เสธ.แมว ชี้ เกมทุบพรรคทหาร ชู พท.ทัพหลวง ควบรวมซีกปชต.ทะลุ 280 เสียงแน่
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กระแสการตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า ยังคงเป็นกระแสข่าวไม่เป็นทางการ เบื้องต้นยุทธศาสตร์ยังคงมุ่งเน้นโดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนกลางของพรรคในซีกประชาธิปไตย ตรงกันข้ามกับพรรคทหาร ที่คาดกันว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนพรรคเพื่อธรรม(พธ.) และพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นั้น เกิดจากหลักคิดเพื่อใช้ตอบโจทย์บัตรใบเดียว ที่คาดว่าทุก 70,000 เสียง เท่ากับส.ส. 1 คน สำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีดีเด่นดังของพรรคเพื่อไทย ในการต่อต้านเผด็จการทหาร การนำเสนอเพื่อไทย เพื่อธรรม และเพื่อชาติ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพื่อการสร้างการรับรู้ให้ความเข้าตรงกันว่า พรรคเหล่านี้ คือ แนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตย
“สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ พรรคเพื่อไทย จะยังคงเป็นหลัก ส่วนพรรคเพื่อธรรมจะเปรียบเสมือน ถังดับเพลิงสีแดง เผื่อเกิดวิกฤตฉุกเฉินอุบัติเหตุทางการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทยถูกยุบ ซึ่งตามทิศทางข่าวตอนนี้ ก็จะพบว่าเริ่มมีกระแสการดำเนินคดีกับอดีตส.ส.เพิ่มเติมแล้ว ด้านพรรคเพื่อชาตินั้น เกิดจากปฏิสัมพันธ์จากแนวร่วมการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.เป็นสำคัญ บทสรุป ณ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นทัพหลวง อีกมุมหนึ่งคือ การจะใช้เทคนิคให้อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ไปพรรคเพื่อธรรมนั้น จะต้องรอผลการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขตให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะทำการเอ็กเรย์รายเขตทั้ง 350 เขตโดยละเอียด ว่า มีโอกาสชนะแบบแบ่งเขตแล้วเท่าไร” พล.ท.ภราดรกล่าว
“หากพรรคเพื่อไทยได้ไม่ถึง 250 เสียง แต่ยังอยู่ในหลักสองร้อยต้นๆ ซัก210-220 เสียง เมื่อผนวกรวมกับพรรคการเมืองที่จุดยืนทางประชาธิปไตยชัดเจน อย่างพรรคประชาชาติและพรรคอนาคตใหม่ ให้ถึงราว 280 เสียง ก็เชื่อว่าเพียงพอจะทำให้พรรคขนาดกลางอย่าง พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) และพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล มาเข้าร่วมกับซีกประชาธิปไตยได้อย่างแน่นอน เพราะทั้งชทพ.และภท.เอง ทุกคนต่างก็รู้ว่ามีจุดยืนในการฟังเสียงประชาชน เมื่อซีกประชาธิปไตยที่มีความชอบธรรมมีส.ส.ยืนพื้นได้หลัก 280 เสียง ก็เชื่อว่าพรรคกลางจะฟังเสียงประชาชน กลายเป็นกระแสกดดัน 250 ส.ว.ที่คสช.แต่งตั้ง ไม่กล้าดึงดันเลือกคนจากพรรคทหารมาเป็นนายกฯแน่นอน เพราะถ้าตั้งรัฐบาลโดยมีเพียง 126 เสียงส.ส.นั้น ไปไม่รอดแน่นอน” อดีตเลขาสมช.กล่าว
////
(ข้อมูล)
พรรคสามเพื่อ
(10/10/61)
อดีตเลขาฯ สมช. ชี้ยุทธศาสตร์สู้ศึกเลือกตั้ง 'พรรค 3 เพื่อ' ผนึกกำลังสู้ศึกเลือกตั้งกับฝ่ายเผด็จการ ยอมรับ 'เพื่อชาติ' สายสัมพันธ์เสื้อแดง ตั้ง 3 พรรคป้องกันอุบัติเหตุ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสมาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การสู้ศึกเลือกตั้งผ่านพรรคเพื่อไทย เพื่อธรรม และพรรคเพื่อชาติ มีความจำเป็น เพราะหากย้อนรอยประวัติศาสตร์ ก็จะพบว่า มีเหตุให้ยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน มาแล้ว ประกอบกับกติกาอย่างรัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายลูก ก็ส่อว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จนนำไปสู่การยุบพรรคอีกเมื่อไรก็ได้
ดังนั้น ในแง่หนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพื่อธรรม และเพื่อชาติ ก็สะท้อนความหลากหลายของพวกพ้อง ที่แต่ละกลุ่มต่างมีมวลสมาชิกที่สนใจอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นการชดเชยจำนวน ส.ส.ที่อาจจะได้จำนวนลดลง เนื่องจากการเลือกตั้งแบบใหม่ ที่เมื่อได้จำนวน ส.ส.เขต มากกว่าจำนวนรวมที่ ส.ส.พึงมีแล้วจะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีก
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติเองก็มีกระแสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้ง 3 พรรคนี้ มีจุดร่วมทางความคิดและอุดมการณ์ชัดเจน ในเฉดเดียวกัน เพื่อทำให้เห็นว่า นี่คือซีกของประชาธิปไตยในการเลือกตั้งครั้งสำคัญต้นปี 2562 ที่จะชี้ชัดว่า สังคมไทยจะเลือกอยู่กับ ระบอบประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ส่วนการแถลงเปิดตัวเครือข่ายเพื่อจับตาการเลือกตั้งนั้น เห็นด้วย เพราะสิ่งเดียวที่ซีกประชาธิปไตยไม่มั่นใจ การเลือกตั้งที่ไม่เสรีและเป็นธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น