เอ้า...ไม่ต้องทะเลาะกันว่า "ยิ่งลักษณ์" อยู่ไหน?
เมื่อวาน เว็บไซต์ "ไทยรัฐ" ออนไลน์ ภาพ-ข่าว ว่า
"วันที่ ๒๕ ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ
โดยสิ่งที่น่าสนใจ คือเงาสะท้อนที่แว่นกันแดด ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาหน้าตาเหมือนกับหญิงสาวคนหนึ่งที่หายตัวไป
พร้อมกับโพสต์ข้อความ ว่างเบอร์ไหน.. ถามใจเธอดูวววว รูปนี้ เพื่อนที่นั่งข้างหน้าถ่ายให้นะแจ๊ะ"
ภาพที่โพสต์ "เพื่อนที่นั่งข้างหน้าถ่ายให้นะแจ๊ะ" เป็นภาพ น.ส.แพทองธารนั่งศีรษะซบกับนายทักษิณทางเบาะหลัง
ทั้งคู่ อยู่ในกิริยาการ "ฉีกยิ้มหยัน" อารมณ์บานเบิก!
ด้วยความที่แว่นกันแดดโตล้นกรอบหน้า หรือหน้า น.ส.แพทองธารโตล้นกรอบแว่น ก็พิจารณากันเอง
ด้วยแว่นเป็นกระจกสะท้อนแสง จึงปรากฏ "เงา" ผู้หญิงคนหนึ่งด้านหน้าสะท้อนขึ้นที่แว่นชัดเจน
เว็บไซต์ไทยรัฐ บรรยายภาพว่า.......
"อุ๊งอิ๊ง" โผล่ โพสต์ภาพคู่ "ทักษิณ" ว่อนโซเชียลฯ เจอเงาสะท้อนผ่านแว่นกันแดดถึงผงะ! เจอเงาหญิงสาวหน้าคล้าย "ปู" นึกว่าเล่นมุก เงาสะท้อน คล้ายกรณี "สงกรานต์"
แหม...นี่ถ้าอุ๊งอิ๊งโพสต์ภาพนี้ก่อนมีข่าว ๓ ตำรวจพาปูหนี ก็ดีน่ะซี!
จะได้ไม่รำคาญที่คนแถ.........
"เปล่าพาปูหนี ตำรวจเขาแค่ขับรถไปปล่อยแถวๆ สระแก้วเท่านั้นเอง"!
เจ้าของ "เงาสะท้อน" นั้น ใช่ "ปู" หรือไม่ ก็ไปหาดูกันเอง ดูแล้ว ลงความเห็นว่าไง บอกด้วยละกัน แต่ถึงอย่างไร ใช้เป็นร่องรอยยืนยันข้อสันนิษฐานของ "พลเอกประวิตร" ที่ว่า ๒๗ กันยาปูไม่มาแน่
พอได้อยู่!
ประเด็น ตำรวจพาผู้ต้องหาหนีออกนอกประเทศ ผิดกฎหมายหรือไม่ผิด ถึงวันนี้ หมดประเด็นคุยสำหรับผม
เพราะตอนนี้ มีผู้รู้กฎหมายและผู้ (ทำเป็น) ไม่รู้กฎหมาย ออกมาแสดงความเห็นด้วยข้ออ้างอิงเยอะแยะแล้ว
อดใจรอซักพักเถอะน่า.......
เห็น ผบ.ตร. "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา" สั่งเปลี่ยนตัวประธานสอบ "พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์" ผู้รับคำสั่งให้พาปูหนีแล้ว
ดูจะเข้าท่า-เข้าทางกว่าเดิม ซึ่งเดิมลักษณะ "คนกันเอง-สอบกันเอง"
ประธานสอบคนใหม่ คือ "พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ" รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ลงมือกันวันนี้แหละ (๒๖ ก.ย.๖๐) ผมดูโหงวเฮ้งแล้ว นายตำรวจท่านนี้ "เข้าท่า" เอาการ
เรื่องกฎหมาย เป็นเรื่อง "สองคนยลตามช่อง"
ในเรื่องเดียวกัน กฎหมายฉบับเดียวกัน มาตราเดียวกัน บางที เรียนสำนักเดียวกัน อาจารย์เดียวกันแท้ๆ แต่ไปคนละทาง-สองทาง
พลเอกประวิตรน่ะ........
อย่าไปรุกเร้าท่านนักเลย ระยะหลังนี้ ดูท่านชราภาพไปมาก ใจน่ะคงสู้หรอก แต่สังขารชักจะไม่ให้
โชคดีอยู่หน่อย ที่ท่านกด-ข่มอารมณ์-สีหน้า แล้วว่าของท่านไปเรื่อยเปื่อย ในการตอบนักข่าวชนิด "สีทนได้"
จึงดำน้ำ "รอดตอ" ไปได้เรื่อยๆ!
ท่านคงตั้งใจบวช "ร่วมพรรษา" กับน้องตู่สุดเลิฟ เพียงพรรษาเดียว ถึงพรรษา ๒.......
ดูท่าคงขอปลีกวิเวกไปอยู่ในฐานะ "โยมอุปัฏฐาก" มากกว่าจะดันทุรังเป็นหลวงตาหลงกระโถนต่อ
ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในเรื่องนี้ คล้ายจิตดวงเดียว แต่สองสำนึกสู้กันเอง ดูท่านจะเครียด เริ่มเสียงดังด้วยอำนาจ
ความจริง รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.มีเป็นโหล......
แต่ดูเหมือนทั้งกรุงลงกา ไม่ว่าเรื่องพระ-เรื่องโจร โยนให้แต่รอง ผบ.ตร.ศรีวราห์คนเดียว
เป็นใคร ใครก็เหนื่อย-หนัก และเครียดบ้าง เนอะ!
ท่าน ผบ.ตร.จักรทิพย์ก็...มีคดีเล็ก-ใหญ่ แบ่งให้รอง ผบ.ท่านอื่นรับหน้าเสื่อบ้างปะไร ตบะท่านรอง ผบ.ศรีวราห์จะได้มีเวลาซ่อม
คดีอื่นๆ น่ะ พอตะมุ-ตะมิกันไป.........
แต่เรื่องตำรวจพาปูหนีนี่ อย่าแค่ตั้งตาลปัตรบังหน้า แล้วยกกฎหมายเป็นมนต์สวดยันเต
เพราะมันเป็นประเด็น "จิตใจทางสังคม"
ซ้ำยังเป็นคดี "ตรวจปัสสาวะตำรวจ" ว่าสีขาวหรือสีแดง จากประชาชนที่กำลัง "ตั้งด่านตรวจ" ว่าด้วยเรื่องปฏิรูป!
นี่...วันนี้ก็ ๒๖ กันยาแล้ว.......
พรุ่งนี้ก็ ๒๗ กันยา เป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดให้ยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษา
มา-ไม่มา ศาลอ่านคำพิพากษาแน่!
ไม่ว่าผลออกมาแบบไหน ความแฉลบไฉลในเรื่องตำรวจพาปูหนีจะทำให้สังคมพุ่งเป้าไปที่สถาบันตำรวจหนักขึ้น
ว่าจะทำคดี ๓ ตำรวจ แบบตรงไป-ตรงมา หรือโก่งไป-โก่งมา?
สมมุตินะ พรุ่งนี้ ศาลตัดสินว่าผิด มีโทษคุก..........
ถ้าจะอุทธรณ์ ต้องยื่นภายใน ๓๐ วัน หรือจะขอเลื่อนไปมากกว่านั้นก็ตาม
ในการอุทธรณ์ ตัวยิ่งลักษณ์จะต้องมาอุทธรณ์เอง ใช้ทนายทำแทนไม่ได้แล้ว!
โทษตามมาตราที่ยิ่งลักษณ์ถูกฟ้อง อยู่ในเกณฑ์ ๕ ปีขึ้น ก็หมายความว่า ถ้าหนี ยิ่งลักษณ์ต้องหนีไป ๑๐ ปี จึงจะหมดอายุความ
ถือว่ามีโชคในเคราะห์อยู่หน่อย.........
ตัดสินวันที่ ๒๗ กันยา กฎหมายใหม่ในเรื่องอายุความคดีนักการเมืองยังไม่ประกาศใช้ จึงเป็นไปตามกฎหมายเดิม
ถึงประกาศใช้ในวันต่อๆ ไป ด้วยบทที่เป็นโทษ จะใช้ย้อนหลังไม่ได้
ฉะนั้น หนี ก็ต้องหนีไปให้ครบ ๑๐ ปี......
ไม่ต้องมาอุทธรณ์หรอก เพราะถ้าอุทธรณ์ เท่ากับคดียืดเยื้อออกไป ยังไม่สิ้นสุด
กว่าจะสิ้นสุด เผลอๆ พ.ร.บ.คดีอาญานักการเมืองประกาศใช้ก่อน ถ้าตัดสินตอนนั้นละก็ สมมุติมีโทษคุก
ทีนี้แหละ แม่พังแป้น "ถ้าจะหนี" ต้องหนีไปยันตายเลย ตามกฎหมายใหม่ ไม่นับอายุความให้แล้ว!
พูดกันตรงๆ การหนีของยิ่งลักษณ์ ไม่มีผลต่ออนาคตรัฐบาล คสช.
แต่ที่ตำรวจพาหนี.........
แล้วตำรวจก็ดี ผู้ควบคุมตำรวจอย่างบิ๊กป้อมก็ดีบอก "ไม่ผิด...ไม่มีข้อหา" แค่พาไปปล่อยริมแดน แล้วเธอไปไหนๆ ของเธอเองนั้น
ตรงนี้แหละ ต่อมลูกหมาก คสช. "อักเสบ" แน่!
ข้อบังคับ กฎหมาย ทั้งแพ่ง-อาญา มันมี ตำรวจก็ตั้งข้อหาสอบสวน-ทำสำนวนส่งอัยการพิจารณาไปตามขั้นตอนอำนาจ-หน้าที่ซี
เมื่อถึงศาลแล้ว.........
ศาลท่านจะตัดสินเองว่า ที่ ๓ ตำรวจ ทำนั้น ผิดหรือไม่ผิด?
ไม่ใช่ตำรวจที่เป็นฝ่ายจับ-ฝ่ายสอบ จะมาเป็นศาลตัดสินเสียเองแต่นาทีแรกอย่างนี้!
ยุคนี้ เป็นยุครัฏฐาธิปัตย์.........
ฉะนั้น ใครจะบอกว่าเรื่องนี้ "นายกฯ ไม่เกี่ยว" ไม่ได้
คือนายกฯ ต้องชำเลืองด้วย ว่าตำรวจเขาทำอะไรกัน
ยิ่งตอนนี้ เดิมพันงอกไปถึง พล.ต.อ.-พล.ต.ท.และอดีตนักการเมืองบางคน..........
ว่าเป็นระดับ "บัญชาการ" งานพาหนี ฉันใด
การวางท่าที "หันรี-หันขวาง" ในการทำคดีของตำรวจตอนนี้ รัฐบาล คสช.ก็อาจถูกมองว่า
เป็นระดับ "ยักคิ้ว-หลิ่วตา" ให้ ฉันนั้น!
คนเรา ถ้าต้องการล้างหน้าให้สะอาด การลูบหน้า-ปะจมูก เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น กรณีนี้ กฎหมายก็ว่าสำคัญ
กฎใจ คือ "กฎสังคม" ยิ่งสำคัญกว่า ซึ่งชาวบ้าน-ชาวพารา กำลังเพ่งเล็ง ว่ายึดอำนาจเข้ามาเพื่อ "ล้างชั่วให้ชาติ"
หรือ "เลี้ยงชั่วให้ชาติ" กันแน่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น