PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

ปิดฉาก คสช.โค้งสุดท้ายท้าทายอำนาจ คสช. : ปลุกพลังประชาธิปไตย

ปิดฉาก คสช.โค้งสุดท้ายท้าทายอำนาจ คสช. : ปลุกพลังประชาธิปไตย


จากลูกชาวบ้านไต่เต้าถึงจุดสูงสุดในตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้ยังโลดแล่นอยู่ในวงการเมือง

บุคคลคนนั้นคือ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัยและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง

โดยสะท้อนถึงการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนในภาพรวม เริ่มตั้งแต่โครงการถนนสี่ช่องเจราจรทั่วประเทศที่เริ่มในสมัยผม แต่รัฐบาลบางยุคมีนโยบายพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ
จังหวัดที่ไม่เลือกเอาไว้ทีหลัง ในที่สุดสภาพถนนสี่ช่องจราจรภาคใต้มันก็เลวร้ายที่สุดในอาเซียน เพราะในสมัยนั้นใครจัดสรรงบประมาณไปที่ภาคใต้จะถูกย้าย ทำให้ข้าราชการกลัว

ผมก็ขอร้องข้าราชการระดับสำนักนายกรัฐมนตรีช่วยค้นข้อมูลย้อนหลังว่า งบประมาณที่ซ่อมถนนในแต่ละพื้นที่ได้เท่าไหร่ ปรากฏว่าถนนทั่วประเทศยาวประมาณ 66,000 กิโลเมตร ส่วนใหญ่แต่ละภาคถูกจัดงบประมาณลงไปตามความยาวของถนน ยกเว้นภาคใต้

เป็นที่มาของการทำจดหมายถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำให้เขาตื่นตัว แต่จดหมายฉบับหลังมันเป็นเหตุการณ์ที่เราติดตามประชาชนที่ลำบากทุกภาค โดยเฉพาะภาคใต้ เห็นชัดเมื่อยางพาราราคาตกต่ำ และรัฐบาลประกาศจะเพิ่มรายได้เพื่อข้ามให้พ้นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
แต่รายได้ต่อครัวเรือนดูแล้วลดลงและยังเจาะลึกตัวเลขลงเป็นรายจังหวัด ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลที่หนักใจอยู่แล้วจะรู้ตัวเลขลึกอย่างที่เราเห็นหรือไม่ จะมีเวลาดูไหม เชื่อว่าไม่มีเวลาดู เห็นได้จากที่คุณสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ) พูด ผมยังรู้สึกว่าพูดเหมารวม ไม่ได้ดูตัวเลขรายละเอียด
รวมถึงแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ รัฐบาลไม่มีคนมีความรู้เรื่องนี้เท่าที่ควร รัฐบาลมีมาตรการอะไรออกมาไม่ควรไปบอกว่าราคายางจะขึ้นเท่านั้นเท่านี้ เพราะขณะนี้ 67 จังหวัดของไทย ประเทศในอาเซียนและจีนล้วนปลูกยาง

ชาวสวนยางต้องยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลง ต้องปรับตัว อย่าไปหวังให้ราคาขึ้นอย่างเดียว ขอสนับสนุนปรับโครงสร้างอาชีพเสริมด้านอื่นตามที่รัฐบาลเสนอตั้งแต่เข้ามา

และเราคิดเพื่อชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านอยู่ไม่ได้นักการเมืองก็ถูกวิจารณ์ ต้องเป็นปากเสียงแทน จะไปหวังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่ไม่รู้ปัญหา ก็พูดได้ไม่เต็มคำ

เราอยู่กับชาวบ้านต้องสะท้อนปัญหาผ่านจดหมายส่งต่อถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ไม่เคยหยุดนิ่ง บ้านเมืองยามนี้ชาวบ้านหวังพึ่งพา จะมาเดินขบวนก็ถูกรัฐบาลเล่นงาน

ฉะนั้น ขอให้รัฐบาลใจกว้าง อย่ามองข้อเสนอนี้เป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลเหมือนได้เครื่องมือในการหาข้อมูล ข้อมูลบางอย่างอาจจะดีกว่าข้อมูลทางราชการด้วยซ้ำไป

ขอให้เอาข้อมูลเหล่านี้ไปเป็นประโยชน์ เชื่อว่าจะลดช่องว่างระหว่างชาวบ้านกับรัฐบาลได้

เราจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างชาวบ้านกับรัฐบาลได้ระดับหนึ่ง ไม่ให้ชาวบ้านเป็นปฏิปักษ์

ปัญหามีอยู่ทุกภาคทั้งภาค ขอให้รัฐบาลรับรู้ลงไปช่วยพัฒนา ไม่เช่นนั้นนโยบายของรัฐบาลจะไม่เกิดผล
สุดท้ายจะก้าวข้ามประเทศรายได้ปานกลางไม่ได้ และยังสะดุดล้มลงอีก

อยากเรียนรัฐบาลว่า รัฐบาลทุกชุดใครทำดีไม่ดี ใครโกงไม่โกง วันข้างหน้าก็จะออกมา

เช่นเดียวกัน รัฐบาลนี้ในวันข้างหน้าจะได้พิสูจน์เมื่อพ้นจากตำแหน่ง จะถูกตรวจสอบเข้มข้นขึ้น ถึงแม้มี สนช. แต่ไม่มีการตรวจสอบ เหมือนเป็นพวกเดียวกัน ไม่เหมือนรัฐบาลจากการเลือกตั้งจะเหนื่อยและหนัก เพราะถูกตรวจสอบทุกขั้นตอน

ขณะเดียวกัน ทหารเข้ามาสามปีเศษ คนทำผิดเริ่มติดคุก กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ อันนี้เป็นผลงานของกระบวนการยุติธรรม ผิดต้องว่ากันไปตามผิด ถูกต้อง ถูกวิธี

ชาตินี้ปรองดองนั้นมันไม่ได้ทำให้ผิดหรือถูก ถูกหรือผิด แต่ต้องทำให้ผิดคือผิด ถูกคือถูก อย่าทำอะไรเป็นข้อยกเว้น เช่น เพื่อสร้างความปรองดอง ทำผิดไปแล้วยกโทษให้เถอะ มันไม่ได้

ทิศทางของบ้านเมืองดีขึ้นถ้ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ปกครองด้วยกฎหมายบนหลักความยุติธรรม แต่การปกครองทุกระบบมันมีจุดแข็ง จุดอ่อนทั้งสิ้น เกือบ 4 ปี สิ่งที่รัฐบาลได้ส่งสัญญาณไปสู่ประชาชนมันเหมือนลบความสำคัญของประชาธิปไตย ถึงขั้นบางครั้งมองว่าประชาธิปไตยเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศอันนี้ไม่จริง

กว่า 80 ปีที่เราตัดสินใจปกครองบ้านเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีปัญหาตลอดเวลา หนักบ้างเบาบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของรัฐธรรมนูญ มันเกิดจากพฤติกรรมของคน

“ไม่มีระบบอะไรเหนือไปกว่ากระบวนการที่ประชาชนตัดสินด้วยตัวเอง ผมเรียนเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้คนในประเทศมีความชินชา มีความรู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกท้อแท้กับระบอบประชาธิปไตย ปัญหาย่อมมีเป็นธรรมดา คนที่จะแก้ปัญหาต้องสู้กับปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา”

ไม่มีการปกครองใดจะให้สิทธิประชาชนเทียบเท่าระบบนี้ ปัญหาคือ เราสนใจเรื่องสิทธิของประชาชนหรือไม่ หรือเราคิดว่าประชาชนต้องอยู่ภายใต้ สั่งเมื่อไหร่ต้องทำ ไม่มีสิทธิโต้เถียงหรือวิจารณ์ เราจะเอาอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย มันเป็นกองทหาร พลทหาร สั่งขวาหันได้ ประชาชนไม่ใช่อย่างนั้น
อยากให้ประชาชนส่วนใหญ่มีกำลังใจกับระบอบประชาธิปไตยว่าเราต้องข้ามอุปสรรคปัญหา ความไม่กลัวปัญหาและข้ามให้ได้ด้วยวิธีการเข้าไปเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้น แล้วจะทำให้บ้านเมืองเราไปในทิศทางประชาธิปไตย เคารพสิทธิถือว่าประชาชนคือเจ้าของประเทศ อำนาจประชาธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย

ระบบนี้อาจจะไม่มีจุดแข็งทั้งหมด มีจุดอ่อนคือ ระบบการเมืองที่ไม่สุจริต การทุจริตไม่ได้เกิดจากการเมืองฝ่ายเดียว ต้องไปแก้ไขโดยทำให้องค์กรทั้งหลายมีการตรวจสอบและบทลงโทษที่เข้มข้นขึ้น
ขอย้ำให้ประชาชนอย่าไขว้เขวว่าประชาธิปไตยถ่วงความเจริญของบ้านเมือง เป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ ทั้งที่ระบบพรรคการเมืองก็เป็นระบบสากล พรรคการเมืองก็ต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบ ถ้าพรรคทำพฤติกรรมไม่ดี พรรคนั้นจะเสื่อมเสีย หัวหน้าพรรคก็ต้องบอกลูกพรรค เดี๋ยวประชาชนจะไม่เลือกเรา
ต้องระมัดระวัง ในอนาคตพรรคเล็กจะเกิดขึ้นและเชื่อว่าจะล้มหายไปเหมือนในอดีตเพราะสวนหลักความเป็นจริงของประชาธิปไตยไม่ได้

ทีมข่าวการเมือง ถามว่าเริ่มต้นปีแห่งการปฏิรูปประเทศ มีความเป็นห่วงอะไรเป็นพิเศษ นายชวน บอกว่า การปฏิรูปจะต้องทำตั้งแต่เริ่มต้น ความจริงน่าจะเสร็จแล้ว ตอนนี้ย่างเข้าปีที่ 4 ก็เห็นความตั้งใจที่มีการศึกษาว่าปฏิรูปอะไรบ้างต้องรอดู แต่กลัวว่าระลึกได้ว่าจะทำอะไรก็หมดวาระไปแล้ว วันนี้ประชาชนอาจจะสนใจการปฏิรูปน้อยลง

ความจริงการปฏิรูปคือหัวใจของการยึดอำนาจตอนแรก คำถามนี้ต้องย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ปฏิรูปอะไรบ้าง เวลาที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร

“ปัญหาต่อไปคืออยู่ยาวเท่าไหร่ นี่คือปัญหา......รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถอยหลัง รัฐธรรมนูญมักจะมีบทเฉพาะกาลเขียนเพื่อประโยชน์ของผู้ยึดอำนาจหลังใช้รัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1 สมัย แต่ไม่ถึงกับเขียนผูกมัด 8 ปี 10 ปี เขียนบทเฉพาะกาลผูกมัดไว้ไกล

สวนทางกับอดีตที่เราใช้คำว่าพรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค หรือสนับสนุนให้พรรคการเมืองมีไม่มากเกินไป แต่กลับส่งเสริมให้มีพรรคเล็ก ชัดเจนมากที่นายสมคิดไปบรรยายแนะนำให้ช่วยกันตั้งพรรคการเมืองให้มากๆ

เป็นการส่งสัญญาณชัดตามลำดับว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อ เจตนารมณ์คงไม่หวังพึ่งพรรคใหญ่ หวังพึ่งพรรคเล็ก 2-5 พรรคไม่พอ ต้องเก็บหอมรอมริบ เพื่อเกื้อหนุนให้ใครก็ได้ที่เขาต้องการ ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ในขณะนี้

ทั้งหมดไม่มีอะไรแน่นอน โรดแม็ป กติกา หรือความต้องการอาจจะเปลี่ยนได้ถ้าเป็นมติของผู้มีอำนาจและ สนช. วันนี้เราอาจจะไปประเมินชัดเจนทีเดียวคงไม่ได้ ต้องรอความรู้สึกความต้องการนาทีสุดท้าย ความต้องการคืออะไร จะจัดการให้เปลี่ยนแปลงด้วยวิธีไหน ต้องดูต่อไป”

แต่มันชัดเจนขึ้นทุกทีที่ประกาศชื่อเรื่องพรรคมาก็เป็นจริง เพราะคนในพรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกทาบทาม ไม่ผิด แต่มันเหมาะหรือไม่เท่านั้นเอง

จะทำอะไรต้องคิดถึงหลักและความถูกต้อง

วันนี้ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ แต่ในอนาคตเขาจะวิจารณ์

เหมือนทำอะไรไม่สุจริตในวันนี้ การตรวจสอบอาจจะยาก

เมื่อหมดอำนาจแล้วไปห้ามไม่ได้จะยิ่งรุนแรงขึ้นทุกกระเบียดนิ้ว.

ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: