PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

"ครม.ตู่ ๕" ยุคไทยแลนด์ ๔.๐

เตือนๆ กันไว้....
อย่าให้น้ำผึ้งหยดเดียว ลุกลามกลายเป็นความไม่พอใจของประชาชนเชียวนะครับ
เพราะคำว่าสายเกินไปมันเกิดขึ้นได้เสมอ
หากไม่ลงมือแก้ปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ
ปัญหาใหญ่ระดับโลก ระดับชาติ ที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ กลายเป็นวิกฤติแสนสาหัส มันมีให้เห็นนักต่อนักแล้ว
สงครามโลกครั้งที่ ๑ จุดประเด็นจาก....
การลอบปลงพระชนม์อาร์คดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของบัลลังก์จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยกัฟรีโล ปรินซีป ชาวเซิร์บบอสเนีย
การแก้แค้นของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีต่อราชอาณาจักรเซอร์เบีย
เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ในทวีปยุโรป
ฝ่ายสัมพันธมิตร ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศสและรัสเซีย สู้รบเข่นฆ่ากับฝ่ายมหาอำนาจกลาง มีเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลี
ผลคือ....มีผู้ได้รับบาดเจ็บ สูญหายและล้มตาย รวมกันกว่า ๔๐ ล้านคน
กรณีประชาชนชาวชลบุรีออกมาขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัด แม้จะเทียบกันไม่ได้ในแง่ของปรากฏการณ์ แต่ก็มีสัญญาณให้เห็นว่า อาจเกิดกรณีน้ำผึ้งหยดเดียวเหมือนกัน
เป็นความไม่ฉลาดของ "ราชการ" ในการบริหารจัดการความไม่พอใจของประชาชน
นี่...ไทยแลนด์ ๔.๐ แล้วนะครับ
ยังย้อนยุคใช้วิธีการก่อนปีกึ่งพุทธกาลกันอีก
ระวังการข่มขู่ให้กลัว จะกลายเป็นหายนะของคนขู่เสียเอง
ครับ...เมื่อคืนวันพุธ อส.ฝ่ายปกครอง รับหน้าเสื่อไปคุยกับผู้ชุมนุม
แต่กลายเป็นไปข่มขู่ว่ามีหมายศาล มี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ๒๕๕๘ พร้อมจะสลายการชุมนุมได้ทันที
พูดแบบนี้ ไม่ต่างราดน้ำมันเข้ากองเพลิง!
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น
โทษว่า อส.ประกาศไปโดยพลการ
แถมไม่เอาผิดกับการกระทำโดยพลการที่ว่านี้
อ้างว่า....เพราะ อส.แค่หวังดีและตักเตือนประชาชนเท่านั้น
ให้เหตุผลแบบนี้มันก็จบเห่ซิครับ!
หากไม่มีใครสั่ง....
ใครจะเชื่อว่า อส.จะกล้าทำถึงขนาดนั้น
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ สาเหตุของปัญหานั้นมีความละเอียดอ่อนอยู่ในตัว หากไม่รีบจบ เกรงว่าจะบานปลายไปกว่านี้
หากกระทรวงมหาดไทยต้นสังกัดยังเอาแต่นิ่งเฉยแบบนี้ มันจะลามเข้าหารัฐบาล
ใครผิดใครถูก บางเรื่องอาจไม่ใช่ปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อน
แต่การจัดการกับความรู้สึกของประชาชน ในประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนสูง มันรอไม่ได้
การปล่อยให้ฝ่ายผู้ว่าฯ ตอบโต้ที ฝ่ายประชาชนเอาคลิปเก่าๆ มาแฉที นอกจากหาทางลงไม่ได้แล้ว ก็ระวังเอาไว้นะครับ....
พวกที่หมอบรอเวลากลับมาป่วน
มันรอจังหวะอยู่!
คลิปล่าสุดที่บอกว่า "แฉ! ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี"
ย้อนไปเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวจังหวัดชลบุรีได้เดินทางมาร่วมพิธีแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีไม่อนุญาตให้ประชาชนแสดงความอาลัย
และมีคำสั่งยกเลิกงานพิธีโดยไม่มีเหตุผล
คราวนั้นประชาชนก็ไม่พอใจผู้ว่าฯ ชลบุรีมาแล้ว
นั่นเท่ากับว่า ที่บานปลายกันอยู่ในเวลานี้ มันก็คือเรื่องราวที่สะสมกันมา
มองไม่ออกจริงๆ ว่า ผู้ว่าฯ ภัครธรณ์จะอยู่ชลบุรีต่อได้อย่างไร?
วันนี้การชุมนุมของชาวบ้านยังไม่มีใครแทรกเข้าไป
แต่วันหน้าไม่มีใครรู้ได้หรอกครับว่า การเมืองจะเข้ามาฉวยโอกาสหาประโยชน์จากความขัดแย้งนี้หรือไม่
และเมื่อไหร่!
เอาแค่ว่า...รัฐบาล คสช.ไม่ใส่ใจความผิดพลาด การบริหารจัดการ การวางดอกไม้จันทน์ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ไม่สนใจเรื่องที่ประชาชนเขาทวงถามเรื่องป้ายไวนิลดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง จังหวัดชลบุรี
แค่นี้ก็ใช้เวลาอธิบายกันยาวยืดแล้วครับ
ถ้ากระทรวงมหาดไทยยังเฉย รัฐบาลไม่หือไม่อือ อ้างรอผลสอบก่อน ปล่อยให้ไล่กันทุกวัน มันจะไม่ใช่แค่เฉพาะจังหวัดชลบุรี
อาจจะลามไปยังจังหวัดอื่นๆ
เพราะเอาเข้าจริง บางจังหวัดก็มีปัญหาลักษณะคล้ายกันนี้ ที่ไม่เกิดเรื่องเพราะประชาชนแค่บ่น แต่ไม่อยากจะเอาความ
หากมีคนไปยุอาจกลายเป็นหนังคนละม้วน!
ฉะนั้น...รีบเถอะครับ
เอาผู้ว่าฯ ภัครธรณ์ไปเก็บรักษาไว้ในที่ที่สะดวกต่อการแก้ปัญหาก่อน
เคลียร์เรื่องวุ่นๆ ที่ชลบุรีให้จบ
ให้ประชาชนเขาพอใจ
เสร็จแล้วค่อยเคลียร์ปัญหาหนักอกให้ท่านผู้ว่าฯ
ทำแบบนี้ไม่มีคำว่าสาย
ถ้าไม่...
ท่านๆ ทั้งหลายก็ต้องยอมรับเสียงตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ ด่าว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นเด็กของรัฐบาล คสช.
ท้ายสุดโดยสามัญสำนึก ทุกคนต้องรู้ครับว่า ไม่ควรปล่อยให้การถวายดอกไม้จันทน์เป็นเงื่อนไขสร้างภาพลบ
กลายเป็นว่าลูกๆ มาทะเลาะกัน
ก็ลองกลับไปพินิจพิจารณากันดูครับว่า ที่ผ่านมา "พ่อ" ได้สอนอะไรเอาไว้บ้าง
"ในการปฏิบัติงานนั้นย่อมมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูนลุกลามจนแก้ยาก
ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้หลายๆ คน หลายๆ ทาง ด้วยความร่วมมือปรองดองกัน"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๓
วานนี้ (๒ พฤศจิกายน) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า....
พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ความเป็นรัฐมนตรีจึงให้สิ้นสุดตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ก็ได้เวลาปรับ "ครมตู่ ๕.๐" ครับ
เบื้องลึกเบื้องหลัง "จับกัง ๑" ลาออก เท่าที่ฟังนายกฯ ลุงตู่ให้สัมภาษณ์ก็ได้ความว่าไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
แต่บางกระแสข่าวบอกว่า ทนไม่ได้เพราะถูกหักหน้าจากกรณี "ลุงตู่" งัด ม.๔๔ ย้ายนายวรานนท์ ปีติวรรณ อดีตอธิบดีกรมการจัดหางาน
นั่นก็ว่ากันไปครับ
ก็เอาเป็นว่า งานในกระทรวงแรงงานยุคนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา
ไม่ใช่กระทรวงที่จะส่งใครไปนั่งซดไวน์ก็ได้เหมือนรัฐบาลก่อน
หลังจากไทยมีปัญหาแรงงาน การค้ามนุษย์ จนหลุดไปอยู่เทียร์ ๓ รัฐบาลนี้ใช้ความพยายามอย่างหนักจนอเมริกาจัดลำดับให้กลับมาอยู่เทียร์ ๒ อีกครั้ง
ทำให้อุปสรรคทางการค้าได้รับการผ่อนคลายลง
นี่คือสิ่งที่ต้องรักษาไว้
และต่อยอดให้ดีขึ้นในวันข้างหน้า
ขณะที่ปัญหาแรงงานต่างด้าวก็ใช่ว่าจะหมดไป เมื่อไขลานกันไม่ไหว จำต้องเปลี่ยนม้ากลางศึกก็ต้องเปลี่ยน
"ครม.ตู่ ๕.๐" ปรับเล็กปรับใหญ่ ไม่สำคัญเท่าปรับแล้วทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่
ข่าวแว่วๆ ปรับเที่ยวนี้ ลดจำนวนนายพลลง เพิ่มพลเรือนให้มากขึ้น
เป็นนิมิตหมายที่ดีในการหาคนมาใช้ให้ตรงกับงาน
ที่สำคัญต้องยึดคำสอนพ่อเอาไว้ให้ได้
''...ทุกคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองดูคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกัน จะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้น แต่ละคนจะต้องรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ...".
ผักกาดหอม

เปลว สีเิงิน 3/11/60

ไม่มีความคิดเห็น: