินใจอย่างมีการตระเตรียม วางแผน
เหมือนกับตอนค่ำของคืนวันที่ 23 สิงหาคม เป็นการตัดสินใจและเป็นการเริ่ม “ปฏิบัติการ” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทำมาก่อนหน้านี้แล้ว
บางคนเห็นว่าน่าจะเริ่มจากวันที่ 21 กรกฎาคม บนยอด “ภูเขาทอง”
แต่บางคนเห็นว่า น่าจะมีการวางแผน “สร้างภาพ” สร้างเงื่อนไขแวดล้อมเพื่อให้เกิดความชอบธรรมตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ด้วยซ้ำไป
นั่นก็มอง “ไกล” จนดูเหมือนล้ำเกิน แต่ก็อาจจริง
สภาพการณ์ของฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร ก็เหมือนกับเมื่อตอนหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 คือ มีทั้งต่อสู้ มีทั้งการเจรจา
เจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
ต่อสู้เพื่อสร้างเงื่อนไขใหม่ และอาศัยเงื่อนไขใหม่ เพื่อกดดันและทำให้การเจรจาบรรลุผลตามเป้าหมาย
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือที่เปิดเผย คือ การเลือกตั้ง
แต่เมื่อการเลือกตั้งประสบชัยชนะแต่ถูกสกัดขัดขวางอย่างในกรณีการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551
กระทั่งนำไปสู่การบีบ ครม.ให้อย่างน้อย 2 คนคือ นายนพดล ปัทมะ และ นายจักรภพ เพ็ญแข ถูกปลดออก
และที่สุด นายสมัคร สุนทรเวช ก็ต้องไป และที่สุดพรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบ
แต่ก็ทำอะไรรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้
ต่อเมื่อพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรเกิดความชะล่าใจ คิดว่าการสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 คือจุดจบจึงยุบสภาและเปิดให้มีการเลือกตั้ง
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปในเดือนกรกฎาคม 2554
ความพ่ายแพ้จากการคาดสถานการณ์ “พลาด” นำไปสู่การรื้อฟื้นกระบวนการขึ้นมาใหม่เหมือนก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
หนแรก ในเดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นความพยายาม “แช่แข็ง”
เมื่อความพยายามที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประดิษฐ์ ไม่เวิร์ก จึงต้องเป็นภาระของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กระทั่งเกิด กปปส.ขึ้นในเดือนตุลาคม 2556
ประเมินกันว่าฝ่ายของ นายทักษิณ ชินวัตร ถูกหลอก
ถูกหลอกเหมือนกับว่าได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แต่แล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นสายล่อฟ้า ขยายจากต่อต้าน “นิรโทษกรรม” ไปยังต่อต้าน “การเลือกตั้ง”
ที่สุดเมื่อสถานการณ์สุกงอมก็นำไปสู่การรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมาพร้อมกับบทเพลง
เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
เวลาอีกไม่นานในที่นี้ก็คือ การแก้ไขความผิดพลาดจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่ถูกประเมินว่าเป็นรัฐประหาร“เสียของ” การเดินหน้ารุกไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยจึงเข้มข้น
การยกประเด็นว่าด้วยโครงการรับจำนำข้าวมาเป็นหัวข้อใหญ่ ไม่เพียงแต่นำไปสู่การถอดถอนหากแต่ยังนำไปสู่คำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เกมการเมืองจึงแรง แนวโน้มการตอบโต้ก็ย่อมจะแรง
นับจากกรณี 25 สิงหาคมเป็นต้นมา การเล่น “เกมแรง” จึงเท่ากับเปิดหน้าใหม่ทางการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น