PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

ลูกเขี้ยวของพวกตัวแปร

2 ขั้วใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” เปิดประชุมเป็นทางการ ปรับระเบียบยกร่างข้อบังคับพรรคใหม่ แกนนำและสมาชิกพรรคขยับตัวเอิกเกริก ไม่ต้องลับๆล่อๆซุ่มคุยกันเหมือนที่ผ่านมา
ถือโอกาสเช็กขุมกำลังไปในตัว ใครยังอยู่หรือใครหมดใจ
ภายหลัง 2 ค่ายใหญ่ตกอยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด ไพร่พลในสังกัดหอบกระเป๋าหนีออกจากพรรค ไม่ฟูลทีมเหมือนเก่า
บรรยากาศทวีความเข้มข้น ปรอทการเมืองพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างที่เห็นช็อตรุ่นลายครามของ “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย กระโจนรุมสกรัม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. หลังประกาศตัวสนใจการเมือง
ร่วมทริปจัดหนักรับน้องใหม่ทันที ตั้งแต่ยังไม่ได้ใส่เสื้อทีม เกทับล่วงหน้าแต้มต่อ 250 ส.ว.ในมือ ไม่ได้ช่วยให้บริหารประเทศได้ ท้ายสุดต้องมีอันเป็นไป
เขี่ยลูกเปิดศึกท้าทาย “ลุงตู่” ที่สวนคืนทันควัน ไล่ “ป๋าเหนาะ” ให้ไปพักผ่อน แก่แล้ว อย่ามาดูถูกคนไทย
“บิ๊กตู่” ไม่ยอมถูกรุมกินโต๊ะฝ่ายเดียว สาดหมัดตอบโต้ กล้าเปิดหน้าท้าแลกหมัดลุยเต็มที่ ไม่เกี่ยงน้ำหนักจะเป็นรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่
สะสมชั่วโมงบินมา 4 ปีเต็ม มาถึงวันนี้แอ็กชัน ลีลา ท่าทางสะท้อนให้เห็นความมั่นใจ กล้าชนแรงเสียดทานจากทุกสารทิศ
อย่างที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เอ่ยปากสนับสนุน “น้องเล็ก” ต่ออายุอำนาจ เพื่อไม่ให้เสียของ
โดยพี่ใหญ่ขอหลีกทาง ไม่ลงสนามต่อ วางตัวเป็นกองหนุนช่วยงานการเมืองอยู่ข้างหลัง
เลี่ยงการเป็นตำบลกระสุนตกให้เส้นทางไปต่อของ “น้องเล็ก” เจออุปสรรค
นาทีนี้ “บิ๊กตู่” พร้อมลุยไฟเป็นนักการเมืองมืออาชีพอย่างเป็นทางการแล้ว
ผิดกับสถานการณ์ฝั่งลูกทีม “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ที่นั่งกันไม่ติด เห็นอาการแกว่งมากขึ้นเรื่อยๆ หนาวๆร้อนๆไม่รู้จะโดนยุบพรรครอบสามหรือไม่
จากท่าทีเปิดทางถอยไปตั้งพรรคเพื่อธรรม วางศูนย์บัญชาการที่ภาคเหนือ เป็นอะไหล่สำรอง กันเหนียวไว้เป็นทางออกฉุกเฉิน
ตามกระแสข่าววางตัว “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม เป็นสาขาพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ
แตกตัวเป็นพรรคปลีกย่อยในภูมิภาคต่างๆ แบ่งงานกันทำ พรรคเพื่อไทยคุมโซนภาคอีสาน ภาคเหนือมีพรรคเพื่อธรรม จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้บริการพรรคประชาชาติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
เดินตามยุทธศาสตร์แยกกันเดิน รวมกันตี ปรับกลยุทธ์สู้ความแรงของพรรคพลังประชารัฐเต็มที่ เพื่อช่วงชิงการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
โดยมีตัวแปรชี้ขาดคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่แผ่วไปดื้อๆ เรตติ้ง “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค หล่นวูบไปอยู่ที่ 4 ตามหลัง “ลุงตู่” และ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลายช่วงตัว
ผลโพลชี้แพ้แม้กระทั่งเด็กฟันน้ำนมการเมืองอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ต้องปรับจูนถ่ายเลือดใหม่กันวุ่นวาย เผลอๆอาจถึงขั้นโค่น “เดอะมาร์ค” ลงจากตำแหน่งหัวขบวน
อีกพรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ “ภูมิใจไทย” ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เดินสายดูดอดีตผู้แทนแบบเงียบๆ แต่แรงเกินพิกัด
ล่าสุดทำบิ๊กเซอร์ไพรส์เป็น “ตาอยู่” ฉกตระกูลดังแห่งนครปฐม “สะสมทรัพย์” จากมือของพลังประชารัฐ อัดเสบียงเต็มที่ตุนอดีต ส.ส.อยู่ในหน้าตักไม่น้อย
เช่นเดียวกับพรรคชาติพัฒนาก็เตรียมเปิดเกมสู้ เพื่อรักษาฐานที่มั่นเมืองโคราชเต็มที่
ประชาธิปัตย์–ภูมิใจไทย และพรรคขนาดกลางต่างๆจึงเป็นตัวแปรสำคัญชี้ขาด “ลุงตู่” หรือตัวแทนนายใหญ่ ฝ่ายใดจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เลยออกอาการเล่นตัว ยังไม่เลือกข้างเป็นกองหนุนฝ่ายใด แม้ “บิ๊กตู่” จะป่าวประกาศมีความสนใจสนามการเมือง แต่ก็ยังไม่มีใครแสดงตัวพร้อมร่วมหอลงโรงให้ “ลุงตู่” อุ่นใจ
เหลี่ยมเขี้ยวๆของพวกตัวแปร สงวนท่าทีไว้รอต่อรอง.
ทีมข่าวการเมือง

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

ต้านพวกล้มยุทธศาสตร์ชาติ

Avenue ของท่าน !!ยุทธศาสตร์ชาติ 

“บิ๊กตู่”ปลุกปชช.ต้าน “ใครล้มยุทธศาสตร์ชาติ ล้มประเทศของท่านเอง ประชาชนยอมหรือ  ไม่ได้หรอก นี้คืออเวนิว ถนนของท่าน/ ออกตัว ใครจะอยู่ถึง ปี2580 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ปี 61-80 ตัวเลขดูเยอะ ใครจะอยู่ถึงยังไม่รู้เลย ไอ้คนพูด จะอยู่ถึงไหม 

แต่ผมต้องการให้มันไปถึงยังไงมันก็อยู่ได้รับความเห็นชอบจากครม.และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติแล้ว
 
"วันนี้หลายพรรคการเมืองบอกเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ ล้มยุทธศาสตร์ชาติ ล้มประเทศของท่านเอง ประชาชนยอมหรือไม่  ไม่ได้หรอก นี้คือAvenue ถนนของท่าน ต้องไปให้ได้ ถ้าท่านอยากจะเจริญอย่างบางประเทศในอาเซียนหรือในประเทศอียู ประเทศตะวันตก ทุกประเทศเขามีหมด ทุกรัฐบาลจะได้ไม่บิดพลิ้วไม่ก้าวออกไปข้างนอก สะเปสะเปะ "นายกฯกล่าว

ท้าพูดแข่งกัน

“บิ๊กตู่” ท้า ข้ามรุ่น !!  ท้า “อนาคตใหม่” พูดแข่งกัน .....ถาม พูดได้อย่างผมพูดหรือเปล่า !!...ลั่นยุคนี้-ยุคไหน  บ้านเมืองต้องสงบทุกรัชกาล

 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ นี้เราคิดเอง แล้วเราต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนสร้างอนาคตไทย อนาคตเรา
 
“คำว่าอนาคตนี่ กระทบใครหรือไม่ เนี่ย ชอบตั้งกันว่า ชื่อ “อนาคตๆ” กันเยอะเหลือเกิน 

ให้เขาพูดแบบผมเนี่ย พูดได้มั้ย มาพูดสิ ใครจะทำอนาคต ให้มาพูดแข่งกัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

ที่ผมพูดไปในวันนี้ จะเห็นว่ามีปัญหาสังคมคือความใจร้อน ใจร้อนที่สุดก็คืออยากจะเลือกตั้ง หวังว่ามันจะดีขึ้น ก็คอยดูก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร เราต้องทำบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยให้ได้ในรัชกาลนี้ และรัชกาลต่อๆไป วันหน้าจะกี่ร้อยปี ต้องทำให้ได้ทั้งหมดทั้งยุคเรา และยุคคนอื่น ต่อไปในวันหน้า “ นายกฯ กล่าว บนเวที

“ไม่มีอะไรจ๊ะ เพื่อประเทศชาติ อนาคตใคร อนาคตเรา เข้าใจไหม เราๆ" นายกฯ บอกสื่อ 

และไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ว่าอนาคตจะมาหรือไม่ และอนาคตท่านเล่นการเมืองหรือไม่ ก่อนจะเดินออกจากงานไปทันที

โจทย์จริงยี่ห้อ "ทักษิณ"

โจทย์จริงยี่ห้อ "ทักษิณ"

  • Share:
แค่ลีลาหงายไพ่ทีละใบ ยังชิงพื้นที่ข่าวกระตุกเรตติ้งได้รายวัน
มันเป็นอะไรที่สะท้อนว่า “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อยู่ในจุดสปอตไลต์ฉายส่อง ตีกินแต้มการเมืองได้ทุกจังหวะ
ล่าสุดยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าสนใจการเมือง ก็เขย่ากระแส สร้างแรงกระเพื่อมอีกระดับ
กับมุกสับขาหลอก ซ่อนไต๋แฝงความชัดเจนในความคลุมเครือ ถึงตรงนี้รู้กันทั้งประเทศแล้ว “นายกฯลุงตู่” ต้องตีตั๋วต่อเกมอำนาจหลังเลือกตั้ง
โยงกับคิวโหมโรงพรรคพลังประชารัฐ แกรนด์โอเพนนิงในวันที่ 29 กันยายนนี้
ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ตามเงื่อนไขสถานการณ์ต้องเบี่ยงแรงเสียดทาน “พรางตัว” สู้กับเกมเขี้ยวของนักการเมืองอาชีพ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ตีปี๊บโห่ ดักสกัด รุมเตะตัดขา
ถึงนาทีนี้ “เอาไม่อยู่” แล้ว
แนวโน้มกลับกลายเป็นฝ่ายของขาใหญ่เจ้าถิ่นยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่ต้องออกแรงกระชากเรตติ้ง “ของจริง” ที่สวนทางกับราคาคุยตีกินกระแส
แบบที่รีบแห่ประเด็น “นายใหญ่” พ้นโทษคุก 2 ปี คดีที่ดินรัชดาหมดอายุความ
ตามอาการที่ลูกข่ายออกมาจุดพลุ มโนเอง พูดเอง เออเอง สรุปเอง เตรียม “รีโนเวท” พรรคเพื่อธรรม เป็นค่ายสำรองพรรคเพื่อไทยที่จะโดนยุบพรรค เปิดทางสะดวกให้ “บิ๊กตู่” ตีตั๋วต่อ
โชว์ยี่ห้อสารพัดเพื่อเอา “นายใหญ่” กลับบ้าน
โดยสถานการณ์ที่ชัดเจนแค่การประชุมใหญ่ต้นเดือนตุลาคมนี้ ชื่อของหัวหน้าพรรคก็ยังอยู่ที่คนหน้าเก่าอย่าง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค
“นอมินีภาค 3” ยังหาตัวเหมาะๆไม่คลิก
ตามเงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค และไม่ต้องวางปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งแบบ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากกติการัฐธรรมนูญปัจจุบันให้วางตัว “โจ๊กเกอร์” เป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกฯพรรค
“นายใหญ่ดูไบ” ยังมีจังหวะกั๊กไพ่จนนาทีสุดท้าย
เรื่องของเรื่องโจทย์สถานการณ์แท้จริงของ “ทักษิณ” ไม่ได้อยู่ที่ “นอมินีภาค 3”
ปมท่อน้ำเลี้ยง หัวจ่ายโดนล็อก นั่นต่างหากเครียดสุด
จุดที่มวยเบอร์ใหญ่ระดับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” มีอาการเข็ดหลาบตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย แตกคอแหกค่าย “นายใหญ่” สลับขั้วมาหนุน “ลุงตู่” อารมณ์เดียวกับ “สันติ พร้อมพัฒน์” ที่ทำหน้าที่ในยุคพรรคพลังประชาชนและยุคพรรคเพื่อไทย รอบนี้ก็ส่อตีจาก “นายใหญ่” ไม่เล่นเกมเสี่ยง
หัวจ่ายท่อน้ำเลี้ยงตีบตันหมด “ทักษิณ” ยืมเงินเพื่อนแทงไฮโลมุกเก่าไม่ได้
รอบนี้จำเป็นต้องควักกระเป๋าตัวเอง วัดใจ “เศรษฐีขี้เหนียว” เหลียวซ้ายแลขวาไปหาน้องสาว “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก็ไม่ขยับเปิดยุ้งข้าว
ไม่มีทางควักเนื้อมาจ่ายให้คนอื่นหยิบชิ้นปลามัน นอกจากสามีและลูกตัวเอง
นี่แหละปัญหาใหญ่ โจทย์สำคัญ “นายใหญ่” จะกล้าทุ่มเดิมพันแค่ไหน ในเมื่อสถานการณ์ข้างหน้ามันบ่งชัดว่าไม่มีอะไรชัวร์ ชนะเลือกตั้งก็ยังไม่แน่จะได้จัดตั้งรัฐบาล
และโดยเงื่อนไขสถานการณ์ที่ยากๆของ “ทักษิณ” กับพรรคเพื่อไทย มันก็กลายเป็นโอกาสให้พวกถือไพ่แต้มน้อยๆในมือแอบลุ้นกันลึกๆ
อาการแบบที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เล่นบทเฮี้ยว ยึกยักกับการหนุน “นายกฯลุงตู่” ตามดีลที่ฝ่ายต้านระบอบทักษิณรู้กันในที
แต่นั่นก็ยังไม่ลุ้นตัวโก่งเท่ากับรายของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่เปิดหน้าตัก คลังแสงซิโน–ไทย ไล่กวาดต้อนอดีต ส.ส.เกรดเอ สะสมกองกำลัง ตีคู่ประกบพรรคพลังประชารัฐ
แทงไพ่ คั่วสองหน้า
บินตรงลอนดอนคุย “นายใหญ่” สลับคิวกับดีลท็อปบูต
โดยจังหวะสถานการณ์ล้อตามสูตร “คึกฤทธิ์โมเดล” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ขึ้นแท่นเป็นนายกฯด้วยเสียง ส.ส.ในมือแค่ 18 ที่นั่ง
อาการออกตัวแรงๆของ “เสี่ยหนู” ก็หวังลุ้นแค่นี้แหละ.
ทีมข่าวการเมือง

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561

อจ.จุฬาฯ ชี้ม.44 ตั้ง “สนธยา” นั่งนายกเมืองพัทยา วางเครือข่ายสืบทอดอำนาจคสช.

อจ.จุฬาฯ ชี้ม.44 ตั้ง “สนธยา” นั่งนายกเมืองพัทยา วางเครือข่ายสืบทอดอำนาจคสช.



สนธยา คุณปลื้ม (แฟ้มภาพ)


เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายวีระศักดิ์ เครือเทพ นักวิชาการจากรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น (กกถ.) เปิดเผยกรณีการใช้มาตรา 44 สั่งปลดพลตำรวจตรีอนันต์ เจริญชาตรี พ้นจากตำแหน่งนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม ที่ปรึกษารัฐมนตรีท่องเที่ยว ทำหน้าที่แทน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งหรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงนั้นว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่ย้อนแย้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช). จากเดิมมีข้อกล่าวหาว่านักการเมืองโกงกินไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ต้องนำข้าราชการประจำไปทำหน้าที่ ที่สำคัญหากมีการแต่งตั้งบุคคลอื่นทดแทน คสช.ควรพิจารณา แต่งตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากถูกคำสั่งจากการใช้ ม.44 สั่งปลดในลักษณะเดียวกันเมื่อ 2ปีที่ผ่านมา ควรให้กลับมาทำหน้าที่เดิม เนื่องจากผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตต่อหน้าที่เรื่องเตาเผาขยะและอีกหลายเรื่องยังไม่มีข้อสรุปหรือมีการชี้มูลความผิดที่ชัดเจน
“ มีการประเมินว่าการแต่งตั้งนายสนธยา เป็นการตอบโจทย์ที่ไม่อ้อมค้อมเป็นตัวอย่างให้เห็นแนวทางการสร้างรากฐานทางการเมืองของ คสช.ที่มีความชัดเจนเรื่องการสืบทอดอำนาจ เชื่อว่ามีเหตุผลมากกว่าการทำหน้าที่สนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน ขณะเดียวกันผู้บริหารที่ถูกปลดออก เนื่องจากทำงานแบบข้าราชการประจำก็ต้องยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมาบริหารงานมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทั้งการจัดการขยะ การแก้ปัญหาน้ำท่วม การทำผังเมืองใหม่ ปัญหาเหล่านี้ประชาชนชาวเมืองพัทยาต้องสูญเสียโอกาสในการพัฒนานานกว่า 2 ปี ผู้มีอำนาจจะออกมารับผิดชอบกับความเสียหายหรือไม่อย่างไร “ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่าและว่าการแต่งตั้งนายสนธยา ถือเป็นการวางเครือข่ายทางการเมืองในภาคตะวันออกอย่างตรงไปตรงมาท่ามกลางกระแสดูดที่เข้มข้น แตกต่างจากการซื้อใจ 4 นายก อบจ.ในภาคเหนือและภาคอีสาน ด้วยการปลดล็อคให้ไปทำหน้าที่หลังจากถูกแขวน แต่ต่อมาพบว่าเครือข่ายนักการเมืองเหล่านั้นไม่ได้ตอบสนองความต้องการในการสร้างฐานทางการเมืองเท่าที่ควร

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

ลาป่วย!!หลบข่าว ??!

ลาป่วย!!หลบข่าว ??!
“บิ๊กป้อม” ลาป่วย ไม่เข้าประชุม คสช. นัดสุดท้าย ของ ผบ.เหล่าทัพ ชุดนี้ และไม่มาร่วมประชุม ครม. เช้านี้
พลโท คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เผยว่า พลเอกประวิตร ลาป่วย เพราะ มีอาการไอ อย่างมาก ตั้งแต่วานนี้ ในขณะประชุม บูรณาการเรื่องกล้องวงจรปิด ที่ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ ร.1รอ. และห่วงว่า มาประชุม ในห้องที่มีอากาศเย็น แอร์เย็นมาก จะยิ่งแย่ จึงลาประชุม
ทั้งนี้ การลาป่วย ของ พลเอกประวิตร ถูกตั้งข้อสังเกตุว่า ลาในช่วง ที่ประเด็นทางการเมืองร้อน ทั้ง การที่พลเอก ประยุทธ์ ประกาศจะเล่นการเมือง และ กรณี”เกาะโต๊ะ” วิวาทะกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังไม่สร่างซา

ไม่กล้วการเมือง

“ไม่ทำระบบเสียหาย ไม่ผิดกม. ทำได้หมด”‬
‪“บิ๊กตู่”ขอไม่ตอบ ตัดสินใจเข้า”พรรคพลังประชารัฐ” ที่จะเปิดตัว 29กย.นี้ หรือไม่ ชี่การที่รมต.ในรัฐบาลคสช.ไปช่วยพรรคนี้ ไม่ได้ทำให้ระบบเสียหาย และไม่ผิดกฎหมาย ก็ทำได้หมด....ถามรัฐบาลที่ผ่านผ่านมา ทำหรือไม่ ถ้าทำเหมือนกันก็จบ ไม่ต้องมาถาม‬
ถูกใจแสดงความรู้สึกเพิ่มเติม
ความคิดเห็น

‪ฟังเลย!! บิ๊กตู่ กลัว “การเมือง” มั้ย ??!
“บิ๊กตู่”ลั่น”ผมไม่กลัว” การเมือง!!‬
‪ไม่กลัว แรงเสียดทานทางการเมือง หลังประกาศ”สนใจ การเมือง” ชี้สู้มา. อยู่มา 4ปีแล้ว พยายามทำความเข้าใจ อดทน ควบคุมอารมณ์ตัวเอง หงุดหงิดบ้าง ธรรมดาของมนุษย์ ผมปรับตัว จะเห็นได้ว่า “ผมนุ่มนวลขึ้น”ใช่มั้ย ไม่ดุเดือด พอแล้ว ไม่ใช่ว่า จะตัองเป็นอะไร แต่ไม่งั้น ผมตายก่อน ถ้าไม่มีใครตาย ผมก็ตาย เพราะทุกคนมารุมผม แต่ผมรับได้‬ !!

“มหาธีร์”เลื่อนนัด”บิ๊กตู่” ถก พูดคุยสันติสุขใต้ จาก ต้นตค. เป็นปลายตค.

ศึกนอกบ้าน!!
“มหาธีร์”เลื่อนนัด”บิ๊กตู่” ถก พูดคุยสันติสุขใต้ จาก ต้นตค. เป็นปลายตค. _ นายกฯเผย ยังไม่ตัดสินใจ เปลี่ยนตัว”พลเอก อักษรา” หรือไม่ /ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง รอวัดใจ”มหาธีร์” ช่วยจริง มั้ย
“นายกฯบิ๊กตู่” ยังไม่ตัดสินใจ เปลี่ยนตัว”พลเอก อักษรา เกิดผล” หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ หรือไม่ หลัง “ นายกฯมหาธีร์” ของมาเลเซีย เปลี่ยนตัว “ผู้อำนวยความสะดวก” มาเป็น “อับดุล ราฮิม นัวร์” อดีต ผบ.สันติบาล มาเลฯ เผย จะรอหารือกับ “มหาธีร์” ก่อน ปลายเดือน ตค.นี้ หลังเลื่อนนัด จาก ต้นเดือน ตค. เหตุ “มหาธีร์”ติดภารกิจ ภายในประเทศ แต่นายกฯมาเลเซีย สนับสนุน ในการเป็น ผู้อำนวยความสะดวก ต่อ และค้องการ ทำให้เกิดสันติสุขสัมฤทธิ์ผล โดยเรามีการประสานงานกันตลอด และตัองมีการปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆให้เหมาะสม
“ตอนแรกคิดว่า ผมจะได้พบกับท่าน มหาเธร์ นายกฯมาเลเซีย ต้นเดือน ตค.นี้ แต่พอดีท่านติดภารกิจภายใน ก็คาดว่า จะได้พบกัน ปลายเดือน ตค.” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ขณะที่ ฝ่ายความมั่นคง และทหารที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับชายแดนใต้ กำลังจับตาและประเมิน ท่าที มาเลเซีย ว่าจะช่วยไทย จริงหรือไม่ ในการแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ และ จะมีการปรับเปลี่ยน แกนนำ กลุ่มMarapatani หริอเปลี่ยนกลุ่มเจรจา หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีแรงสนับสนุน ให้ นายกฯ เลือก บิ๊กเจี๊ยบ พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์. อดีตรายทหารทัพภาค4 ที่ทำงานด้าน นี้มาตลอด และเป็น สมาชิก สนช. และเพื่อน ตท.12 ของ พลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย คนใหม่ เพราะ สนิทสนมกับ นาย ราฮัม นัวร์ มายาวนาน และเคยร่วมมือในการแก้ปัญหา ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ในยุคแรกๆ

บิ๊กตู่ลั่นสนใจการเมือง หา”พรรคร่วมทาง”เดินเกม”ไปต่อ“

บิ๊กตู่ลั่นสนใจการเมือง หา”พรรคร่วมทาง”เดินเกม”ไปต่อ“



ถือเป็นไฮไลต์ของการเมืองก็ว่าได้
เมื่อสายๆของวันจันทร์ที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำเซอร์ไพรส์
ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตทางการเมือง โดยที่ผู้สื่อข่าวยังไม่ได้ตั้งคำถาม
บิ๊กตู่กล่าวด้วยท่าทีที่สุขุมและน้ำเสียงราบเรียบว่า
“สำหรับสิ่งที่หลายๆ คนอยากจะให้ผมตอบในเรื่องงานการเมือง ผมก็ตอบได้ว่าในขณะนี้ ผมสนใจงานการเมือง”
” แต่การที่ผมจะตัดสินใจอย่างไร จะสนับสนุนใคร มันเป็นเรื่องอีกระยะหนึ่ง ซึ่งผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่วันนี้ผมสนใจการเมือง เพราะผมสนใจในสิ่งที่ผมทำลงไปว่า ไปถึงไหน อย่างไร วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่”
” ผมจะติดตามรับฟังจากบรรดากลุ่มการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้”
” เพราะฉะนั้นผมขอใช้คำแรกนี้ได้ว่า ผมสนใจงานการเมือง เพราะผมรักประเทศชาติของผม ก็คงเป็นเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนด้วยก็ต้องรักประเทศไทยของเรา ก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะว่าอย่างไรในอนาคต ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อสนใจงานด้านการเมือง จะลาออกจากหัวหน้า คสช. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า “ไม่ออก”

หลังจาก” นำร่อง” โดยนายกฯไปแล้ว

วันเดียวกันนี้ รัฐมนตรีอีก 2 คน คือ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมต.อุตสาหกรรม ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า สนใจการเมืองเช่นกัน
นายกอบศักดิ์กล่าวด้วยว่า ทราบว่ามีรมต.หลายคนสนใจ แต่ต้องไปถามเจ้าตัวเอาเอง หรือให้รอดูวันที่ 29 ก.ย. อันเป็นวันประชุมใหญ่เพื่อก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์เคยตอบนักข่าวในเรื่องการเมืองว่า จะเปิดเผยท่าทีทางการเมืองในเดือนก.ย. แต่เมื่อนักข่าวทวงถามเมื่อคราวไปประชุมครม.สัญจร ที่เพชรบูรณ์ เมื่อ 17 -18 ก.ย.ที่ผ่านมา บิ๊กตู่บ่ายเบี่ยงว่า ยังไม่พูด รอให้กม.เลือกตั้งมีผลก่อน ซึ่ง กม.เลือกตั้งจะมีผลในต้นเดือนธ.ค.
การออกมาพูดในคราวนี้ว่า สนใจการเมือง จึงมีนัยยะ และส่งสัญญาณออกไปพร้อมๆกัน
สำหรับพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก
ด้านหนึ่ง เดินเงียบๆ ดึงอดีตส.ส.และนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ เข้าเสริมทัพอย่างคึกคัก สายนี้ดึงคนจากปชป. มาแล้วหลายคน
ไม่ว่าจะเป็น นายสกลธี ภัททิยะกุล บุตรชายพล.อ.วินัย ภัททิยะกุล นายทหารคนดังจากปี 2549 อดีตเคยเป็นส.ส.ปชป. มาเป็นรองผู้ว่าฯกทม.

ล่าสุด คือนายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ อดีตคนปชป.ที่ไปเคลื่อนไหวกับกปปส. มาเป็นรองเลขาฯนายกฯ
ก่อนหน้านี้ คือการดึงทีมอดีตส.ส.พลังชลเข้ามา หรือการเข้าทาบทามนักการเมืองที่มีลักษณะเป็นคนรุ่นใหม่
อีกด้านหนึ่ง เป็นการเดินเครื่องของกลุ่มสามมิตร เจาะฐานอดีตส.ส.เพื่อไทย โดยใช้อดีตส.ส.เก๋าเกม อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา และนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.เพื่อไทยยุคพลังประชาชน โคราช ออกเดินสายทาบทาม
นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวทางลึก กวาดนักการเมืองเข้าพรรคอีกหลายรูปแบบ
จากเดิมที่เงียบๆ ระยะหลังเริ่มมีกระแสว่า พรรคนี้น่าจะเข้าป้ายได้เกิน 100 เสียง บางสายบอกว่า อาจทะลุถึง 150
รอบวกกับ ส.ว.อีก 250 ที่จะผ่านขั้นตอนต่างๆ เข้ามาหนุนรัฐบาล
ส.ส. 500 คน กับส.ว.250 คน รวมกันสองสภามี 750 นายกฯต้องมาจากเสียงข้างมาก 376 เสียง หรือเกินครึ่งของรัฐสภา
ถ้าได้ส.ส. 100 เสียง บวกกับสว. 250 ก็เท่ากับ 350 แล้วไปหาพรรคขนาด 40- 50 เสียงมาเติม เพื่อเป็นเสียงข้างมาก
หรืออาจจะต้องเติมด้วยพรรคขนาดกลาง – เล็ก มากกว่า 1 พรรค
คำพูดของบิ๊กตู่เมื่อวันจันทร์ตอนหนึ่งที่ว่า “… ผมสนใจในสิ่งที่ผมทำลงไปว่า ไปถึงไหน อย่างไร วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่ ….ผมจะติดตามรับฟังจากบรรดากลุ่มการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้”
สะท้อนว่า นายกฯประยุทธ์กำลังมองหาหรือเชื้อเชิญ พรรคและกลุ่มการเมือง มาช่วย” สืบสาน” งานที่ทำมา 4 ปี

หลังจากนี้ น่าจะตามมาด้วยการขยับเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ ที่สนใจจะมา”สืบสาน” แนวนโยบายของบิ๊กตู่และคสช.
และก่อรูปเป็นกลุุ่มพรรคสนับสนุนบิ๊กตู่ ซึ่งที่จริงพอมองเห็นอยู่ แต่จะชัดเจนมากขึ้นและจะเห็นความชัดเจนของกลุ่มหรือพรรคตรงกันข้ามไปพร้อมกัน
ฝุ่นที่ตลบอบอวล จะค่อยจางลงอีกระดับหนึ่ง ภาพการแข่งขันต่อสู้ระหว่างพรรค หรือระหว่างกลุ่มพรรค จะเข้ามาแทนที่
และนี่คือสภาพการเมือง หลังจากบิ๊กตู่ประกาศความตั้งใจ “ไปต่อ” ในการเมือง

‘อุตตม-สนธิรัตน์’ โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม

‘อุตตม-สนธิรัตน์’ โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม



29 กันยายน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะจัดประชุมผู้ร่วมก่อตั้งเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อเตรียมพร้อมลงสู้ศึกเลือกตั้ง
ลุ้นกันว่าจะมีชื่อ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วม
พปชร.หรือไม่
ทั้งนี้ “อุตตม-สนธิรัตน์” ถือเป็นคีย์แมนในทีมเศรษฐกิจที่ช่วยขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ส่งผลให้ตัวเลขจีดีพี ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยกลุ่มฐานรากเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
สำหรับ “อุตตม” นอกจากจะผลักดันมาตรการต่างๆ ช่วย “เอสเอ็มอี” ให้เข้มแข็งแล้ว ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเข็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจากชาติต่างๆ แห่มาดูพื้นที่เพื่อลงทุน
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย อย่างยานยนต์แห่งอนาคต-อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ-หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ-อากาศยานและโลจิสติกส์-การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ-
เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
ช่วง 5 ปีแรกคาดว่าจะมีการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนใน “อีอีซี” เป็นเงินกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท มีเอกชนหลายรายสนใจซื้อซองประกวดราคา และวันที่ 12 พฤศจิกายน จะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอ คาดว่าไตรมาสแรก ปี 2562 จะมีการลงนามในสัญญา และจะเปิดให้บริการในปี 2566
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายโครงการที่ทยอยเดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา 2 แสนล้านบาท การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท การพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด วิเคราะห์ข้อมูลถึงผลบวกทางเศรษฐกิจกับ 3 จังหวัดอีอีซี (ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา) ว่าจีดีพีที่อยู่ระดับ 2.9% ในปี 2557-2559 จะขยายตัวมากกว่า 10% ต่อปีตั้งแต่ปี 2560-2569 มูลค่าทางเศรษฐกิจจาก 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มเป็น 7.5 ล้านล้านบาท ในปี 2569 และรายได้ต่อหัวจาก 6 แสนบาทต่อปีในปี 2559 เพิ่มเป็น 1.7 ล้านบาทต่อปี ในปี 2569
ส่วน “สนธิรัตน์” นอกจากจะช่วยผลักดันการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง อย่างล่าสุดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาขยายตัว 6.7% มีมูลค่า 22,794 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นมูลค่าส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวม 8 เดือนแรก มีมูลค่า 169,030 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10% สูงสุดในรอบ 7 ปี และปรับเพิ่มเป้าส่งออกทั้งปีจาก 8% เป็น 9%
กระทรวงพาณิชย์ยังเป็นแกนหลักในการช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่ผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านคน ซึ่งผู้มีรายได้ไม่เกินปีละ 3 หมื่นบาท จะได้รับวงเงินคนละ 300 บาทต่อเดือน รายได้ไม่เกินปีละ 1 แสนบาท จะได้วงเงิน 200 บาทต่อเดือน สําหรับผู้ที่เข้าโครงการพัฒนาตนเอง จะได้รับวงเงินเพิ่มจาก 300 บาท เป็น 500 บาท และจาก 200 บาท เป็น 300 บาท เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งมีร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตร (อีดีซี) แล้วกว่า 38,000 แห่งทั่วประเทศ
ที่ผ่านมามีการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
นอกจากช่วยผู้มีรายได้น้อยแล้ว ยังช่วยร้านค้าปลีกรายย่อยหรือ “โชห่วย” ในท้องถิ่นที่เกือบจะสูญพันธุ์ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งและเข้มแข็งกว่าเดิม
รวมทั้งต่อยอดการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเปิดชําระเงินผ่านแอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” และมีแอพพลิเคชั่น “โชห่วย-ไฮบริด” เพิ่มช่องทางการตลาด ซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านอี-คอมเมิร์ซ
หาก พปชร.มีชื่อ “อุตตม-สนธิรัตน์” เข้าร่วม คงต้องโชว์ผลงานนี้ และถ้ามีโอกาสได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะสานงานนี้ต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ไม่กลัวการเมือง บอกอยู่มา 4 ปีปรับตัวได้ ยังไม่บอกสังกัดพรรคไหน อ้างขอเวลาศึกษา

‘บิ๊กตู่’ ไม่กลัวการเมือง บอกอยู่มา 4 ปีปรับตัวได้ ยังไม่บอกสังกัดพรรคไหน อ้างขอเวลาศึกษา



“บิ๊กตู่” ไม่กลัวแรงเสียดทานหลังประกาศจุดยืนทางการเมือง บอกปรับมาตลอด 4 ปี วอนอย่าตีความคำพูด ยันยังไม่คิดสังกัดพรรคไหนขอเวลาศึกษา
เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 25 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุม คสช.และประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เช้าวันเดียวกันนี้มีการหารือกันในที่ประชุม คสช. ว่าเราจะทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศและการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ชาติจะได้รับการสืบต่อในการทำงานวันข้างหน้าต่อไปได้ ถือเป็นกลไกของการบริหาร ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไป เพราะในวันข้างหน้าเราจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตนก็ต้องพยายามทำในสิ่งที่ทำวันนี้สามารถที่จะต่อเนื่องได้
“ไม่ได้หมายความว่าจะไปสืบทอดอำนาจอะไร เพียงแต่เมื่อเรามี พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติออกมาแล้ว เป็นกฎหมายก็ต้องทำ เพราะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญด้วย”
เมื่อถามว่า นายกฯคิดว่าจะทนกับแรงเสียดทานจากนักการเมืองที่รุมโจมตีอย่างไร และจะควบคุมอารมณ์ตนเองเมื่อเข้าสู่การเมืองอย่างไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยืนยันว่าผมไม่กลัว เพราะผมอยู่กับพวกท่านมา 4 ปีแล้ว ผมก็อดทนและพยายามทำความเข้าใจ แต่บางครั้งก็มีนิดหน่อยหงุดหงิดบ้างอะไรบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ผมก็ปรับตัวมาโดยตลอด 4 ปี ก็มีการพัฒนามากพอสมควร จะเห็นได้ว่าเสียงของผมวันนี้นุ่มนวลขึ้นใช่หรือไม่ ไม่ดุเดือด ไม่อะไรทั้งนั้น พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรต่างๆ ผมก็จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นเดี๋ยวผมตายก่อน ผมเครียดมากๆ ผมก็ตายเอง เพราะก็ไม่มีใครตายสักคน เพราะทุกคนมารุมผมอยู่คนเดียว แต่ผมก็รับได้”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับคำที่ว่าตนสนใจงานการเมืองนั้น อย่าไปตีความกันให้มากนักเลย คำพูดที่ตนพูดออกไปนั้นหมายความว่า ตนสนใจว่ามันจะเดินหน้าไปอย่างไร มีความคืบหน้าอย่างไร โดยเฉพาะสิ่งที่ตนเป็นห่วงและกังวลก็คือ สิ่งที่ทำมาแล้ว การปฏิรูปขั้นที่ 1 ของเรา กฎระเบียบ กฎหมาย รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่ที่จะทำ จะได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ตนสนใจตรงนี้มากกว่า
“และถ้าผมสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ ผมจะเข้าไปได้อย่างไร จะมาด้วยกลไกอะไร จะต้องดูทั้งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย พ.ร.บ.การเลือกตั้ง และทุกๆ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องที่ออกมาในช่วงนี้ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะปฏิรูปให้ได้ ทั้งการปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปการเมืองให้มีธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถสร้างขึ้นได้ง่ายๆภายใน 1-2 วัน หรือ 1-2 ปี จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างต่อเนื่อง และผมไม่ได้สงวนไว้สำหรับตนเองเพียงอย่างเดียว ทุกคนจะต้องช่วยกัน ผมอยากเห็นการทำงานให้เป็นผลสัมฤทธิ์มากขึ้น ขณะนี้เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน เพราะฉะนั้นบรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ต้องเอาสิ่งที่ผมพูดไปคิด แล้วต้องมองว่าเราจะมีส่วนร่วมอย่างไรในการปฏิรูปที่จำเป็นต้องใช้คนหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ประชาชน ผู้ประกอบการธุรกิจ ขอร้องว่าอย่ามองเพียงการเมืองอย่างเดียว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ตกลงนายกฯจะไปสังกัดอยู่กับพรรคการเมืองใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต ตนยังไม่ได้ไปตรงไหนสักอันเลย ถ้าจะพิจารณาก็ต้องดูว่า จะต้องไปเป็นสมาชิกพรรคใดหรือไม่ และต้องพิจารณาว่าจะไปร่วมกับเขาได้แค่ไหนอย่างไร และสมมุติว่าตนจะไปเป็นนายกรัฐมนตรีจะมาได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องดูใหม่ทั้งหมด ต้องศึกษา เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองมาก่อน จำเป็นต้องศึกษาว่ามันเป็นอย่างไร ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น จะทำให้บ้านเมืองสงบได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดก็อยู่ที่ประชาชนที่จะต้องไม่ตกเป็นเป็นเครื่องมือของใคร

“บิ๊กตู่”ไฟเขียวรมต. ร่วม “พลังประชารัฐ” ขู่ใครจะฟ้อง เพราะบริหารดีกว่ารบ.เลือกตั้ง

“บิ๊กตู่”ไฟเขียวรมต. ร่วม “พลังประชารัฐ” ขู่ใครจะฟ้อง เพราะบริหารดีกว่ารบ.เลือกตั้ง



“บิ๊กตู่” ไฟเขียวรมต. ร่วม “พลังประชารัฐ” เมินคำครหา “รบ.พิเศษ” ขู่ใครจะฟ้องในเมื่อบริหารประเทศดีกว่ารบ.เลือกตั้ง บอกไม่รู้-ไม่มีพรรคไหนทาบเสนอชื่อชิงเก้าอี้ “นายกฯ”
เมื่อ‪เวลา 14.25 น.‬ 25 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความสบายใจหลังประกาศจุดยืนว่าสนใจงานการเมือง ว่า ตนสบายใจมาตลอด ทำไมสื่อต้องมาสนใจมากมายนัก สื่อรักเป็นห่วงตนใช่หรือไม่ ตนต้องสบายใจ เพราะอยู่ด้วยแรงศรัทธาในการทำงานของตัวเอง คณะทำงาน และรัฐบาล ตนต้องศรัทธาเขาทุกคน ถ้าเราไม่สร้างความศรัทธาความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน อะไรก็ไม่เกิดก็ทะเลาะเบาะแวง ขัดแย้งไปทั้งหมด
“ผมไม่ได้ใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ผมเพียงแต่กำหนดนโยบายลงไปและทำให้สอดคล้องกับนโยบาย ทั้งนี้ ต้องระมัดระวังเรื่องการทุจริต วันนี้คุณต้องหาอะไรดีๆ ให้เจอว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง วันนี้ภาคธุรกิจเอกชนสหรัฐฯ ก็มาขอพบ อาทิตย์ที่แล้วอียูก็มาพบ ก่อนหน้านั้นก็มีหลายประเทศมาพบ มากันมากมาย การลงทุนต่างๆ ก็มี แสดงว่าเขาไว้วางใจเราหรือเปล่า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนเคยได้รับคำถามแบบที่สื่อถามว่าจะเล่นการเมืองหรือไม่ จะเป็นการเมืองต่อไปหรือไม่ ลงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่มาจากบรรดาผู้นำประเทศรอบบ้าน แต่ตนก็ไม่ได้ตอบเขา บอกไปว่าเป็นเรื่องของสถานการณ์ภายในประเทศของเรา ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีการบริหารของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้หลักการประชาธิปไตย โอเคนะ อย่าไปเขียนให้เสียหาย

เมื่อถามว่า ลุ้นพรรคพลังประชารัฐที่จะเปิดตัว‪‪ในวันที่ 29 กันยายน‬‬นี้หรือไม่ เนื่องจากมีรัฐมนตรีในรัฐบาลไปร่วมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ก็เป็นเรื่องของพลังประชารัฐ แต่คนในรัฐบาลเขาไปช่วยก็ไปช่วย แต่ไม่ได้ทำให้ระบบอะไรมันเสียหาย ไม่ผิดกฎหมายเขาทำได้หมด ทุกรัฐบาลเขาทำมาแบบนี้หรือไม่ รัฐบาลก่อนๆมีไหม ถ้ามีก็จบ จะมาถามอะไรตน
เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพิเศษ อาจถูกมองเรื่องความเหมาะสม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใครจะฟ้อง คุณจะฟ้องผมเหรอ คุณทำไมไม่มองว่ารัฐบาลนี้เข้ามา แม้ไม่ปกติ แต่ก็เข้ามาบริหารราชการจนได้รับการยอมรับจากต่างประเทศทั่วโลก ทำไมไม่มองตรงนี้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำได้อย่างที่ผมทำไหม แก้ปัญหาต่างๆ ให้เขาไหม ปลดล็อกอุปสรรคต่างๆ ได้ไหม สร้างคอนเน็กทิวิตี้ทางกายภาพอย่างไร้รอยต่อ ที่มีอนาคตชัดเจน มีการบริหารจัดการน้ำ รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ดินแก้ปัญหาผู้บุกรุก แก้ปัญหาทุจริตได้ชัดเจน การเลือกตั้งที่ผ่านมาทำได้อย่างผมทำหรือไม่ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ มีใครทำบ้าง จัดระเบียบจราจรในกทม. ซึ่งเราก็ต้องดูแลผู้ได้รับการจัดระเบียบด้วย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลคิด เพียงต้องเปิดพื้นที่ให้โปร่งใสชัดเจน เอาคนที่แสวงประโยชน์ทางรายได้ ไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน ผมไม่ได้ทำเพื่อเอาใจใคร แต่ทำเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส นั่นคือความเท่าเทียมด้วยกฎหมาย แต่ถ้าไม่มีกฎหมายไม่มีพื้นฐานก็ทำไม่ได้”
เมื่อถามว่า ล่าสุดมีพรรคการเมืองใดทาบทามขอเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีเลย เขาจะทาบหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เมื่อทาบมาตนจะรับหรือไม่ ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ขอดูก่อน
เมื่อถามว่า ดูก่อน แสดงว่ามีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน

จังหวะพร้อมโหมโรง

จังหวะพร้อมโหมโรง



“ป้อมเกาะโต๊ะ” ขอเก้าอี้ ผบ.ทบ. “แม้วเกาะขา” ขอสัมปทาน
โดยสถานการณ์ “แลกหมัดคนละดอก” ระหว่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร “นายใหญ่” ค่ายเพื่อไทยและเสื้อแดง นปช.
“ไม่ขอกันกิน” อีกต่อไป เพราะแรงกว่านี้ มากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แนวโน้มแบบที่ “บิ๊กต้อง” พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม โต้กลับนิ่มๆเป็นนัย ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้กันอยู่ในใจ แต่เอาไปไขในที่แจ้งแบบนี้ใครจะคบ
ลบ “เมมโมรี” ได้ จากคนในอดีตที่เกื้อหนุนกันมา ถึงนาทีนี้ “บิ๊กป้อม” ปิดดีล “ทักษิณ”
เลิกระแวงกันซะที “พี่ใหญ่” ซูเอี๋ย “นายใหญ่” เป็นอัน “จบข่าว”
แต่ที่ยังไม่จบก็คือแนวรบ “เกมอำนาจเปลี่ยนผ่านประเทศ” ที่ชัดเจนเลยว่า “พี่ป้อม” คือ “เกราะกันชน” ให้ “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช.
เรื่องของเรื่อง ขบวนการ “ล้มโต๊ะ” เจาะไม่ถึง “นายกฯลุงตู่” ที่ภูมิคุ้มกันสูง โดยเฉพาะภาพความโปร่งใส ต้นทุนส่วนตัวสูงระดับที่องค์กรต้านคอร์รัปชันให้คะแนนเต็มร้อย
นั่นจึงเป็นที่มาของตัวเลขตามโพล “นิด้า–สวนดุสิต”เปิดคะแนนนิยม “นายกฯคนต่อไปในสายตาประชาชน” 3–4 รอบ “นายกฯลุงตู่” ก็ยังนำโด่งเป็นที่หนึ่ง
ล่าสุดถึงคิว “บิ๊กตู่” แง้มอีกครั้ง “ผมสนใจงานการเมือง เพราะผมรักประเทศชาติ”
แต่ยังออกตัว การที่จะตัดสินใจอย่างไร จะสนับสนุนใคร อีกระยะหนึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่วันนี้สนใจการเมือง สนใจในสิ่งที่ทำลงไปว่าไปถึงไหนอย่างไร วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ดี เป็นอะไรที่นิ่งอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่แรงเสียดทานก็พุ่งเข้าใส่ตามฟอร์ม “เต็งหนึ่ง”
ซึ่งคู่แข่งเปิดหน้าเปิดตัวกันหมดแล้ว
เทียบฟอร์มกันปอนด์ต่อปอนด์ “นายกฯลุงตู่” ยังเป็นต่อ ไม่ว่าจะเป็น “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ของเพื่อไทย “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของประชาธิปัตย์ หรือ “ไพร่หมื่นล้าน” อย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทีมอนาคตใหม่
ในสถานะของ “คนเหมาะสมที่สุด” กับสถานการณ์เปลี่ยนผ่านสำคัญ
ตามรูปการณ์ไหลมาถึงวันนี้ จุดที่ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร เป็นตัวชน คุมเกมความมั่นคง เป็นด่านปะทะแรงกระแทกให้ อีกด้านก็เป็น “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่เสริมฐานแน่นๆในเชิงการบริหาร ปั่นเนื้องานด้านเศรษฐกิจ ปิดจุดอ่อนตามฟอร์มรัฐบาลทหาร
ปรากฏการณ์แบบที่สื่อต่างชาติ องค์กรทั้งภายในและภายนอกประเทศให้เครดิต ยืนยันระดับความแกร่งของเศรษฐกิจไทยจากการเติบโตของจีดีพี การส่งออก การท่องเที่ยว
นั่นยังรวมไปถึงการยกระดับเครดิตของ “นายกฯลุงตู่” ในเวทีสากล แบบที่เดือนตุลาคมนี้ ผู้นำรัฐบาลไทยมีโปรแกรมโกอินเตอร์ เดินสายประชุมเวทีระดับโลกตลอดทั้งเดือน
“ปมด้อย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ในเกมโลกล้อมประเทศไทยหมดไปแล้ว
ตรงกันข้ามกับการยกระดับ “ปมเด่น” ของ “นายกฯลุงตู่” ในฐานะ “นักการเมืองอาชีพ” ตามยุทธศาสตร์การตลาดเดินสาย ครม.สัญจร
ตีกินแต้มทางการเมือง เรื่องที่ “ทักษิณ” ทำได้ มุกที่ “สมคิด” ก็ทำเป็นทุกอย่าง “เซต” ไว้พร้อม รอ “พระเอก” อย่าง “ลุงตู่” เปิดตัวเป็นทางการ
ตามฉากโหมโรง คิวนำร่องวันที่ 29 กันยายนนี้ โฟกัสการประชุมใหญ่ “พรรคพลังประชารัฐ” ตัดริบบิ้นออกสตาร์ตขบวนรถไฟทีมหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่ออย่างเป็นทางการ
สถานการณ์ถึงจุดเฉลยคำตอบสุดท้าย นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม จะเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ จะเปิดหน้าเป็นเลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รั้งตำแหน่งโฆษกพรรค โดยมี “เสี่ยติ๊ก” นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยว รับบทผู้อำนวยการพรรค
นี่คือทีมคนรุ่นใหม่ในขบวนรถไฟ 4.0 ของ “ลุงตู่” ที่ไม่ได้เป็นแค่พรรคเฉพาะกิจ
แน่นอน ภารกิจแรกเลยที่ทีมรัฐมนตรีพลังประชารัฐจะต้องเจอคือแรงเสียดทาน เกมเขี้ยวนักการเมืองอาชีพ รุมโห่ รุมกดดันให้ลาออกจากเก้าอี้
โดยเหลี่ยมที่แก้ทางมวยกันไว้แล้ว แนวโน้มจะล็อกเก้าอี้ ลากสถานการณ์ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ตามความจำเป็นของการบริหารด้านเศรษฐกิจที่ขาดตอนไม่ได้
แต่จะไปไขก๊อกกัน ณ วันที่ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว
แนวโน้มเทียบมาตรฐานกับรัฐบาลนักการเมืองอาชีพทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ ย้อนอดีตไปดูข่าวเก่าๆกันได้ ล้วนแต่ลากไปจนหยดสุดท้าย
รัฐบาลรักษาการยัง “ลักไก่”rdquo; ทิ้งทวนกันเลย.
ทีมข่าวการเมือง