ไทยนิยมยั่งยืน : เสียงสะท้อนจากท้องถิ่น
ผู้เขียน | สัญญา รัตนสร้อย |
---|
ยกเครดิตให้กับประชาชน 3 หมู่บ้าน ชาวต.น้ำจวง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ประชากรประมาณ 4 พันคน
พวกเขาทำประชาคมตัดสินใจ เอายังไงกับงบประมาณ 2.8 ล้านบาทกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน
ภายใต้โครงการย่อยที่มีชื่อว่า “ท่องเที่ยวโอท็อป นวัตวิถี”
เป้าหมายเสริมแกร่งเศรษฐกิจชุมนุม ผ่านภาคท่องเที่ยวและสินค้าโอท็อป
คนน้ำจวงลงความเห็นด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ ขอส่งเงินก้อนนี้คืนหลวงด้วยความเกรงใจ
เอาไปให้ถิ่นอื่นที่ต้องการ จะเป็นประโยชน์กว่า
เหตุผลแสนง่ายประสาชาวบ้าน “เกาไม่ถูกที่คัน”
เขาคิดตรงกัน ต้องการสิ่งจับต้องได้ ถาวรยั่งยืน มองเห็นอนาคต
ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา
ปรับปรุงถนน ขอแค่ซื้อหินคลุกไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
สร้างห้องน้ำห้องส้วมตามแหล่งท่องเที่ยวที่น่าจะเป็นจุดขาย
โชคไม่ดีสิ่งที่ “ใช่” ตรงข้ามกับสิ่งที่ฝ่ายราชการตีกรอบ ท่านบอกให้เอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายอบรมสัมมนา ฝึกฝนพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
ไปเรียนรู้การจัดการ ศึกษาดูงาน ปั้นสินค้าโอท็อปออกมาขายนักท่องเที่ยว
ชาวบ้านที่นั่นสงสัย สมมติรู้การตลาด รู้ความต้องการผู้บริโภค รู้ผลิตสินค้าดีมีคุณภาพ
ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานตามจำเป็น
โหมประโคมแหล่งท่องเที่ยว สินค้าโอท็อปที่สู้อุตส่าห์ผลิตกันมา
เอาไปขายใคร?
เรื่องของเรื่อง ไม่ควรด่วนสรุปกันแบบ “ไก่” กับ “ไข่” อะไรเกิดก่อน
แต่โจทย์อยู่ที่ว่า ไล่ตั้งแต่รัฐบาลลงมาถึงระดับปฎิบัติ “เข้าใจ เข้าถึง เข้าพัฒนา” รู้ความต้องการแต่ละพื้นที่กี่มากน้อย
หรือแค่รับนโยบาย ผลักงบประมาณ เปิดโครงการ แล้วปิดจ๊อบกันไป
ไม่ต่างกับแจกเบ็ดให้ไปตกในบ่อที่ไม่มีปลา
“หัวมังกุท้ายมังกร” ทำนองนี้ พนันกันสิบเอาหนึ่ง เชื่อเหลือเกินว่าไม่ใช่ชาวน้ำจวงเดี่ยวไมโครโฟนอยู่เจ้าเดียว มีอีกไม่รู้อีกร้อยกี่พันชุมชนก็ตกที่นั่งเดียวกัน
เพียงบางพื้นที่ก็เกรงใจเจ้านาย
หรือไหนๆงบประมาณหล่นมาแล้ว เอาไว้ก่อนดีกว่าปล่อยทิ้งตกน้ำ
ชั่วดีถี่ห่างยังไง เดี๋ยวท่านก็จัดมาอีก วนกันไป
ต้องขอบคุณชาวบ้านน้ำจวงสะท้อนรูปธรรมปัญหา
ไม่รู้ได้ให้บทเรียนใครบ้างหรือเปล่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น