PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ตามเกมที่ ‘มโน’ กันได้


ฤดู “หนาว” ของคนพรรคเพื่อไทยที่ส่อเค้ามาเร็วกว่าปกติ
กับแอ็กชันที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบะท่า “รับลูก” จากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม
“เขี่ยบอล” ให้ซัลโว “ทักษิณ ชินวัตร” ฐานครอบงำพรรคเพื่อไทย
เลขาฯ กกต.ยอมรับเลยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งจากภาพถ่าย คลิป และข่าว รวมถึงความเห็นของบุคคลต่างๆเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
โดยการจะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ กกต.จะพิจารณาว่า พรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดจะส่งผลให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบพรรค
ได้เวลา “กู้เบ็ด” ที่ปักไว้ จังหวะเหยื่อไหลเข้าเหลี่ยมล้างน้ำสาม
เรื่องของเรื่อง ตั้งแต่ก่อนที่ “บิ๊กป้อม” จะออกมาทักดังๆ อาการมันส่อตั้งแต่คิวที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ว่าที่แม่ทัพนอมินีรุ่น 3 ไปพูดในงานจัดตั้งสาขาพรรคเพื่อไทยที่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ชิงออกตัวแทน “นายใหญ่” แบบล้อฟรี
ย้ำ “ทักษิณ” พูดไว้ชัด ไม่คิดหวนมาเล่นการเมืองอีก
บอกปัดเป็นพัลวัน “นายใหญ่” ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น ไม่ได้พูดเพื่อเข้ามาก้าวก่ายพรรคเพื่อไทย แต่แสดงความเห็นในฐานะที่อยู่ภายนอก
จับอาการลูกแถวยังเสียวสันหลัง “คาบลูกคาบดอก”
ทั้งคนใน คนนอก ล้วนมองออก พฤติการณ์ “ทักษิณ” มันยั่วคมกฎหมาย
และคนที่เสี่ยงอันตรายกว่าใครก็คือ “เจ๊หน่อย” นั่นแหละ ในกรณีถ้านั่งแท่นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วไปโดนยุบในห้วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มก่อนเลือกตั้ง
นั่นหมายถึงแพ้ฟาวล์ ต้องนั่งตาปริบๆอยู่ข้างสนาม
ตรงกันข้ามกับ “นายใหญ่” ที่ชิลๆไม่มีอะไรจะเสีย
เผลอๆจะได้จังหวะจัดทัพ ได้ที่ว่างเพิ่ม เคลียร์คิวเจ๊ๆเฮียๆในทีมง่ายขึ้น ในเมื่อรู้กันอยู่ว่า ลูกข่าย “ทักษิณ” ชาชิน เชี่ยวชาญการหาทางหนีทีไล่สำรองไว้ไม่รู้กี่ค่ายต่อกี่ค่าย ยังไงก็ไล่ไม่จน
หลงกลเล่นตามเกมเขี้ยว “นายใหญ่” สุดท้าย “ทักษิณ” กำไรคนเดียว
เอาเป็นว่า แกะรอยจากช็อตที่มาของปมป่วนๆกรณีอดีตนายกฯทักษิณพูดกับสื่อญี่ปุ่น
ที่โกหกแน่ๆก็คือ “ทักษิณ” จะกลับมาเป็นนายกฯ
ทั้งๆที่พกคดีอยู่รอบเอว ประตูคุกเปิดรออยู่ กลับเมืองไทยเมื่อไหร่มีทีมไปล็อกตัวถึงเครื่องบิน
“ทักษิณ” แค่พูดเอามัน แม้แต่ฝันยังตื่นมาผวาเหงื่อตก
ส่วนที่เจ้าตัวโชว์ความมั่นใจฝ่ายประชาธิปไตยเครือข่ายของตัวเองจะได้ที่นั่งในสภามากกว่า 300 ที่นั่ง และรัฐบาล “ลุงตู่” จะกลายเป็นเสียงข้างน้อย ไม่สามารถผ่านงบประมาณและยังต้องเจอกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะล่มภายในไม่กี่สัปดาห์
อันนี้ว่ากันไม่ได้ “นายใหญ่” มีสิทธิ์ “มโน” กับกระแส “บุญเก่า”
ตามตัวเลขพรรคเพื่อไทยหรืออาจจะเป็นค่ายไทยรักษาชาติ ชื่อย่อ “ทษช.” ของสาวกที่เสพติดยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ผนวกกับ “พรรคสาขา” พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ แท็กทีมกับพันธมิตรข้ามค่าย ทั้งพรรคอนาคตใหม่ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พรรคประชาชาติ ภายใต้การนำของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” พรรคเสรีรวมไทย ที่นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
และยังอาจนับรวมไปถึงพรรคภูมิใจไทย ภายใต้ปีกของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่แสดงตัวพร้อมสวิงขั้วมาแจมกับ “นายใหญ่” ถ้าเป็นฝ่ายชนะได้เสียงข้างมาก
300 ที่นั่งของ “นายใหญ่” มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง “ทักษิณ”
เช่นเดียวกัน อีกฝ่ายก็คิดแบบมโนได้เหมือนกัน ตามหน้าไพ่ที่ถือแต้มรอง ถ้า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะฐานต้นทุน 250 ส.ว.หนุน
ตามกติการัฐธรรมนูญ นายกฯรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็มีสิทธิ์ยุบสภา
เลือกตั้งกันใหม่แล้วก็มาจัดตั้งรัฐบาล เลือกนายกรัฐมนตรี โดยมีเสียง 250 ส.ว.เป็นฐานช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ
“ลุงตู่” ยุบสภา เลือกตั้งได้ไม่จำกัดครั้งในห้วงจังหวะเปลี่ยนผ่าน 5 ปี
เลือกแล้วแพ้ แพ้แล้วก็เลือกอีก
จนกว่า “ทักษิณ” หมดแรงข้าวต้มไปเอง.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: