PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เกษม อัชฌาสัย:การทหารย่อมไม่หน่ายอุบาย

INEWHORIZONขอบฟ้าใหม่
เว็บไซต์ว่าด้วยความหลากหลายแห่งความรอบรู้ เพื่อวิทยาทาน
สบาย สบาย สไตล์เกษม :"การทหารย่อมไม่หน่ายอุบาย"
เกษม อัชฌาสัย
ขอออกตัวไว้ก่อนว่า เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ขึ้นกับอยู่กับการคาดการณ์ทั้งหมด เป็นเพียงความพยายามที่จะอ่านสถานการณ์บ้านเมืองให้กระจ่างชัด จะผิดหรือจะถูกอย่างไร โปรดพิจารณาด้วยครับ
จากกรณีตำรวจพร้อมอาวุธบุกจับสึก”หลวงปู่พุทธอิสระ”ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ากระทำหยาบคายเกินความจำเป็น ว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนั้น ส่งให้เกิดเสียงต่อต้านตำรวจดังขรมระงมไปทั่วทิศ ไม่ยอมหยุด ในสื่อต่างๆ ทั้งสื่อกระแสหลักและกระแสรอง โดยเฉพาะในสื่อสังคม เช่น”ไลน์”และ”เฟซบุ๊ก”
ส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงรัฐบาลคสช.ในแง่ความน่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงมิได้
ที่สำคัญ เป็นการบ่อนทำลายความนับถือถือในตัวพล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและตอกย้ำให้สังคมไทย เกิดความแตกร้าว แยกย่อยกันมากขึ้นโดยวิวาทะและความเชื่อ ทำให้ยากที่จะปรองดองกัน ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ก่อให้เกิดความสงสัยใคร่รู้ว่า “ใครสั่ง”และ”ทำไม”จึงต้องเกิดตอนนี้ด้วย
ที่ว่า”ใครสั่ง”นั้น ไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์นายกรัฐมนตรี หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงปลอดภัย หรือพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีส่วนรู้เห็น หรือสั่งการเอง เพราะทั้งสามท่านนี้ น่ามีความใกล้ชิดกับ”หลวงปู่พุทธอิสระ”ซึ่งเห็นได้จากกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันในอดีต ตลอดจน”หลวงปู่พุทธอิสระ”ก็สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่มีข้อกังขา
เมื่อเกิดปฏิกิริยาต่อต้านหนักขึ้น ทั้งนายกฯและรองนายกฯ ก็ได้แต่กล่าวว่า”ขอโทษ”เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่ว่ากระไร นอกเหนือไปกว่านั้น
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่พล ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอสั่งการให้ใช้วิธีเช่นนี้
ตอบว่าเป็นไปได้ หากจะต้องมีผู้รับรู้ด้วย อย่างน้อยก็ต้องรัฐมนตรีมหาดไทย เพราะพล.ต.อ.จักรทิพย์ยืนยันว่าการบุกจับ เป็นไปตามยุทธวิธี เพียงแต่ประชาชนไม่คุ้นชิน กับวิธีการเท่านั้น
นั่นก็แสดงว่า ทางตำรวจตระหนักว่า “จะเกิดปฏิกิริยาอะไร”ตามมา เมื่อตำรวจนั่นเอง ที่เปิดเผยคลิปการบุกจับในรายละเอียดอย่างจงใจ ก่อให้เกิดปฏิกิริยา”ตีกลับ”ตำรวจโดยรวมอย่างดุเดือดและต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของฝ่ายตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องตั้งคำถามว่า”ทำไม”
ตอบว่าเป็นไปได้ว่า ตำรวจแพร่ข่าวนี้เพื่อ”กลบข่าว”การจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่มากๆ ในข้อหา”เงินทอน”อีกห้ารูปในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างกว้างขวาง แต่ปรากฏว่าพระผู้ใหญ่ชั้น”พรหม”สองรูป หลบหนีไปได้ ซึ่งเข้าใจว่า”ข่าวรั่ว” เฉกเช่นกรณีพระธัมมชโยที่กระทำ”ยมกปาฏิหาริย์”หายตัวไป
กล่าวคือ ตำรวจคงเกรงว่า จะเกิดปฏิกิริยาที่อาจรุนแรงต่อเนื่อง จากลูกศิษย์ลูกหาพระชั้นผู้ใหญ่ เช่นที่เกิดกับศิษยานุศิษย์ของ”ธัมมชโย” จึง”สร้างข่าวจับ”หลวงปู่พุทธอิสระ”ให้ใหญ่โต หมาย”กลบกระแส” แม้ท่านเป็นพระธรรมดาๆไม่มีสมณศักดิ์ แต่ก็มีลูกศิษยลูกหาเยอะแยะและสังคมเห็นใจ
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การบุกจับกุม”หลวงปู่พุทธอิสระ”อีกนัยหนึ่งก็เพื่อประจานให้อับอาย เป็นการ”เอาคืน”ของตำรวจ ในกรณีที่การ์ด(การชุมนุมต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์) จับได้ตำรวจนอกเครื่องแบบที่”แจ้งวัฒนะ”ในปี ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เพียงเพื่อความสะใจของ”ตำรวจมะเขือเทศ”บางนายบางกลุ่ม
ก็เป็นได้อีก
แต่ถ้าหากถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวของกับ”ทักษิณ”ยุแยงจะแคงรั่วหรือไม่
ตอบว่าน่าจะ”ใช่”หาก”ทักษิณ”มีสายข่าวตำรวจ ที่มีความสามารถสั่งการได้ในบางระดับ หวัง”ทำลายความน่าเชื่อถือในรัฐบาลคสช.และของพล.ประยุทธ์เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต
ถามว่า”หลวงปู่พุทธอิสระ”ยอมทำร้ายตัวเอง ด้วยการยอมให้ควบคุมโดยละม่อม ไม่ขัดขืนใดๆ เพื่อให้การจับกุมพระผู้ใหญ่รูปอื่นๆ ราบรื่นหรือไม่ เพราะท่านเอง ก็แสดงเจตนาชัดเจนก่อนหน้านี้หมายช่วยชำระสะสางพุทธศาสนาให้เป็นที่ประจักษ์โดยเฉพาะในกรณี”ธรรมกาย”
ตอบว่าย่อมเป็นไปได้ แต่ท่านจะไม่พูดตรงๆออกมาหลังโดนจับกุม ข่าวออกมาตอนแรกๆ จึงทำให้ดูเหมือนว่าท่านเกี่ยวข้องกับคดี”เงินทอน”ด้วย
ข้อเขียนทั้งหมดนี้ เป็นเพียง”มองตามข่าว” มิได้เป็นการวิเคราะห์เจาะลึกแบบนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญอะไรทั้งสิ้น
“การทหารย่อมไม่หน่ายอุบาย”
คือถ้อยคำที่ “โอ้ว ทิ ฮวย”กล่าวเตือนเอาไว้ ในหนังสือเรื่อง”ชอ ลิ้ว เฮียง”ตอนศึกวังน้ำทิพย์(ฉบับปรับปรุงใหม่)
จึงใคร่หยิบยกมาเตือนต่อว่า จะทำอะไรกันในบ้านเมืองนี้ ก็พึงต้องพิจารณากันให้รอบด้าน ด้วยความรอบคอบ มิเช่นนั้น จะส่งให้เกิดผลลบต่อส่วนรวมได้ โดยคาดไม่ถึง
Facebook Comments

ไม่มีความคิดเห็น: