ปมร้อน การเมือง แก้ ไม่แก้ ‘รัฐธรรมนูญ’ ปม ‘อนาคตใหม่’
ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
เผยแพร่ |
ยิ่งจะทำให้ปัญหา “รัฐธรรมนูญ” กลายเป็นประเด็น
ต่อกรณีที่ “นักการเมือง” จากบางพรรคออกมาแสดงความเป็น “ผู้อาวุโส” เตือน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ด้วยความรำคาญ
ราวกับว่า 2 คนนี้เป็นเด็ก
ก็จะนำไปสู่คำถามที่ว่า นักธุรกิจระดับ “หมื่นล้าน” อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือเป็นเด็กนักวิชาการระดับดอกเตอร์อังดรัวจากฝรั่งเศสอย่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือเป็นเด็ก
และคำถามก็จะย้อนกลับไปยังบรรดา “เฒ่าทารก” ทั้งหลายโดยอัตโนมัติ
การเสนอประเด็นในเรื่อง “รื้อสร้าง” เพื่อนำไปสู่การสถาปนารัฐธรรมนูญ “ใหม่” โดยพรรคอนาคตใหม่ จึงกลายเป็นเรื่องร้อน
นับวันจะยิ่ง “ร้อน” และ “แหลมคม”
แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะผ่านประชามติมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 แต่ถามว่าผู้คนมีความรู้สึกและตั้งข้อสังเกตอย่างไรต่อการดำรงอยู่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
คำถามนี้ไม่เพียงแต่ตัว “รัฐธรรมนูญ”
หากแต่ยังย้อนกลับไปยาวไกลถึงกระบวนการในระหว่างการทำ “ประชามติ” ด้วยว่าดำเนินไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่
คสช.จะตอบคำถามต่อ “คดี” ที่มีอยู่ใน “ศาล” อย่างไร
เพราะความเป็นจริงที่เห็นและเป็นอยู่อย่างทนโท่ก็คือ มีแต่ฝ่ายที่ต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้
ตรงกันข้าม หากไม่ต้องการให้ผ่านก็จะประสบปัญหานานาประการ
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นข้อเสนอตามบทบัญญัติของ “รัฐธรรมนูญ” อีกด้วย
ถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะใช้คำว่า “ฉีก” ต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แต่ความเป็นจริงก็คือ เขาต้องการแก้ไข และยืนยันเป็นการแก้ไขตามหลักแห่งกฎหมายที่มีอยู่
นั่นก็คือ ตามหลักที่กำหนดไว้ใน “รัฐธรรมนูญ” เอง
เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นพรรคการเมือง กระบวนการรณรงค์และเคลื่อนไหวก็ต้องสร้างความเห็นร่วมเพื่อให้ได้รับ “ฉันทานุมัติ” จากประชาชน
พรรคอนาคตใหม่มิได้ทำแบบที่ “นักรัฐประหาร” ชอบทำกัน
ขั้นตอน 1 คือ ความเห็นชอบจากประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง หากประชาชนเห็นด้วยก็เลือกพรรคอนาคตใหม่ หรือเลือกพรรคที่มีแนวทางเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่
ขั้นตอน 1 คือ นำเอา “ฉันทานุมัติ” นี้เข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา
นี่คือแนวทางที่เป็น “อารยะ” ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวทาง “อนารยะ” โดยการลากปืนและรถถังออกมาทำรัฐประหารแล้วฉีกทิ้ง
ตรงนี้ต่างหากคือ “วิธีการ” ตรงนี้ต่างหากที่ “สำคัญ”
เชื่อได้เลยว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปประเด็นอันเกี่ยวกับ “รัฐธรรมนูญ” จะกลายเป็นเรื่องราวซึ่งถกเถียงกันในหมู่ประชาชนและพรรคการเมือง
แต่ละพรรคจะมี “ท่าที” อย่างไรต่อ “รัฐธรรมนูญ”
แน่นอน ท่าทีนั้นย่อมจะแตกออกไปเป็น 2 แนวทาง นั่นก็คือ แนวทาง 1 เห็นว่ารัฐธรรมนูญมีความยอดเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องไปแตะ อีกแนวทาง 1 เห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา จำเป็นต้องแตะ
ท่าที 2 ท่าทีนี้แหละจะอยู่ในสายตาประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น