
ล่าสุดนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กแห่งเยอรมนี รั้งเก้าอี้ผู้นำหญิงเมืองเบียร์ไว้ได้เป็นสมัยที่ 4 หลังกลุ่มแนวร่วมอนุรักษนิยมของเธอคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไป
พร้อมๆกับประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อทีมของนางแมร์เคิลกวาดคะแนนโหวตมาได้แค่ 32.9 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าตกต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1949 เป็นต้นมา ขณะที่คู่แข่งอย่างพรรคโซเชียลเดโมแครตตามมาเป็นที่ 2 ด้วยคะแนน 20.8 เปอร์เซ็นต์ นับว่าย่ำแย่ที่สุดในยุคหลังสงครามเช่นกัน
แต่พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี ที่มีนโยบายต่อต้านอิสลามและผู้อพยพสามารถช่วงชิงคะแนนโหวตไปได้ถึงร้อยละ 13 และกลายเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ของเยอรมนีที่ได้คุมเสียงในสภา
โดยปรากฏการณ์มันก็ชัด สถานการณ์ล้อกับการลงประชามติของประเทศอังกฤษแยกตัวออกจากยูโรโซน และการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาที่พลิกผันได้ประธานาธิบดีชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์”
ฝรั่งตะวันตกหันกลับมายึดประโยชน์ของชนชาติตัวเองเป็นหลัก
และในห้วงจังหวะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์การเมืองไทย ประเมินสัญญาณ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. จะคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป
ในสถานะของ “นายกรัฐมนตรีคนนอก”
วัดได้จากการลงพื้นที่ต่างจังหวัดพบปะประชาชนในการจัดประชุม ครม.สัญจรหัวเมืองภาคต่างๆ การเชิญกลุ่มการเมืองเจ้าของพื้นที่ออกมาประสานเสียงสนับสนุน รวมถึงการเปิดช่องทางสื่อสารกับประชาชนผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊กส่วนตัวใหม่ที่มีคนกดไลค์ติดตามกว่า 11,000ไลค์
อีกทั้งการทำโพลเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คนไทยกว่าร้อยละ 53 ต้องการให้นายกฯคนปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งต่ออีกวาระ และผลสำรวจหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่าผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ยินดีและชื่นชมเสถียรภาพหลังการรัฐประหาร
สื่อระดับโลกมองจากภายนอก ฟันธงกันข้ามช็อตยาวๆเลย
แต่ก่อนอื่นใดโดยกระบวนท่าของทีม “นายกฯลุงตู่” ที่สะท้อนออกมาในห้วงสั้นๆ ช่วงโรดแม็ปที่เหลือ
ตามจังหวะการเดินหน้ายุทธศาสตร์ต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เปิดฉากกระตุ้นโมเมนตัมเศรษฐกิจ กระตุกแรงเหวี่ยงทางการเมือง
ไล่ตั้งแต่ลุยตีธงเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) ต่อด้วยมหกรรมดิจิทัลไทยแลนด์บิ๊กแบง 2017 เปลี่ยนผ่านประเทศสู่ยุค 4.0 ตีฆ้องรัวกลองเรียกนักลงทุนต่างชาติ
พร้อมๆกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออกที่บวก สูงสุดในรอบ 55 เดือน การจัดอันดับของธนาคารโลกที่ได้ลุ้นขยับดีขึ้น การประกาศจีดีพีไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะเฉียด 4 เปอร์เซ็นต์จากผลการลงทุนโครงการของรัฐ รวมถึงการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของผู้นำไทยจะทำให้ความกดดันลดลง
โชว์ปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจที่เริ่มส่งผลในภาพรวม โดยไม่ลืมปัญหาปากท้องคนยากคนจน แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินสายประชุม ครม.สัญจร อัดฉีดสวัสดิการประชารัฐ
“สมคิด” วางหมากให้ “นายกฯลุงตู่” ทรงตัวได้นิ่งๆบนกระดาน อำนาจสู้กับแรงเสียดทานจากนักการเมืองที่เริ่มเขย่าหนักขึ้น
และนั่นก็แปรผันตามแรงกระแทกที่พุ่งเข้าใส่กัปตันทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.
แบบที่ด้านหนึ่งพรรคเพื่อไทย ขาประจำอย่างนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ก็ปฏิบัติการเบิ้ลบลัฟนายสมคิดที่บอกว่าเศรษฐกิจขาขึ้นนั้น ขาชี้ฟ้า เอาหัวลงมากกว่า อารมณ์เดียวกับประชาธิปัตย์ที่ส่งมวยระดับนายประมวล เอมเปีย ออกมากระตุกนายสมคิดอย่าเพิ่งฝันเฟื่องประกาศว่าเศรษฐกิจดี
เป็นอะไรที่ปรองดองอัตโนมัติ ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยช่วยกันเตะตัดขา “สมคิด”
ล็อกเป้าจุดแข็งแฝงความเปราะบาง
ตามเดิมพันเศรษฐกิจที่มาถึงจุดวัดดวง จะติดเครื่องเดินไปข้างหน้าหรือถอยหลังลงเหว
โดยเงื่อนไขที่ผูกโยงกับปมป่วนทางการเมือง ถ้า “สมคิด” เอาอยู่ รัฐบาล “ลุงตู่” ประคองตัวยืนระยะต่อได้ มันก็อย่างที่นายสมคิดพูดติดตลก กลัวรัฐบาลใหม่จะไม่มีอะไรทำ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันยังมีอีกปัจจัยแฝงที่ถ่วง “นายกฯลุงตู่” อยู่รอบตัว
ตามรูปการณ์ต้องจับตาหลังเดือนตุลาคมนี้ ถ้ามีการขยับถอยเรื่องเพื่อนพ้องน้องพี่
เปิดพื้นที่ ครม.ดึงคนนอกเข้าร่วมเป็นรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป
หน่วยเจาะยาง “ลุงตู่” จะต้องออกแรงเหนื่อยขึ้นอีกเยอะ.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น