PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

ลอต 3 มาแรง

ลอต 3 มาแรง



คดีทุจริตเงินทอนวัด โดนกวาดล้างไปแล้ว 2 ลอต รวมเบ็ดเสร็จ 35 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 200 ล้านบาท
ลอตแรก ตรวจพบทุจริตเงินทอนวัด 12 วัด มูลค่าความเสียหาย 60 ล้านบาท มีข้าราชการโดนเช็กบิล 8 คน แถมพลเรือน ติดร่างแหอีก 1 คน
ลอตสอง ตรวจสอบพบทุจริตเงินทอนวัด อีก 23 วัด มูลค่าความเสียหาย 141 ล้านบาท มีข้าราชการโดนเช็กบิล 13 คน พระ 4 รูป และพลเรือนติดหางว่าวอีก 2 คน
ล่าสุด “พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” ผอ.พุทธศาสนาแห่งชาติ เดินหน้าลุยคดีทุจริตเงินทอนวัดลอต 3 ฉลองเทศกาลสงกรานต์
โดยนำหลักฐาน การทุจริตเงินทอนวัด เพิ่มอีก 10 วัด ประเมินมูลค่าความเสียหาย 70 ล้านบาท ไปแจ้งความ ปปป. และ ป.ป.ช. กล่าวโทษพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถึง 5 รูป
ข้อหามีส่วนร่วมสนับสนุนการทุจริต งบส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ทำให้ ราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
โอย...ผ้าเหลืองร้อนฉ่าซะแล้วโยม
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า พระราชาคณะที่ถูก ผอ.สำนักพุทธฯแจ้งความเช็กบิลข้อหามีส่วนร่วมสนับสนุนการทุจริตเงินทอนวัดทั้ง 5 รูป ล้วนเป็นพระเถระผู้ใหญ่ มีญาติโยมนับถือมากมาย มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง
ข้อสำคัญ มีถึง 3 รูปที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) องค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุดชุดปัจจุบัน
แถมทั้ง 3 รูป มีสมณศักดิ์สูงสุดอันดับ 3 อันดับ 5 และอันดับ 7 ที่จะได้รับเลื่อนชั้นขึ้นเป็น “สมเด็จ” ในอนาคตอีกไม่ไกล
ยิ่งกว่านั้น ทั้ง 5 รูปยังครองตำแหน่งเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่เกรดเอใน กทม. ทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย
แถมเป็นเจ้าคณะภาค 4 เจ้าคณะภาค 5 เจ้าคณะภาค 10 และเจ้าคณะกรุงเทพฯ ปฏิบัติหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ทั่วประเทศไทย
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า การที่พระเถระ ชั้นผู้ใหญ่ชื่อเสียงโด่งดังทั้ง 5 รูป ต้องถูกกล่าวหาว่ามีส่วนสนับสนุนขบวนการทุจริตเงินทอนวัดลอตที่ 3
ยังไม่ได้เริ่มขบวนการสอบสวนตามขั้นตอน
ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป มีความผิดตามข้อกล่าวหาจริง
ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รูปยังมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้มีส่วนร่วมทุจริตแม้แต่นิดเดียว
เพราะตัวแสบที่สมคบคิดทุจริตเงินทอนวัดตัวจริง คือข้าราชการ และอดีตข้าราชการระดับสูง ที่ใช้อำนาจหน้าที่ฉ้อฉลโกงเงินหลวง สำหรับปฏิสังขรณ์วัด และสนับสนุนการศึกษาพระเณรเถนชีไปเข้ากระเป๋าตัวเอง
ส่วนวัด และพระที่ได้รับจัดสรรงบ สนับสนุนตะหากที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ และกลายเป็นเหยื่อถูกทุจริตเสียเอง
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า ประเด็นนี้สามารถพิสูจน์หลักฐานได้ 2 ทาง
1,งบอุดหนุนวัดที่มีการทุจริต เจ้าหน้าที่ สำนักพุทธฯเป็นผู้ดำเนินการจัดไปถวายวัดเองใช่หรือไม่??
ถ้าใช่...จะหาว่าพระรู้เห็นเป็นใจร่วมทุจริตก็ไม่แฟร์
เพราะฝ่ายข้าราชการชงเองกินเอง
2, งบอุดหนุนที่สำนักพุทธฯจัดถวายวัด ถูกโอนไปเข้าบัญชีใคร??
ถ้าโอนไปเข้าบัญชีวัดทุกบาททุกสตางค์ก็ไม่ผิดปกติ
แต่ถ้าโอนเข้าบัญชีส่วนตัวพระ... ก็ส่อทุจริตเต็มเปา
สรุป...ทุจริตเงินทอนวัดไม่ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย
แค่ตอบโจทย์ 2 ข้อเท่านั้นเอง.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: