PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มาเป็นขบวน


เมื่อปี่กลองเริ่มดัง นักเลือกตั้งก็เริ่มไหว้ครู
ช่วงนี้อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เบอร์หนึ่ง เริ่มอัดหนักใส่รัฐบาล คสช.ติดต่อกันหลายขบวน
ปล่อยหมัดกระแทกลิ้นปี่ “นายกฯบิ๊กตู่” จนใส่คะแนนแทบไม่ทัน
ช่วงแรกๆยังเน้นประเด็นดูด ส.ส.อย่างเดียว
แต่ช่วงหลังเริ่มขยายเขตโจมตีไปถึงนโยบายรัฐบาลแบบไม่บันยะบันยัง
แซ่บสะเด็ดเผ็ดสะเด่ายิ่งกว่าซดต้มยำโฮกอือ
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าประเด็นที่ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ หยิบมาวิจารณ์รัฐบาล คสช.หลายเรื่องมีเหตุผลน่ารับฟัง
เช่น การวิจารณ์โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” ว่าทำไมรัฐบาลไม่โอนเงิน หรือจ่ายเป็นเงินสดให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรคนจนเดือนละ 200 บาท หรือ 500 บาทโดยตรง
หากประชาชนได้ใช้จ่ายเงินอย่างอิสระ คนในชุมชนก็จะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อสินค้าในร้านขายของชำในชุมชน หรือเอาไปซื้อสินค้าตามตลาดสดภายในชุมชน
แต่รัฐบาลกลับเอาเงินทั้งหมดไปกองไว้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ให้ผู้ถือบัตรคนจน 11.5 ล้านคน ต้องใช้จ่ายเพียงรอบเดียว
เมื่อเงินถูกดูดไปอยู่ที่ร้านธงฟ้าทั้งหมด ร้านค้าในชุมชนจึงไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาล
เงินที่รัฐบาลอัดฉีดลงไปก็ไม่หมุนเวียน
แถมทำให้เจ้าของร้านค้าในชุมชนต้องจนหนักยิ่งกว่าเดิม
ส่วนโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีที่รัฐบาลเร่งผลักดันให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ชี้ว่าโครงการอีอีซีต้องตอบโจทย์ให้ชัดว่า การดึงคนเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจอีอีซี จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยและคนไทยอย่างไร??
ไม่ใช่มุ่งดูแต่ตัวเลขการลงทุน แต่สุดท้ายไม่ได้สร้างงานให้คนไทย และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างชัดเจน
มาถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศของรัฐบาล คสช.
อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ จัดหนักพิเศษใส่ไข่สองใบ
“การปฏิวัติยึดอำนาจเขาบอกว่าจะเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศ เพื่อปรับปรุงในหลายๆด้าน แต่ผ่านมากว่า 4 ปี แทบไม่มีอะไรจับต้องได้เลยว่ามีอะไรที่ได้รับการปฏิรูปบ้าง”
“บ้านเมืองย่ำแย่ เพราะเขาไม่เข้าใจรูปแบบการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน แม้รัฐบาลพยายามทำหลายอย่างเพื่อให้เกิดผลดีต่อประชาชน แต่เขาทำไม่ได้ เพราะเขาไม่เข้าใจ ไม่เคยสัมผัสประชาชนอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่มีตัวแทนที่ใกล้ชิดประชาชน เหมือน ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน”
“โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของประชาชน เขาบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น จากที่โต 3 เปอร์เซ็นต์ ขยับขึ้นเป็น 4 เปอร์เซ็นต์”
“แต่ในความเป็นจริง หากลงมาสัมผัสข้อมูลครัวเรือนในทุกพื้นที่จะพบว่า รายได้ครัวเรือนลดลงเกือบทุกจังหวัด บางจังหวัดเช่นจังหวัดตรัง ลดลงมากถึง 23 เปอร์เซ็นต์”
“ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนเชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน”
“แม่ลูกจันทร์” ชื่นชม อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แต่หน้าเก่า ที่กล้าวิจารณ์รัฐบาล คสช.แบบไม่เกรงอกเกรงใจ
แต่...แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ในเมื่อการเลือกตั้งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
การเลือกตั้งจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม
แล้วเหตุไฉนพรรคประชาธิปัตย์ จึงบอยคอตเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง 2 ครา??
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตเลือกตั้ง ก็ไม่มีรัฐบาล คสช.
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แหละคุณโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: