PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

ลุยสุดตัวโดย


ลุยสุดตัวโดย 

ไทยรัฐฉบับพิมพ์


คิดเร็วต้องทำเร็ว คิดใหญ่ ต้องทำใหญ่

ถ้าคิดจะสืบทอดอำนาจ คสช.ไประยะยาวๆ ต้องรีบลุยระยะสั้นๆให้ทันช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งใหญ่ปลายปี

ถ้าเงินไม่มีก็ต้องกู้เงินมาอัดฉีดเพื่อเนรมิตนโยบายในแผ่นกระดาษให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (ต่อยอดโครงการอีสต์เทิร์นซีบอร์ดยุคป๋าเปรม ติณสูลานนท์)

เป็นโครงการโชว์ ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้เป็นใบเสร็จยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยจะก้าวกระโดดครั้งใหญ่หลังจากถอยยาวๆมาเกือบ 10 ปี

ด้วยการทุ่มทุนกว่า 5 แสนล้านบาท สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมไฮเทคครบวงจร เพื่อดึงดูดกลุ่มธุรกิจทั่วโลกให้แห่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย

แถมยกเว้นภาษีระยะยาว พร้อมประเคนสิทธิพิเศษต่างๆให้อย่างจุใจ

เรียกว่าถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ไม่มีข้อเสนอประเทศไหนจะถึงอกถึงใจเท่าข้อเสนอของไทยแน่นอน!!

“แม่ลูกจันทร์” สนับสนุนโครงการ อีอีซี ของ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจรัฐบาล คสช.ด้วยเหตุผล 3 ประการ

1,โครงการอีอีซีจะพลิกเศรษฐกิจไทยให้แข็งโป๊กในระยะยาว
2, จะยกระดับการแข่งขันของไทยให้ทัดเทียมคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน
3, แม้โครงการอีอีซีต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล แต่มีความคุ้มค่ากว่าโครง การกระตุ้นเศรษฐกิจอีลุ่ยฉุยแฉกวูบเดียวหมดไปไม่เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน

ฉะนั้น ถ้าประเมินอย่างเป็นกลาง โครงการอีอีซี แม้ไม่เกิดผลสำเร็จรวดเร็วทันใจอย่างที่รัฐบาลฉายหนังโฆษณา

แต่จะเกิดผลดีอย่างชัดเจนตั้งแต่ 5 ปีจากนี้ไป

และจะเป็นน้ำซึมบ่อทรายให้ตักตวงผลประโยชน์ไปได้อีกไม่ต่ำกว่า 20 ปี 30 ปี!!

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าล่าสุด ดร.สมคิด แม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาลสั่งอัดฉีดงบลงทุนโครงการก่อสร้างพื้นฐาน 5 โครงการจากวงเงิน 5 แสนล้านบาท เป็น 6 แสนล้านบาทให้สุดๆไปเลย

เพื่อเร่งสปีดโครงสร้างพื้นฐานเขตเศรษฐกิจอีอีซีให้มีความพร้อมที่สุดในเวลา 5 ปีจากนี้ไป ได้แก่...
1,โครงการรถไฟความเร็วสูงระยอง–กรุงเทพฯ เชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิสนามบินดอนเมือง–สนามบินอู่ตะเภา
ขีดเส้นตาย ต้องเซ็นสัญญาเริ่มก่อสร้างกลางปีนี้ และต้องเสร็จใน 5 ปี!!
2,โครงการขยายสนามบินอู่-ตะเภา ให้รองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี
ขีดเส้นตาย ต้องเซ็นสัญญาในเดือนกันยายนปีนี้ และต้องเปิดบริการใน 5 ปีจากนี้ไป
3,โครงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมเครื่องบิน เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางซ่อมเครื่องบินพาณิชย์แห่งใหม่ของเอเชียขีดเส้นตาย...จะเร่งประมูลคัดเลือกบริษัทเอกชนในเดือนพฤษภาคมและต้องเสร็จเปิดบริการได้ภายใน 3 ปี
4,โครงการพัฒนาท่าเรือมาบ-ตาพุดระยะ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางทะเล
ขีดเส้นตาย ต้องเริ่มสร้างสิ้นปีนี้ และต้องเสร็จภายใน 6 ปี
5,โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 ให้รองรับตู้คอนเทน-เนอร์เพิ่มได้ถึง 15 ล้านบีทียูต่อปี
ขีดเส้นตาย ต้องเริ่มคิกออฟภายในปีนี้และต้องเสร็จภายใน 6 ปี

ทำให้ประเทศไทยมีท่าเรือใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 ของอาเซียน เท่ากับมาเลเซียและสิงคโปร์

ต้องขีดเส้นตายขู่ไว้...ไม่ให้เช้าชามเย็นชาม.

"แม่ลูกจันทร์"

ไม่มีความคิดเห็น: