PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

ชัวร์ "ลุงตู่" ลุ้น "สมคิด"!


ออกแรงเบ่ง เร่งทำคลอดเนื้องานโบแดงห้วงเลือกตั้ง
ตามจังหวะที่ประชุมคณะกรรมการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กัปตันทีมเศรษฐกิจ นั่งเป็นประธาน ได้อนุมัติให้ลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี แบบ Fast Track วงเงินลงทุนรวม 2.35 แสนล้านบาท
เพิ่มรถไฟฟ้าสารพัดสีที่ลงเสาเข็มเดินหน้าก่อสร้างไปแล้ว
ขณะที่เมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ก็เข้าใกล้ความจริงในการเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ที่ชนะประมูล
ก่อนอื่น มันคนละคิวกับการสั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้า 2-3 วัน เพื่อลดฝุ่น
ตรงข้ามการที่รัฐบาลเร่งปักหมุดโปรเจกต์ขนส่งมวลชนระบบราง แก้รถติดวินาศสันตะโรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดการใช้น้ำมันดีเซล เป็นแผนเชิงยุทธศาสตร์แก้ปัญหาลดมลพิษในระยะยาวอย่างแท้จริง
มันคือสิ่งที่เป็น “รูปธรรม” ที่จับต้องสัมผัสได้ตรงหน้า
เทียบกับบล็อกเกอร์ “Good Monday” ที่ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เปิดเกมการตลาด โชว์วิชันจากแดนไกลให้กองเชียร์ช่วยกันแห่กระแส วิธีแก้ฝุ่นในเมืองไทย
ชี้ปัญหาใหญ่จากรถดีเซลกับรถที่ไม่ได้มาตรฐาน รถเก่าหมดสภาพมาวิ่งควันเยอะ รถติด ต้องรีบแก้ไข ระยะยาวต้องแก้เรื่องรถติดอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ผลิตอยู่ในประเทศไทย ต้องจูงใจให้เปลี่ยนมาผลิตรถไฟฟ้าให้ได้เพื่อลดมลภาวะ
เป็นอะไรที่คน “พูด” ย่อมง่ายกว่าคน “ลงมือทำ”
และก็เกิดอาการขัดลำแบบที่ “นายใหญ่” สอนมวยให้รัฐบาล “ลุงตู่” รีบกู้สถานการณ์มลพิษฝุ่น ต้องเลิกรถยนต์ดีเซล โละรถเก่าปล่อยควัน แต่เพจเฟซบุ๊กของสาวก “ทักษิณ” ดันรุมด่า ถล่มแนวคิดอธิบดีกรมควบคุมมลพิษที่จ่อเสนอห้ามข้าราชการขับรถส่วนตัวมาทำงาน ถ้าหากสถานการณ์วิกฤติเอาไม่อยู่
หาเรื่องด่าตีกินรัฐบาล แก้ปัญหาปลายเหตุทำคนเดือดร้อน
ออกลูกมั่ว “ย้อนแย้ง” กันเอง จับทิศจับทางไม่ถูก
ตามรูปเกมที่จับทางได้ “นายใหญ่” พึ่งแค่เหลี่ยมการตลาดปั่นกระแส แห่กองเชียร์โซเชียลฯ
ไร้ทีเด็ดเหมือนตอนเปิดไพ่ “น้องปู” ป๊อกกินรอบวง
และนั่นก็ถึงเวลาโชว์ “นางอาย” ซะที สถานการณ์แบบที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โทรโข่งรัฐบาล ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณ “นำร่อง”
ลุ้นอีกสองสัปดาห์ จะเปิดชื่อ “นายกฯของพรรค”
ประชาชนจะได้เฮทั้งประเทศ เพราะจะเป็นผู้นำที่เด็ดขาด เข้มแข็งและพร้อมที่จะนำประเทศไทยได้
ไฮโลเปิดถ้วยแทง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้กันทั้งประเทศ
แต่เรื่องของเรื่อง บัญชีนายกฯพรรคพลังประชารัฐใส่ได้ 3 ชื่อ
เพื่อประกันความปลอดภัยไว้ก่อน แน่นอนหนึ่งในโควตาน่าจะเป็นชื่อของ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรค ล็อก “อัตโนมัติ” ตามสถานะ
ที่น่าจับตาก็คือชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะถูกวางไว้ตรงไหน
ถ้าคิดกันง่ายๆแบบเปิดท้ายขายของตลาดนัด ก็คือประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ
แต่เกมอำนาจ ผู้นำทหารแปลงร่างเป็นผู้นำรัฐบาลเลือกตั้งมันลึกซึ้งกว่านั้น
แบบที่เซียนฟันธง ถ้า “สมคิด” ลอย “พลังประชารัฐ” จะเคว้งทันที
แค่ภาคบังคับ อันดับแรกเลยก็คือการจูนคลื่นระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ “นักการเมืองอาชีพ” เบอร์ใหญ่ระดับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ–สมศักดิ์ เทพสุทิน-วราเทพ รัตนากร-สันติ พร้อมพัฒน์-สุชาติ ตันเจริญ ฯลฯ”
ถึงตรงนี้ก็ดูท่ายังขัดๆเขินๆกันชอบกล
จากอาการ “ปืนลั่น” ปม “สปก.ทองคำ” และการห้ามทีมหนุนอ้างชื่อ “ลุงตู่” หาเสียงก่อนได้รับอนุญาต
มันสะท้อนการ “ขาดตอน” สะพานเชื่อมประสาน
ไหนจะออปชันเสริม การขายความต่อเนื่องยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ที่ยี่ห้อ “สมคิด” มีบทบาทเป็นตัวหลักวางฐานมาตลอด 3–4 ปี เป็นอะไรที่ดึงความมั่นใจของนักลงทุนไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่หมายรวมถึง
นักลงทุนต่างชาติ จีน ญี่ปุ่น อเมริกัน ยุโรป ที่รอตัดสินใจขนเงินมาลงทุนในโครงการอีอีซี
ถ้า “ลุงตู่” ไปต่อ ก็ต้องพ่วง “สมคิด” การขาย “ความต่อเนื่อง” จึงจะสมบูรณ์
ตามไฟต์บังคับมันเป็นอะไรที่ “หนีไม่ออก” แม้นายสมคิดพยายามจะชิ่ง ดึงจังหวะถอยกลับไปเป็นอาจารย์สอนที่นิด้า ปั้นทีม “รัฐมนตรี 4 กุมาร” ที่วิทยายุทธ์ “ไม่แก่กล้า” รับช่วงไม่ทัน
เกมอำนาจการเมือง บางทีมันเป็นอะไรที่กำหนดชะตาเองไม่ได้
“คนอยากมักไม่ได้” แต่ “คนได้มักไม่อยาก”.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: