PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

แค่อย่าสะดุดขาตัวเอง

แค่อย่าสะดุดขาตัวเอง



ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น
แบไต๋ไม่กั๊ก ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. เปิดทางนำร่องล่วงหน้า พร้อมจัดเต็มคิวเดินสายต่างจังหวัดนับแต่นี้เป็นต้นไป
ไม่สนเสียงวิจารณ์ ครม.สัญจร เดินสายดูด ส.ส.
ต่อให้นักการเมืองยี่ห้อเพื่อไทย ค่ายประชาธิปัตย์ โหวกเหวกโวยวายจนคอแตก
ก็ไม่มีผลแต่อย่างใด
เพราะถึงยังไงบวกลบคูณหารแล้วมันก็ได้มากกว่าเสีย
กับมุก ครม.สัญจรเก็บแต้มสะสม ทีมงาน “นายกฯลุงตู่” ใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบเข้าถึงเกาะติดพื้นที่ อัดฉีดงบประมาณและโครงการช่วยเหลือแบบยิงตรงถึงประชาชนตามภาคต่างๆ หาเสียงด้วยงบประมาณแผ่นดินอย่างชอบธรรม
นายกฯเอาของไปมอบให้ถึงบันไดบ้าน ใครบ้างไม่ชอบ
เอาเป็นว่า ประมวลผลตอบรับทางการเมืองจากการประชุม ครม.สัญจรที่ผ่านมา นับตั้งแต่คิวแรกที่ประเดิมกันจังหวัดสุพรรณบุรีจนมาถึงคิวจังหวัดอุบลราชธานี ที่เปิดให้นักการเมืองเข้าร่วมเวที
มันคือ “อีเวนต์การตลาด” ที่สร้างกระแสให้ “นายกฯลุงตู่” แบบได้เนื้อได้หนัง
เบียดกระแสรัฐบาลชิงพื้นที่ข่าวได้ทุกครั้ง
ในฉากบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกว่า กำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผู้คนในสังคมรับรู้หมดแล้วว่า “นายกฯลุงตู่” จะตีตั๋วไปต่อภายใต้ยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เป็นฐานสนับสนุน
และถึงจะโดนประจานเกมดูด ดักคอดักทาง
แต่ถึงเวลาก็มีนักการเมืองในพื้นที่ทุกป้อมค่ายเปิดหน้าเปิดตัวออกมาต้อนรับนายกฯและ ครม.
นั่นก็เพราะมันคือภาพที่ชาวบ้านประชาชนในพื้นที่เฝ้าจับตาดูบรรดาว่าที่ผู้แทนฯ ของตัวเอง จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน มีบทบาทในการผลักดันโครงการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่อย่างไร
หรือจ้องแต่จะเล่นเกมการเมือง ฝักใฝ่แต่การแบ่งสี แยกขั้วอำนาจ
ถ้าโจมตีด่าทอท่าเดียว ไม่สนใจ ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลแม้ในมุมที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้าน
พานเจอกระแสตีกลับหน้าม่านเอาง่ายๆ
โดยสถานการณ์ลากถูมาถึงตรงนี้ มันก็อย่างที่ “นายกฯลุงตู่” สะท้อนความมั่นใจผ่านการปราศรัย “ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ผมยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ไปได้ทุกที่ ยิ่งมีคนเกลียด ผมก็ต้องวิ่งไปหา ใครจะไม่ชอบผมก็ไม่เป็นไร แต่ทหารทุกคนรักชาวบ้าน ทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีตอนนี้เราแบ่งฝ่ายกันไม่ได้”
อารมณ์ใกล้เคียงกับที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม แสดงความมั่นใจหลังการลงพื้นที่ตรวจงานการดูแลความมั่นคงในจังหวัดอุบลราชธานี
เรียบร้อยดี ไม่มีความขัดแย้ง พร้อมที่จะมีการเลือกตั้ง
“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ประสานเสียงพร้อมลุยทุกพื้นที่ ทีม คสช.คุมเกมความมั่นคงได้ เอาเกมการเมืองอยู่
“นายกฯลุงตู่” แรงไม่ตก สถานการณ์เป็นใจ ปัจจัยเอื้อให้ตีตั๋วต่อ
ในจังหวะที่คู่แข่งส่อแพ้ภัยตัวเอง ทั้งเพื่อไทยที่คะแนนนิยมยังนำ แต่วิบากกรรมหนักอึ้ง แม่ทัพนอมินียังหาไม่ได้ ขณะที่ประชาธิปัตย์เร่งเครื่องไม่ขึ้น หล่นไปอยู่อันดับสามตามหลังยี่ห้อ “พลังประชารัฐ”
เรียกว่า “ตัด” คู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อออกไปได้
ไฟต์เดิมพันอำนาจเลือกตั้ง “ลุงตู่” อย่าสะดุดขาตัวเองหัวทิ่มเป็นพอ
ตามสภาพหัวเชื้อ “สนิมเนื้อใน” ที่แฝงอันตรายอยู่ตลอดเวลา
ล่าสุดกับสถานภาพของ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กำลังเผชิญกระแสคลื่นใต้น้ำกระแทกเข้าใส่อย่างเงียบๆ แต่หนักหน่วงและรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ
จากควันหลงคำสั่งโยกย้าย “ฮีโร่หมูป่า” นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร จากผู้ว่าฯเชียงราย ลดชั้นไปนั่งเป็นผู้ว่าฯพะเยา แบบขัดสายตาผู้คนในสังคม
อธิบายยากกับประเด็นเหตุผลความชอบธรรม
อะไรก็ไม่เท่ากับมีการขยายผลในสื่อค่ายพันธมิตรฯ กัดติดปมลึกลับซับซ้อน ขุดเบื้องหน้าเบื้องหลังการโยกย้าย “พ่อเมืองน้ำดี” เพราะขวางลำ “ลูกชายขาใหญ่” ขายตั๋วโรงไฟฟ้าขยะ
ตามทิศทางกระแส มีโอกาสไหลไปถึงจุดยากฝืนชะตาฟ้าลิขิต
โดยรูปเกมบีบไฟต์บังคับก่อนเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องปรับ ครม.อีกรอบ ผ่องถ่ายสัมภาระ
ลดโหลดให้ “ลุงตู่” ไปต่อแบบเบาตัว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: