PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ก้าวข้ามทักษิณ สร้างภูมิโปร่งใส

ก้าวข้ามทักษิณ สร้างภูมิโปร่งใส



“ประยุทธ์” มั่นใจเปิด “ไต๋” เปลี่ยนผ่านอำนาจ
กระแสฤดูมรสุมปกคลุมประเทศไทย
ในสถานการณ์ที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนประชาชนภาคเหนือ อีสาน เตรียมรับมือฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เบบินคา” ที่เคลื่อนตัวเข้าประเทศเวียดนาม
ตามสภาพการณ์ที่หลายจังหวัดต้องเผชิญภาวะน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม
ภัยธรรมชาติยุคภูมิอากาศโลกเปลี่ยน หนักหน่วงรุนแรงขึ้นทุกขณะ
และก็ถือว่าตั้งรับสถานการณ์ได้ดี รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แสดงให้เห็นศักยภาพในการบริหารจัดการภัยพิบัติฉุกเฉิน
แบบที่เห็นมีระบบเตือนภัยล่วงหน้า ระบายน้ำในเขื่อนก่อนเกิดพายุฝน การประกาศแนะนำให้ชาวบ้านใต้เขื่อนขนของขึ้นที่สูง หรือถ้าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม น้ำป่า ดินโคลนถล่ม กองทัพ หน่วยราชการพลเรือน ประชาชนจิตอาสา ก็พร้อมเข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
สะท้อนประสิทธิภาพเชิงบวกยุครัฐบาลอำนาจพิเศษ
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ปลายทางโรดแม็ปที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ
ล่าสุดมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 1.นายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธาน กกต. 2.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ เป็น กกต. 3.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย เป็น กกต. 4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี เป็น กกต. 5.นายปกรณ์ มหรรณพ เป็น กกต.
กกต.ชุดใหม่ เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
ในจังหวะใส่เกียร์ถอยทันทีทันควัน นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อขอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงยืนยันชัด
ภายหลังโปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่ เรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายลูก กกต.ก็น่าจะจบแล้ว
เป็นอันว่า ปัจจัยแทรกเลือกตั้งก็ถูกปลดชนวนไป
และเป็นอะไรที่ต่อเนื่องกันตามเงื่อนไขสถานการณ์ ตามคิวที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามสื่อมวลชน
เป็นเชิงตัดบท ทนการรบเร้าของนักข่าวไม่ไหว
แบไต๋เดือนกันยายนจะหงายไพ่ บอกอนาคตการเมือง
เบื้องต้น “ลุงตู่” บอกใบ้แค่จะไม่ลงสมัคร ส.ส. แต่จะอยู่อย่างไรให้ดูตามรัฐธรรมนูญ
แกะรอยตามสูตรนี้ มันก็ตรงกันกับกระแสที่ออกมาก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์จะรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งแท่นกุนซือป้อมค่ายการเมืองใหม่ถอดด้าม
พร้อมใส่ชื่อเป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกพรรค
และในจังหวะใกล้เคียงกันกับที่นายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เตรียมนัดประชุมพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคช่วงปลายสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน
ห้วงเวลาคาบเกี่ยว มันจะโยงกันหรือไม่
ที่แน่ๆหลายฝ่ายแทงหวยแล้ว คำตอบคือ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วไปต่อแน่
และเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดที่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ
นั่นหมายถึงมั่นใจแล้ว “ไม่เสียของ”
ทีมอำนาจ “ประยุทธ์” ต้องชัวร์แล้วว่าเอายี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” อยู่
ถึงแม้จะอยู่ในห้วงสถานการณ์แบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผูกปีแพ้มา ยังยอมรับสภาพตรงๆเลยว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยฐานเสียงยังแน่น
“นายใหญ่” ยังประกาศลูกทีมจะชนะแบบหิมะถล่ม
“นายกฯลุงตู่” พร้อมวัดดวง สวนกระแสนักการเมืองอาชีพ
เรื่องของเรื่อง ในอารมณ์ “ทักษิณ” พูดปลุกใจลูกพรรค “อภิสิทธิ์” ก็ปล่อยข้อมูลลอยๆ
อย่างเก่งก็ทำได้แค่มโนอยู่ข้างสนาม
แต่ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่” คือผู้เล่นในสนาม ที่เล่นไปแก้เกมไป วางหมาก อุดช่องโหว่ เสริมจุดแข็ง
เดินยุทธศาสตร์จนมั่นใจแล้วจึงประกาศหงายไพ่
ตามฉากที่ “นายกฯลุงตู่” นำคณะชุดใหญ่เดินสายจัดประชุม ครม.สัญจรแทบจะสัปดาห์เว้นสัปดาห์ กระจายทั่วทุกภูมิภาค ประกาศชัดยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งต้องจัดโปรแกรมลงพื้นที่ถี่ยิบ
ได้อกได้ใจอารมณ์ลูกทุ่งแบบ ไทยๆ นายกฯเอาของไปเสิร์ฟถึงหัวบันไดบ้าน
อีกด้านก็เป็นมือหนึ่งการตลาดอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ที่กดปุ่มปล่อยสารพัดมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจฐานราก
อุ้มปากท้องเกษตรกรยากจนคนมีรายได้น้อย
ไล่ตั้งแต่พักหนี้เกษตรกร 3 ปี อัปราคาข้าวไม่ต่ำกว่าโครงการรับจำนำ บัตรสวัสดิการประชารัฐรักษาฟรี คืนแวตผู้มีรายได้น้อย เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา บ้านราคาถูกขายคนจนยูนิตละไม่เกิน 1 ล้าน ฯลฯ
ในสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมที่ฉุดกระชากลากถูจากศูนย์เพราะวิกฤติความแตกแยกทางการเมืองกลับมาติดลมบน พื้นฐานแข็งแกร่งไม่แกว่งตามเศรษฐกิจโลก
ยืนยันได้ด้วยตัวเลขมาตรฐานจากการสำรวจทั้งองค์กรต่างประเทศและในประเทศ ประกอบกับเนื้องานที่จับต้องได้ เมกะโปรเจกต์ที่ตอกเสาเข็มคืบไปกว่าครึ่งโครงการ ไม่ว่าจะเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) รถไฟไทย–จีน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟฟ้าสารพัดสีในกรุงเทพฯและปริมณฑล ฯลฯ
ผลงานแน่นกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง ผิดฟอร์มรัฐบาลทหาร
แถมออปชันพิเศษ แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม นำทีมฝ่ายความมั่นคงไปแจกโฉนดที่ดินทำกินและทรัพย์สินคืนให้ชาวบ้านในจังหวัดอุดรธานี จากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน
คสช.ไล่ทุบนายทุนเงินกู้หน้าเลือดที่ผูกขาดอิทธิพลทางการเมือง
ตามท้องเรื่อง ทีมงาน “ลุงตู่” ยิงตรงซื้อใจผู้มีรายได้น้อย ฐานคะแนนใหญ่ของประเทศ
น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน หัวใจอ่อนๆของคนจนไม่แกว่งให้รู้ไป
ยังมีอีเวนต์เก็บแต้มรายวัน สถานการณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ขึ้นรถไฟฟ้า ลงเรือตรวจระบบขนส่งมวลชนในเมืองกรุง แก้ปัญหารถติดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า
โชว์ลูกขยันต่อเนื่อง สะท้อนความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาตลอด 4 ปีของรัฐบาล คสช.
มันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะใช้ปืนจี้หรือกำลังสั่งได้ กับปรากฏการณ์คะแนนนิยม “นายกฯลุงตู่” นำโด่งเป็นที่หนึ่งแทบทุกโพล คนอยากให้เป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง
ในจังหวะสถานการณ์เทียบกับโจทย์สำคัญอีกฝั่ง
สังเกตได้ว่า เกมโลกล้อมประเทศไทย มุกเก่ง “ทักษิณ” ชักไม่เข้าเป้าเหมือนเก่า
ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ผู้นำทหารของไทย ไปเยือนมาแล้วทั้งทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี. จับเข่าผู้นำสหรัฐฯ และบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ลอนดอน บ้านพักนายกฯอังกฤษ รวมถึงทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส กรุงปารีส
ทูตชาติตะวันตกเข้าพบ “บิ๊กตู่” แบบรายวัน เงื่อนไขต่างประเทศเจือจาง
อีกทางเงื่อนไขภายในประเทศก็เจอวิกฤติ “ท่อน้ำเลี้ยงอุดตัน”
ทั้งโดนฝ่ายคุมเกมอำนาจตามไล่บี้ไล่บล็อก แบบที่คำสั่งมาตรา 44 เด้ง พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นเก้าอี้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แบบกะทันหัน
เบื้องหลังว่ากันว่า หย่อนยานไล่อุดเส้นทางเงินเครือข่าย “นายใหญ่”
ไหนจะติดอาการกั๊กหัวจ่าย แบบที่ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ออกมาบอกปัดกระแสข่าวดันลูกชายเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุคนอมินีรุ่นสาม
ตามเหลี่ยมไม่ยอมเปิดยุ้งข้าว ปล่อยเสบียงเลี้ยงนกแลนกเอี้ยง
นั่นย่อมส่งผลต่ออิทธิฤทธิ์ของเพื่อไทย ฐานเสียงในสนามเลือกตั้งพลังถดถอย ตามสภาพคู่แข่งสำคัญอย่าง “ทักษิณ” ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป ก้าวข้ามไปได้
“นายกฯลุงตู่” ถึงได้มั่นใจได้เวลาแบไต๋ยุทธศาสตร์ตีตั๋วต่อ
ซึ่งโจทย์ใหญ่จริงๆของ “นายกฯ ลุงตู่” มันอยู่ที่ไปต่ออย่างราบรื่นแค่ไหนต่างหาก
จากรูปการณ์จุดที่จะสะดุดขาตัวเองมันก็มีอยู่ที่ปัญหาเดียว “ปมด้อย” ที่ยังสลัดไม่หลุด
“เพื่อนพ้องน้องพี่” ยังโดนล็อกเป้าโฟกัส
สถานการณ์แบบที่ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร ไม่มีชื่อเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ชุดใหม่ ก็ถูกตีความเพราะปัญหานาฬิกาหรู
“เพื่อนรัก” อย่าง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ก็ถูกตั้งแง่ระแวงความโปร่งใสในโปรเจกต์ที่รับเป็นโต้โผใหญ่จัดซื้อเรือประมงออกนอกระบบ แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
แต่อาการหนักสุดก็คือ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กำลังโดนโรงไฟฟ้าขยะถล่มทับ เหนื่อยกับการเคลียร์กระแสลูกชายเข้าไปเอี่ยวโครงการฉาว
โยงต่อเนื่องมาจากการเด้งนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร จากผู้ว่าฯเชียงรายไปลดชั้นเป็นผู้ว่าฯพะเยา
เป้าตำบลกระสุนตก หนีไม่พ้นโดนไล่บี้ตามถล่ม
นักการเมืองทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์รู้อารมณ์จุดอ่อนของ “ลุงตู่” ที่ประกาศไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์หลังเลือกตั้ง ไร้มาตรา 44 เป็นเกราะกำบังกาย
ภูมิคุ้มกันโปร่งใสเท่านั้นที่จะช่วยให้ “ลุงตู่” อยู่รอดปลอดภัย.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: