PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เกมโลกเอื้อการเมืองแบบไทย : ผ่าสถานการณ์อำนาจพิเศษ “บิ๊กตู่” เสียใน-ได้นอก

เกมโลกเอื้อการเมืองแบบไทย : ผ่าสถานการณ์อำนาจพิเศษ “บิ๊กตู่” เสียใน-ได้นอก


ช่วงเวลาหนาวสุดในรอบปีนี้ ตามที่กรมอุตุนิยม วิทยาประกาศอุณหภูมิช่วงวันที่ 16-18 ธันวาคมนี้ บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไปกับมีลมแรง
อุณหภูมิลดลง 4-6 องศาเซลเซียส
โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมเป็นต้นไป ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม ส่งผลทำให้ในสัปดาห์นี้มวลอากาศจะเย็นลงต่อเนื่องถึงวันที่ 22 ธันวาคม
และอาจเห็นพื้นที่สูงทางภาคเหนือและอีสานอุณหภูมิลดลงเหลือเลขตัวเดียว
อากาศหนาวเยือกปลายปี ขณะที่ปฏิทินเวลาก็กำลังเข้าโหมดนับถอยหลังสู่เทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในอารมณ์ที่ประชาชนทั่วไปเริ่มเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด วางแผนท่องเที่ยว นัดจัดงานฉลองกันคึกคัก
ถึงโอกาสพักเรื่องหนักๆเครียดๆจากการทำงานมาตลอดทั้งปี
นี่คือจังหวะที่บรรยากาศทางการเมืองจะลดโทนความร้อนแรง กระแสแรงเสียดทานซาลงไปโดยอัตโนมัติ เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้พักหายใจหายคอ
โดยเฉพาะสถานการณ์ของ “สายล่อฟ้า” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่โดนแรงกระแทกต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี
จังหวะนี้แหละที่ปมแหวนเพชร ประเด็นนาฬิกาหรูจะซาลงชั่วคราว
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่กำลังไหล “เข้าเหลี่ยม” ของขบวนการตามไล่ล่าขุมทรัพย์ จัดหนักปฏิบัติการ “เซตฉาก” ประจาน “พี่ใหญ่” ผู้มากบารมีในทุกวงการ
เขี่ยหัวเชื้ออันตราย ยั่ว “จุดตาย” ปมทุจริต
โดยสถานการณ์ต่อเนื่องมาจากคิวปรับ ครม.ที่เขย่าแล้วเขย่าอีก ยังไง “บิ๊กป้อม” ก็ไม่ร่วง
ภายนอกมองเหมือนเป็น “ตัวถ่วง” แต่ภายในก็แบบที่ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ออกหน้ามาเคลียร์แทน “พี่ใหญ่” ประเด็นแหวนเพชรกับนาฬิกา
กฎหมายว่าอย่างไรก็ไปว่ากันตามขั้นตอน อย่าไปมองในทางที่แย่ทั้งหมด ไปดูข้อกฎหมายก่อน
“สื่อนั่นแหละ หลายคนก็จ้องอยู่เช่นกัน เขาต้องการตีให้แตกออกจากผมก็รู้อยู่”
ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์พูดด้วยว่า “ผมเองก็แข็งแรงเยอะ ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วยก็จะยิ่งดุกว่าเดิม จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่” เหมือนสื่อเป็นนัย การมี “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร มาคอยประคองรัฐบาล จะทำให้การบริหารอำนาจพิเศษเป็นอย่างประนีประนอม ตามสไตล์ “บิ๊กป้อม” ที่กว้างขวางทุกวงการ
นี่คือความจำเป็นที่ทำยังไง “พี่ใหญ่” ก็ไม่หลุดวงโคจรรัฐบาล
“เสี้ยม” ยังไงก็ไม่แตกไม่แยกกัน
3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์กอดคอมาตั้งแต่ต้น ก็ต้องแท็กทีมไปจนจบ
และตามรูปการณ์ที่ฝ่ายคุมอำนาจพิเศษยังล็อกกันแน่น ล้อกับการเดินแผนข้ามชอตไปถึงการคุมเกมอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่านอีกอย่างน้อย 5 ปี ตามเงื่อนไขที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
นั่นก็ทำให้ “นักเลือกตั้งอาชีพ” รุ่นเก๋าลายคราม ระดับนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขยับออกจากมุมที่ซุ่มโป่งมาหลายปี
ประเดิมด้วยมุกร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จี้จุดปมเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.บริหารประเทศมา 3 ปี ทำให้รายได้ต่อครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้และภาคอื่นลดลง
“ตีธง” ให้ลูกข่ายได้รับรู้สัญญาณ การเคาะสนิม หวนคืนเวที
ภายใต้ลีลาเก๋าๆของยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” จับทางได้ เป้าหมายแรกอยู่ที่การทิ่มหมัดตรงเข้าใส่ “จุดแข็ง” แฝงความเปราะบางของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ผลิตซ้ำวาทกรรม ย้ำปมปัญหาปากท้องชาวบ้าน

ตามเหลี่ยมดิสเครดิต ประจานทีมงาน “สมคิด” บ้อท่า
ในสถานการณ์อีกมุมก็เป็นจังหวะเตะตัดขา “สมคิด” ที่กำลังติดลมบน กับการผลักดันภาพรวมทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค ตามสัญญาณเชิงบวกทั้งในมุมของตัวเลขจีดีพี ตัวเลขการส่งออกที่สูงขึ้น รวมถึงล่าสุด เวิลด์แบงก์ได้ประเมินประเทศไทยจะทำให้ฐานคนจนลดลง
เป็นตัวเลขที่มาจากฐานข้อมูล ไม่ใช่แค่ลมปากลอยๆของนักการเมือง
เรื่องของเรื่อง ถ้าปล่อยให้ “สมคิด” เดินหน้าได้ตามเป้ายุทธศาสตร์ โอกาสที่แต้มจะไหลไปทาง “นายกฯลุงตู่” เดินหมากเบิ้ลอำนาจพิเศษช่วงเปลี่ยนผ่านได้สะดวกขึ้น
และจะทำให้นักการเมืองอาชีพทวงเวทีคืนยากไปกันใหญ่
ประกอบกับสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังตกที่นั่งลำบาก ตามสภาวะการกั๊กเหลี่ยมอำนาจชิงการนำพรรคระหว่างทีมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.ที่ส่อเค้าซ้ำรอยประวัติศาสตร์ “กลุ่ม 10 มกรา” ทำพรรคแตก
ยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” เลยต้องกระโดดออกมา “ขัดตาทัพ”
การกลับมาของโคตรเซียนวัยดึก ก็ต้องมีลีลากระตุกเรตติ้งกันตามฟอร์ม
ช็อตเดียวได้หลายเด้ง อีกทั้งการขยับของอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ยังเป็นการนำร่องนักการเมืองอาชีพให้เดินหมากอย่างเป็นระบบในการวัดเชิงกับทหาร
แบบที่นายชวนกดดันเป็นเชิงสอนมวยอย่าเรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อก เพราะจะทำให้ชาวบ้านเบื่อนักการเมือง ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ คสช.ที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม แต่หากการปลดล็อกช้า เกิดปัญหา คสช.ห้ามบอกปัดความรับผิดชอบ
เหมือนจะหมอบ แต่ขู่ กดดัน วัดใจกันในที
ตามเงื่อนสถานการณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” ไม่ตอบโต้ แค่ยอมรับในความหวังดีของนายชวน
นั่นก็เพราะไม่รู้จะมีเหลี่ยมแฝงอะไรสวนมา
ที่แน่ๆในสถานการณ์ต่อเนื่องกับการที่มวยรุ่นเก๋า มวยรุ่นใหญ่ เริ่มขยับออกมาเคลื่อนไหว เปิดเกมวัดใจกับรัฐบาลทหาร คสช. ก็เป็นจังหวะต่อเนื่องกัน

กับประเด็นการ “เซ็ตซีโร่” พรรคการเมืองไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่หมด
ตามรูปการณ์ที่มีการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อโละสมาชิก เริ่มต้นการตั้งพรรคใหม่กันทั้งหมด ไม่ให้เกิดปมเหลื่อมล้ำพรรคใหม่ พรรคเก่า
ส่อเค้าทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป
ว่ากันตามกระบวนการ ไม่น่าจะทันตามปฏิทินที่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำสัญญาณประชาคม จะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2561 และเข้าคูหากาบัตรปลายปี
วนไปวนมา ก็หนีไม่พ้นเข้าเหลี่ยมยื้อเวลาของ คสช.
โดยจังหวะสถานการณ์ เหมือน คสช.ตั้งท่าไปต่อ ท่ามกลางสภาวะ “ขาเดี้ยง” จากการโดน “เจาะยาง” ทั้ง “ขาหลัก” ด้านความมั่นคงคือ “บิ๊กป้อม” และ “ขาค้ำยัน” ด้านเศรษฐกิจอย่าง “สมคิด”
เสี่ยงติดหล่ม ยางแตกได้ทุกขณะ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ภายในประเทศ รัฐบาลทหาร คสช.ต้องเสียอาการทรงตัวเป็นพักๆ
แต่นั่นกลับสวนทางกับเงื่อนไขสถานการณ์ภายนอก เพราะล่าสุดสหภาพยุโรป (อียู) มีมติเห็นพ้องให้ฟื้นคืนการติดต่อทางการเมือง “ทุกระดับ” กับประเทศไทย หลัง จากระงับมานาน 3 ปี เพื่อแซงก์ชั่นกดดันกองทัพที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง
นั่นหมายถึงยุโรปไม่สนสภาวะภายใต้รัฐบาลทหารไทยอีกต่อไป
ตามจังหวะไหลตามเกมของ “พี่เบิ้ม” อย่างสหรัฐอเมริกา ที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ “นายกฯลุงตู่” ผู้นำรัฐบาลทหารของไทย
เจรจาความทางการเมือง ธุรกิจการค้า ความมั่นคง กันอย่างชื่นมื่น
แน่นอน ยุโรปก็ต้องการผลประโยชน์ตรงส่วนนี้เหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งปวงนั่นก็เพราะชัยภูมิที่ตั้งของประเทศไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่อการถ่วงดุลสถานการณ์การเมืองโลกในปัจจุบัน
ชาติมหาอำนาจทั้งตะวันตกและเอเชียจำเป็นต้องพึ่งพาไทยเป็นฐานขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์
นี่คือสถานการณ์ที่เกมอำนาจโลกเอื้อต่อการเมืองแบบไทยๆ
“เสียใน” แต่ “ได้นอก” ถึงตรงนี้มันก็อยู่ที่กึ๋นของรัฐบาล “ลุงตู่” โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “สมคิด” จะหยิบฉวยโอกาสทองได้มากน้อยแค่ไหน
เพราะนั่นจะแปรผันโดยตรงกับสภาวะสู้แรง เสียดทานภายใน
เรื่องของ “เก่งบวกเฮง” ที่มาพร้อมๆกัน มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: