ฆ่าเผด็จการ?
มาแล้วเต็มรูปแบบ และเป็นไปตามโรดแมป
เลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ ๒๔ มีนาคม ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น.
เดิมทีกฎหมายเก่าปิดหีบกันเวลา ๑๕.๐๐ น. คราวนี้ยืดเวลาไปอีก ๒ ชั่วโมง เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน
สำหรับวันเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง คือวันที่ ๔-๘ กุมภาพันธ์
ประกาศรายชื่อผู้สมัครวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์
ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๔ -๑๖ มีนาคม
ลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง วันที่ ๑๗ มีนาคม
นั่นคือรายละเอียดที่แถลงโดย "อิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต.
ที่ไม่แถลงมีอยู่เรื่องเดียวคือ วันประกาศผลการเลือกตั้ง
แต่เมื่อเลือกตั้ง ๒๔ มีนาคม น่าจะประกาศผลได้ก่อนวันที่ ๙ พฤษภาคม ทันภายใน ๑๕๐ วันตามกฎหมายกำหนด
ได้วันเลือกตั้งไปแล้ว แต่ความอยากยังไม่หมด
อยากเลือกตั้งชูแคมเปญ " ๒๔ มีนาจับปากกาฆ่าเผด็จการ"
พรรคตระกูลเพื่อ ไล่ "ลุงตู่ กับ ๔ รัฐมนตรี ให้ลงจากตำแหน่ง
ชัดๆ จากปาก "จตุพร พรหมพันธุ์"
"สิ่งที่น่าห่วงใยก็คือว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มิฉะนั้นแม้ว่าเป็นได้ แต่จะเป็นปัญหาของชาติ เพราะว่าจะกลายเป็นผู้สมัครตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพรรคเดียวที่มีอำนาจปลด กกต. พล.อ.ประยุทธ์ควรเป็นแบบอย่างของการเสียสละและการไม่เอารัดเอาเปรียบ ณ วันนี้ไม่มีใครได้เปรียบมากกว่าท่านแล้ว อย่าได้เปรียบจนกระทั่งถึงการเอาเปรียบ เพราะวันใดที่คนรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ วันนั้นท่านจะรู้ว่าท่านคิดผิดจริง"
ที่จริงไม่น่ากลัว รัฐบาลเลือกตั้งอยู่ครบวาระ หรือยุบสภาฯ ก็รักษาการในตำแหน่งฝ่ายบริหารกันทั้งนั้น "ยิ่งลักษณ์" ยุบสภาฯ ก็เห็นยังคาบลูกคาบดอกออกหาเสียงบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
แต่ที่จะเป็นปัญหาของชาติคือ หากพรรคที่เคยโกงกลับเข้าสู่อำนาจ ความฉิบหายจะมาเยือนอีก
และเมื่อพิจารณาในรายละเอียด เห็นความคิดของแล้ว "จตุพร" แล้ว น่ากังวลจริงๆ
"บิ๊กตู่" จะปลด กกต.ช่วงที่กำลังจะเลือกตั้ง?
ถามจริงใช้อวัยวะเบื้องล่างส่วนไหนคิด
มันไม่มีใครกล้าทำ
แต่ถ้าเป็น "พวกคุณ" ก็ไม่แน่ เพราะทำอะไรในสิ่งที่ไม่ควรทำมาเยอะแล้ว
ฉะนั้นหากต้องการแบบอย่างในการเสียสละ ไม่ต้องทำอะไรมาก
"จตุพร" พูดถึงคนอื่นให้น้อยลง พูดถึงนโยบายพรรคตัวเองให้มากขึ้น
แค่นี่ประเทศไทยก็ปลื้มใจจนน้ำตาไหลแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น