PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

น.3คอลัมน์ : วัดค่า พลอยเสีย จาก ปฏิบัติการ ‘ดูด’ เครือข่าย คสช.

น.3คอลัมน์ : วัดค่า พลอยเสีย จาก ปฏิบัติการ ‘ดูด’ เครือข่าย คสช.


เหมือนกับความสำเร็จในการใช้ “พลังดูด” เป็นตัวอย่างจากกรณี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และพวก จะส่งผลสะเทือนต่อพรรคเพื่อไทยโดยตรง
แต่เอาเข้าจริงๆ “ความสำเร็จ” นี้ก็มีผล “ข้างเคียง”
ประการแรกสุดก็คือ ทำให้บทบาทของพรรคในเครือข่าย “คสช.” อื่นๆ ต้องย้อนกลับมาทบทวนตนเองอย่างจริงจัง
เนื่องจาก “เป้าหมาย” การดูดนั้นสร้างความสะเทือนใจ
คิดดูก็แล้วกันว่า บรรดาคนที่เคยเข้าร่วมเป่า “นกหวีด” ในห้วงแห่งการชัตดาวน์อย่างที่เรียกว่า “มวลมหาประชาชน” จะรู้สึกอย่างไร
เพราะว่าที่ดังก้องตอนนั้นคือ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
แล้วทำไปทำมาจากเดือนพฤษภาคม 2557 มาถึงเดือนพฤษภาคม 2561 พวกเขากลับได้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กลับได้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มาเป็นรางวัล
แถมยังได้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จากพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
บรรดา “มวลมหาประชาชน” ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง สื่อมวลชน จำนวนเรือนล้านคงอยากรู้ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คิดอย่างไร นายไพบูลย์ นิติตะวัน คิดอย่างไร
ตรงนี้ย่อมนำไปสู่ผลข้างเคียงประการที่ 2
นั่นก็คือ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคเครือข่าย “คสช.” อย่างพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลังชาติไทย พรรคทางเลือกใหม่ และพรรคพลังธรรมใหม่ เป็นต้น ได้เกิดความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เพราะว่าบทบาทของพรรคพลังประชารัฐเปิดกว้าง โอ่โถง
สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผย โดยเฉพาะในการเข้าไปทาบทามบรรดาอดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองอันเป็นเป้าหมายได้อย่างเต็มที่
ปฏิบัติการเช่นนี้น่าจะได้รับ “ไฟเขียว” ตลอดแนว

เพียงการเคลื่อนพลจากท่าอากาศยานเลยไปยังรีสอร์ตซึ่งยื่นหมูยื่นแมวระหว่างกันและกันหนทางก็โล่งอย่างราบรื่น
ใครเห็นคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทาง “โซเชียลมีเดีย” ย่อมชัดถนัดตา
ปรากฏการณ์เช่นนี้อย่าว่าแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลย แม้กระทั่งปัญญาชนซึ่งเปี่ยมด้วยความสุขุม คัมภีรภาพระดับ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ย่อมรู้สึก
รู้สึกในระยะ “ห่าง” ที่มีต่อ “คสช.”
ความหมายก็หมายความว่า ในบรรดา “พรรค คสช.” ด้วยกัน พรรคพลังประชารัฐดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น “วงใน” มากกว่า
พรรคอื่นๆ จึงย่อมอยู่ในแบบ “วงนอก”
แม้ว่าเมื่อนำไปเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังชล อาจถือได้ว่า “พรรค คสช.” เป็นเนื้อในของ คสช.มากยิ่งกว่า
แต่ทั้งหมดนี้ย่อมเทียบกับ “พรรคพลังประชารัฐ” ไม่ได้เลย
เหมือนกับบทสรุปเช่นนี้จะเป็นเงาสะท้อนแห่งอารมณ์ริษยาแบบละครหลังข่าว แต่ในระยะยาวอาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
เป็นผลเสียกับ “คสช.” ไม่ใช่ใคร
จึงมีความจำเป็นที่ คสช.จะต้องจัดลำดับ วางระยะห่างระหว่างพรรคในเครือข่ายมิได้ดำเนินไปอย่างแตกต่างมากนัก
เพื่อมิให้เกิดความน้อยใจอันอาจจะนำไปสู่การกระทบกระทั่งในทางความคิดและในทางการเมือง
การบริหาร “เสน่ห์” จึงยิ่งจำเป็นสำหรับ “คสช.”

ไม่มีความคิดเห็น: