PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เดดล็อกเลือกตั้ง : ผวาวิธีสรรหากกต.ติดกับดักกฎเหล็ก

เดดล็อกเลือกตั้ง : ผวาวิธีสรรหากกต.ติดกับดักกฎเหล็ก


ลุ้นระทึก...! โรดแม็ปจะขยับเลื่อนออกไปหรือไม่
หากแก้ไข พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือการสรรหา กกต.สะดุด
ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งระดับต้นๆของเมืองไทย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ได้แย้มมุมอีกมุมต่อเรื่องนี้ ผ่านการให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง
เริ่มเปิดฉากกระเทาะเปลือกถึงการออกแบบโครงสร้างใหญ่ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้นำไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะมีกลไกทำให้วุฒิสภาเข้ามากำหนดทิศทางของประเทศ 5 ปีข้างหน้า
ถ้ามีเหตุผลต้องการประคับประคองระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ผ่าน ส.ว.ซึ่งมีคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ เป็นกลไกถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากฝ่ายการเมือง เพราะยังไม่ไว้วางใจการเมืองในระยะแรก ก็เป็นเหตุผลที่รับได้
หากการออกแบบโครงสร้างใหญ่ เพื่อต้องการสืบทอดอำนาจ โดยวางหมากกลทางการเมือง เปิดช่องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ประสงค์จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดลงสู่สนามเลือกตั้ง หวังกวาดเสียงข้างมากในรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แบบนี้ไม่เหมาะสม
การออกแบบกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.
โครงสร้างย่อยของกฎหมายลูกแต่ละฉบับมีสาระน่าพิจารณาหลายอย่าง เช่น พ.ร.บ.พรรคการเมืองมุ่งส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง กำหนดให้มีสมาชิกพรรคอย่างแท้จริง เจตนาการออกกฎหมายฉบับนี้ดี แต่สุดท้ายพรรคเล็กที่ไร้ศักยภาพจะล้มหายไปจากระบบ คาดเหลือไม่ถึง 10 พรรค เดิมเรามี 79 พรรคการเมือง ซึ่งอาจจะมีผลดีทำให้พรรคการเมืองพัฒนาสู่การเป็นสถาบันมากขึ้น
แต่ผลกระทบที่ตามมาถือเป็น “ยาขม” ต่อพรรคการเมืองในระยะแรก
ขอย้ำว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง แต่ คสช.กลับไม่ยกเลิกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง
มันสวนทางกัน หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมือง ไม่เข้มแข็งพอเป็นพิธี ไม่เข้มแข็งจริง
ฉะนั้นถ้า คสช.ต้องการให้พรรคเข้มแข็ง ควรเปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้
อย่าหวั่นกลัวจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวายเกิดจากปัจจัยอื่นด้วย ไม่ได้เกิดจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว
ถามว่าถ้าปลดล็อกแล้วพรรคการเมืองจะปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายทันหรือไม่ พรรคที่พร้อมย่อมทำทัน พรรคที่บ่นทำไม่ทันจะทัน แต่พรรคที่คิดว่าทำทันอาจจะไม่มีชื่อพรรคที่ท่านประสงค์ให้ลงเลือกตั้งก็ได้
และประเด็นที่สังคมวิตกว่าถ้าแก้ไข พ.ร.บ.พรรคการเมืองจะทำให้การเลือกตั้งยืดออกไป ขอบอกว่าทันทีที่ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว.ผ่าน สนช. และมีผลบังคับใช้ ไม่มีใครหยุดได้ จะต้องดำเนินการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 150 วัน
ยกเว้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 โดย สนช.3 วาระรวด ง่ายกว่าการใช้มาตรา 44
ส่วน พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการออกกฎหมายไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการที่ดี ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบและอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ เช่น กำหนดให้หมายเลขผู้สมัคร ส.ส.แตกต่างกันในแต่ละเขต เพื่อให้ประชาชนคุ้นเคยกับผู้สมัคร ส.ส.มากกว่าพรรคการเมือง แสดงให้เห็นว่าไม่สนับสนุนให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง พรรคไม่สามารถหาเสียงได้โดยสะดวก
พรรคการเมืองใหญ่ก็จะถูกทำลาย อ่อนแอลง ขัดแย้งกับเจตนารมณ์การออก พ.ร.บ.พรรคการเมือง
เช่นเดียวกับการออกแบบ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง อยู่บนพื้นฐานของความหวาดระแวง ไม่ให้เกียรติ กกต. อาทิ การประชุมพิจารณาเรื่องสำคัญ กกต.ขาดประชุมไม่ได้ ต้องลงคะแนน ถ้าไม่ลงคะแนนให้ลาออก
วิธีคิดเช่นนี้ไม่ให้เกียรติการตัดสินใจของ กกต.
ยังมีข้อปลีก ย่อยอีกหลายข้อที่ตลก เช่น ตลอดระยะ เวลา 7 ปี กกต.ไม่สามารถไปเรียนหลัก สูตรใดๆ ได้ยกเว้นหลักสูตรที่ กกต.จัดขึ้นเอง เพราะหวาดระแวงว่าการไปพบปะผู้คน ไปตีกอล์ฟ จะทำให้ กกต.เอนเอียง ทั้งๆที่การพบปะผู้คนอาจได้ความรู้ใหม่มากขึ้น
บทเฉพาะกาลให้เซ็ตซีโร่ กกต.ชุดปัจจุบันก็เหมือนกัน อ้างเหตุผลว่าคุณสมบัติของ กกต.สูงขึ้น ขอบอกว่าคนที่ออกแบบกฎหมายมีอคติ ขาดความเป็นมาตรฐาน ขัดต่อหลักนิติธรรม เพราะกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นกรรมการองค์กรอิสระแต่ละองค์กรไม่เหมือนกัน
กกต.ชุดนี้สั่งสมการทำงานมา 4 ปี รู้ประเด็นข้อกฎหมาย ประเด็นข้อปลีกย่อยต่างๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งมองเห็นปัญหาการจัดการเลือกตั้งทั้งระบบ ปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง
ถึงเวลาเอาคนใหม่มาเรียนรู้งาน แล้วคนเหล่านั้นจะจัดการเลือกตั้งได้ดีหรือไม่ หรือตกอยู่ภายใต้การครอบงำของสำนักงาน กกต.
ยุคที่ผ่านมา กกต.บางคนติดคุก ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน กกต.บางคน จึงเป็นห่วง กกต.ชุดใหม่ ถ้าไม่แม่นข้อกฎหมาย ตามไม่ทันกลโกงการเลือกตั้ง ตามไม่ทันเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน กกต.บางคน ย่อมมีโอกาสลำบากได้
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ขณะนี้กระบวนการสรรหา กกต.ถูกวิจารณ์ในทางลบและคุณสมบัติของผู้สมัคร กกต.กำหนดสเปกไว้สูงมาก หรือ “สเปกขั้นเทพ” ทำให้มีตัวเลือกน้อย นายสมชัย บอกว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการสรรหาดีหรือไม่ คนที่ได้มาเหมาะสมหรือไม่
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตัวกฎหมาย ออกแบบโดยนักกฎหมายใหญ่ระดับประเทศ จึงเกิดปัญหาตามมา ตั้งแต่กรรมการสรรหา กกต. คุณสมบัติสเปกสูงเท่ากับ กกต.และเหนือกว่า กกต. ซึ่งจะได้คนเกษียณเท่านั้นเข้ามาเป็น
คุณสมบัติของผู้สมัคร กกต.ก็จำกัดคนกลุ่มหนึ่งและเปิดให้คนกลุ่มหนึ่ง เช่น ต้องเป็นหัวหน้าส่วนราชการ 5 ปี ทำให้ชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ได้ระดับ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ รวมถึง ผบ.ตร. มาเป็น กกต.แม้แต่คนเดียว เพราะไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งถึง 5 ปี
เอ็นจีโอ 20 ปีพอมีคนเข้ามาได้ ศาสตราจารย์ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมศาสตร์ก็ยาก แต่เปิดกว้างองค์กรวิชาชีพ ทนายความ ครูสอนหนังสือ แพทย์ วิศวกรรม เภสัชกร สถาปัตย์ ในอนาคตคนกลุ่มนี้จะมาเป็นองค์กรอิสระ
การสรรหาคราวนี้จึงแปลกใจที่ระดับรอง ผบ.ตร.สอบตก แต่ได้ผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามา เพราะคุณสมบัติไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนกี่ปี แต่เป็นครูมา 20 ปีคุณสมบัติครบครัน
กฎหมายฉบับนี้เป็นปัญหาและปัญหายังลามไปถึงที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
เดิมกำหนดให้ลงคะแนนลับ แต่กฎหมายฉบับใหม่กำหนดลงคะแนนโดยเปิดเผย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เนื่องจากปกติอยู่กันอย่างสงบ สามัคคี
แต่เมื่อกำหนดให้ลงคะแนนโดยเปิดเผย จะรู้ว่าใครเลือกใคร อาจจะเกิดแตกแยกในหมู่ตุลาการ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจึงใช้วิธีการลงคะแนนแบบเดิม
เมื่อการสรรหา กกต.หรือการเลือก กกต.ขัดต่อ พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ถ้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายังยืนยันว่าการลงคะแนนโดยเปิดเผยและ สนช.เดินหน้าลงมติเห็นชอบตามรายชื่อที่ได้รับการสรรหา
ในอนาคตย่อมกลายเป็นปัญหาใหญ่ ขอยืนยันเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ
จะส่งผลเสียต่อเกียรติภูมิ สนช.และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
เห็นใจศาลฎีกา แต่เมื่อเป็นกฎหมายก็ต้องดำเนินการตาม ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย ทางออกที่ดีน่าจะจัดประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกใหม่ แม้ล่าช้าแต่ก็ไม่เกิดความเสียหายตามมา
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ถ้าไม่มี กกต.ชุดใหม่ย่อมมีโอกาสทำให้การเลือกตั้งยืดออกไปอีก นายสมชัย บอกว่า ถ้ามีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ส.ส. การสรรหา ส.ว. ในจังหวะที่ กกต.ชุดใหม่ยังไม่มา กกต.ชุดนี้ก็ทำหน้าที่ไป
ยกเว้น กกต.ชุดนี้ไม่พอใจจะทำหน้าที่ต่อไป
อาจขอลาออกแล้วค่อยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่ขอพูดดีกว่ากลัวตื่นเต้นกันทั้งประเทศ.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: