PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

ปมแฝง 'เครื่องดูดฝุ่น'

ปมแฝง 'เครื่องดูดฝุ่น'



ตบปาก ไม่ให้ด่าตีกินฟรีกันง่ายๆอีกต่อไป
จับอาการที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. สั่งให้ฝ่ายกฎหมายไล่เช็กบิล “แจ็คผู้ฆ่าลุงกำนัน” นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าสำนัก “ข่าวไม่ได้กรอง” โทษฐานที่ปูดตัวเลขกลมๆ 40,000 ล้านบาท ทุนตั้งพรรคทหาร
ตามพฤติการณ์สะสมชอบตีปี๊บปมทุจริตกระแทกรัฐบาล ตีกินแล้วก็เงียบหายไป
ยิ่งในจังหวะที่นายวัชระโผล่มาร่วมแห่ ตามขบวนที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำลังเดินหน้านำลูกหาบปั่นกระแสดูด ผลิตวาทกรรม “ตกเขียว” เขย่าพรรคการเมืองใหม่
สไตล์ยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่ถนัดเตะตัดขา “เจาะยาง” คู่แข่งที่จะมาแย่งพื้นที่
งานนี้ถ้า “ลุงตู่” ยอมเป็นเป้านิ่ง ไม่ตอบโต้อะไรก็เท่ากับยอมรับสภาพที่ทีม “อภิสิทธิ์” ป้ายสีให้ สุดท้ายก็ติดเนื้อล้างไม่ออก สังคมเชื่อตามลมปากช่างทาสียี่ห้อประชาธิปัตย์
ฟอร์มเดิมพรรคทหารใช้เงิน อำนาจ กวาดต้อน ส.ส.ไปสู่จุดจบไม่สวย
“ลุงตู่” เป็นมวยพอที่จะเด้งเชือกออกจากมุม
อีกจุดที่แฝงอยู่ในคำพูดคมๆของ “นายกฯลุงตู่” ที่สวนหมัด “อภิสิทธิ์” เลยว่า ไม่ใช่เครื่อง “ดูดฝุ่น”
โดยนัยนั่นหมายถึงไม่ดูดขยะปฏิกูล ของโสโครกโสมม
อารมณ์เหมือนจงใจเปรียบกับนักการเมืองน้ำเน่าพันธุ์เก่า ไม่เอามาสังฆกรรม
และในคราวเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ก็แบะท่าเปิดทางเป็นนัย พร้อมดึงนักการเมืองน้ำดี ที่แสดงบทบาทว่าจะร่วมกันพัฒนาประเทศ ทำเพื่อประเทศชาติ
เพื่อโอกาสเดินหน้าปฏิรูป ไม่ทำการเมืองแบบเดิมๆ
เสริมกับปรากฏการณ์ที่แต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะเจ้าตัวอาสาใช้ความชำนาญในพื้นที่ภาคตะวันออกช่วยประสานโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมกะโปรเจกต์เรือธงของ
รัฐบาล
สถานการณ์บ่งชี้ “ลุงตู่” ฉลาดพอที่จะไม่ย่ำรอยเดิมไปสู่จุดตาย
แม้โดยรูปเกมมันยังวนอยู่ในระบบนิเวศการเมืองแบบไทยๆที่หนีไม่พ้นระบบอุปถัมภ์
เงื่อนไขบังคับการก่อกำเนิดป้อมค่ายการเมืองใหม่ จำเป็นต้องพึ่งนักการเมืองเก่าที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อเป็นหลักประกันแต้มชัวร์ไม่ให้วืดเป้าจั่วลม
ต้องเดินหมากตามทฤษฎีขนมชั้นของ “ทักษิณ ชินวัตร”
แบบที่ไม่มีการบอกปัดบ้านใหญ่นครปฐม ตระกูลสะสมทรัพย์ที่ถูกทาบร่วมทีมหนุน “ลุงตู่”
ในอารมณ์อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเป็นทำนองออกตัว นักการเมืองหลายคนอาจอยากทำความดี แต่มันทำดีไม่ได้ ท้ายที่สุดถูกนโยบายพรรค ถูกอะไรต่างๆมันทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลง เลยเสียไปหมด
นี่คือจุดที่หัวหน้า คสช.พยายามสะท้อนจุดแตกต่าง
เปิดทางให้ตัวเองเป็นเชิงต้องอาศัยกระบวนการเข้าสู่อำนาจแบบวังวนเดิมๆ
หักมุมจากอดีตที่ทำนักการเมืองผิดเพี้ยนไป เพราะหัวขบวนอาศัยเหลี่ยมการเมือง สร้างฐานอำนาจเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจกินรวบประเทศไทย นักเลือกตั้งอาชีพกลายสภาพเป็นลูกจ้างบริษัทไม่กล้าหืออือ
เพราะกลัวโดนไล่ออกหมดอนาคต
หัวหด จำใจต้องทำตามใบสั่ง ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด เหตุที่มาทำให้การเมืองวิกฤติ
นักการเมืองจึงถูกเหมาเป็นผู้ร้าย
แต่ถึงวันนี้ “ลุงตู่” เปิดโอกาสให้กลับตัวกลับใจ เปิดทางให้นักการเมืองออกจากบริษัทจำกัด กลับมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เป้าหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศ
ล็อกกรอบให้การเมืองกลับมาอยู่ในร่องในรอย
โดยที่ “ลุงตู่” ไม่มีเหลี่ยมแฝงผลประโยชน์ทางธุรกิจ กินรวบประเทศไทย
แต่นั่นก็หมายเหตุไว้ เลือกเฟ้นเอาเฉพาะน้ำดี พวกที่ยังพอกลับตัวกลับใจได้
ส่วนพวกตัวแสบที่กู่ไม่กลับแล้ว ก็ไม่เสี่ยงเอามาสังฆกรรมให้โดนด่า
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เปิดให้ขยับแข้งขยับขา ปล่อยให้
โชว์หน้าโชว์ตา ออกฤทธิ์ออกเดชกันเต็มที่ ใครถือหางฝั่งไหน ใครซ่า ห้าวเป้งยังไง
หน่วยสแกนท็อปบูต “ล็อกเป้า” ไว้หมดแล้ว
แนวโน้มอันดับแรก พวกที่มีแผล มีชนักปักหลัง ติดคดีความอาญา คดีเลือกตั้ง คดีทุจริตคอร์รัปชัน และยังแสดงตัวแสดงตนเป็นกองกำลังสำคัญของ “นายใหญ่”
รอลุ้นเป็นผู้โชคดีทางบ้านได้ มีของแจกแน่.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: