PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เข้าทาง “ลุงตู่” หมดแล้ว

เข้าทาง “ลุงตู่” หมดแล้ว



ในที่สุดก็ต้องถอนคันเร่ง
คิวที่ 36 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดย นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช. ยกธงขาวถอนร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
หลังถูกกระแสต่อต้านหนักจากผู้ใหญ่ใน สนช.และกระแสสังคม ไม่แฮปปี้ปมรื้อ 616 ผู้ตรวจการเลือกตั้ง
ตามแนวโน้มที่ประเมินแล้วไปต่อลำบาก ในภาวะที่กำลังถูกปั่นกระแสให้เป็นการยื้อโรดแม็ปเลือกตั้งออกไปจากเดือน ก.พ.ปี 2562
และกำลังลามเข้าเนื้อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ถูกหางเลขรู้เห็นเป็นใจถ่วงเวลาเลือกตั้ง ในฐานะต้นขั้วแม่น้ำร่วมสาย
จำเป็นต้องดับไฟแต่ต้นลม เบรกอภินิหารทางกฎหมายให้หายคาใจโรดแม็ปคืนอำนาจประชาชน
ในห้วงที่กลิ่นอายเลือกตั้งโชยชัดเจนยิ่งขึ้น หลังได้ 5 เสือ กกต.ชุดใหม่เข้าประจำการ นั่งทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ รอเข้าสู่โหมดหย่อนบัตรลงคะแนน
สอดรับการเร่งตีปี๊บผลงานของ “ลุงตู่” ที่มาถึงคิวสำรวจความทุกข์คนเมืองกรุง ขึ้นรถไฟฟ้า-ลงเรือ และตรวจตราสภาพการจราจร กทม.
หาวิธีเชื่อมโยงระบบขนส่ง “ล้อ–ราง–เรือ” ขีดเส้น 3 เดือน คลี่คลายวิกฤติจราจร แก้ปัญหารถติดใน กทม.ที่ขึ้นชื่อสาหัสที่สุดในโลก
ตลอดจนการจัดระเบียบรถนำขบวนของ ครม. และ คสช. ปรับรูปขบวนใหม่ ให้ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ให้เว่อร์เกินไป จนถูกหมั่นไส้
และเตรียมกวาดแต้มไปต่อ รอลงพื้นที่ ครม.สัญจร จ.ชุมพร-ระนอง สัปดาห์หน้า มัดจำชาวบ้านทุกภาค
โดยได้ตัวช่วยอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โหมแก้ปัญหาหนี้นอกระบบทั่วประเทศกว่า 9 แสนราย
ไล่ทุบแก๊งเงินกู้นอกระบบ ทวงคืนโฉนดที่ดินให้ชาวบ้านที่ถูกนายทุนยึดโดยไม่เป็นธรรม
เช่นเดียวกับ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กำลังขับเคลื่อนโปรเจกต์ไทยนิยมยั่งยืน โค้งสุดท้ายใส่เกียร์เดินหน้าโครงการแก้จนและพัฒนาคุณภาพชีวิต 81,151 ชุมชน
ตามความต้องการคนในพื้นที่
สามพี่น้องแท็กทีมปั่นแต้ม หันมาเน้นผลงานที่จับต้องเป็นรูปธรรมชัดเจน อาทิ แก้ปัญหารถติด หนี้นอกระบบ และความยากจน
ขยายฐานสู่ระดับรากหญ้า ต่อจากเศรษฐกิจระดับบนที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปั่นเมกะโปรเจกต์ วางระบบโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการเติบโตของประเทศระยะยาว
วางรากฐานรอ “ลุงตู่” แต่งตัวลงสนามในเดือน ก.ย.นี้ จะเลือกเส้นทางกลับเข้าสู่อำนาจด้วยวิธีใด
ดึงจังหวะ อาศัยความได้เปรียบจากการควบคุมอำนาจรัฐ ตุนกระแส–กระสุนเต็มหน้าตัก
ประคองตัวรอลงสนามในห้วงที่เหมาะสม ไม่เสี่ยงเปิดตัวเร็ว ให้บอบช้ำก่อนเวลา
อย่างที่เห็น “ลุงตู่” โชว์แอ็กชันลงพื้นที่ทำแต้มฝ่ายเดียว ผิดกับคู่แข่งสำคัญ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ที่ขยับตัวลำบาก เพราะยังไม่มีการคลายล็อกการเมือง
ท็อปบูตคอนโทรลแรงเสียดทานจากทุกค่ายการเมืองได้อยู่หมัด
แม้แต่ค่ายกองหนุนชั้นดีอย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ยังหัวคะมำ
ถูก ป.ป.ช.เงื้อลงดาบคดีก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง และแฟลตตำรวจ 163 แห่ง รอไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้า
ต้องลุ้นระทึกจะเอาตัวรอดได้หรือไม่
ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ “ลุงกำนัน” ต้องหวั่นไหว ตั้งธงโดนแอบเจาะยางทางการเมือง
อดระแวงไม่ได้ที่คดีถูกดองอยู่ใน ป.ป.ช.7 ปี จู่ๆถูกทลายต้นทุน เล่นงานในช่วงกำลังก่อร่างสร้างตัว ตั้งพรรคน้องใหม่
เจอเตะตัดขาหงายท้องในช่วงทาบทามคนดีเด่นดังมาร่วมทีม และระดมหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามเป้า
มองในมุมไหนกระทบภาพลักษณ์ คะแนนนิยม ที่เคยป่าวประกาศจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง เน้นความสุจริต ไม่โกงกิน เป็นจุดขาย
ไปๆมาๆกลับมามีตำหนิ เสียราคาตั้งแต่ก่อนลงสนาม จะเคลื่อนไหวต่อรองอะไรก็ไม่ค่อยมีน้ำหนัก
ขึ้นชื่อเรื่องลูกเขี้ยวอย่าง “เทพเทือก” เจอเหลี่ยมนี้เข้าไปก็ไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ละค่ายมีแผล ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย รูปเกมไหลเข้าทาง “ลุงตู่” เต็ม.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: